"ท่านพี่เจ้าคะ ท่านพี่ได้ยินลู่ลี่หรือไม่ ได้ยินเสียงของเด็กร้องอีเจี่ยเอ๋อร์ไม่สบายหรือไม่เจ้าคะ ลู่ลี่พาหมอมาด้วยให้ตรวจร่างกายเสียหน่อยดีหรือไม่"
น้ำเสียงของลู่ลี่หากฟังเผิน ๆ นั้นช่างอ่อนโยนหวานใสจนทำให้อ้ายอ้ายอยากจะเห็นหน้านักว่านางจะมีใบหน้าอย่างไร ทว่าในใจของอ้ายอ้ายนั้นกลับยิ่งรู้สึกรังเกียจ
เมิ่งสืออีตะโกนดังลั่นให้เสียงของตนเองดังลอดออกไปด้านนอก
"ลู่ลี่ เจ้าหุบปากอย่ามารบกวนบุตรสาวข้า"
ลู่ลี่ที่อยู่ภายนอกย่อมได้ยินเสียงอย่างชัดเจน นางกำหมัดแน่นก็แค่เชลยไร้ค่าผู้หนึ่งกล้าดีอย่างไรมาสั่งให้นางเงียบ ลู่ลี่กำลังจะอ้าปากเอ่ยคำแต่นางกลับโดนแม่นมของตนเองจับมือเอาไว้ทั้งส่ายหน้า
"คุณหนู อย่าเจ้าค่ะ"
ลู่ลี่ฮึดฮัดขัดใจแต่นางก็เชื่อฟังแม่นมของตนเองอยู่มาก นั่นเป็นเพราะคำสอนของแม่นมจึงทำให้นางคว้าหัวใจของหานชางเหยียนเอาไว้ได้ นางจึงได้แต่เงียบเสียงทำตัวเป็นแม่ดอกบัวขาวที่ไร้พิษภัยด้วยความรู้สึกอึดอัดใจ
อ้ายอ้ายจำได้ว่าฮูหยินรองเป็นงูพิษจึงถ่มน้ำลาย ทั้งค่อนขอดในใจ
เสแสร้งดัดจริต อย่าคิดว่าคนอื่นเขาโง่เหมือนผู้ชายคนนั้น เพ้ย!
คิดดังนั้นก็ปล่อยเต้าของหม่าม้าออกจากปาก จากนั้นก็เบ้ปากตะเบ็งเสียงร้องลั่นดังยิ่งกว่าเมื่อสักครู่
แง้ แง้ แง้...
ทั้ง ๆ ที่อ้ายอ้ายเงียบไปแล้วแท้ ๆ เพียงได้ยินเสียงของลู่ลี่นางก็ส่งเสียงร้องคล้ายเจ็บปวดแสนสาหัสขึ้นมาอีก บัดนี้ยิ่งทำให้เมิ่งสืออีไม่พอใจคนพวกนั้น
"โอ๋ โอ๋ เจี่ยเอ๋อร์เด็กดีตกใจหรือลูก แม่อยู่นี้แล้วไม่ร้องนะ โอ๋ โอ๋ โอ๋"
เมิ่งสืออีปลอบลูกทาง อีกทางก็หันไปขับไล่คน
"แค่เสียงของสตรีนางนั้นก็ทำให้เจี่ยเอ๋อร์ของข้าตกใจแล้ว ท่านจะยืนเป็นรากไม้อยู่ไย อยากให้เจี่ยเอ๋อร์ร้องจนคอแดงไม่สบายหรืออย่างไร ยังไม่รีบไสหัวพาคนกลับไปอีก"
"เจ้าว่าอะไรนะ ระ...รากไม้ หรือ?"
หานชางเหยียนว่าตกใจเสียงร้องของทารกน้อยน้อยแล้ว ครานี้เขายังตกใจกับวาจาของภรรยาเอกที่กล่าวหาว่าเขาเป็นรากไม้ สตรีนางนี้กลายเป็นสตรีใจกล้าตั้งแต่เมื่อใด นางไม่ใช่คนอ่อนแอปวกเปียกน่ารำคาญที่เขาเคยรู้จัก บัดนี้ดูเหมือนนางจะกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว
ไฉไฉเห็นด้วยกับเมิ่งสืออี นางไม่เคยเห็นคุณหนูเป็นเช่นนี้มาก่อนจึงหวาดกลัวว่าคุณหนูจะร้องไห้จนคอแดงแล้วจับไข้ นางจึงทำใจกล้าเอ่ยกับนายท่านไปว่า
"นายท่านเจ้าคะ บ่าวยอมถูกลงโทษหากนายท่านจะไม่พอใจ แต่บ่าวขอกล่าวสักประโยค เป็นจริงดังนั้นเจ้าค่ะปกติคุณหนูใหญ่ไม่เคยร้องไห้เลย แต่เพียงได้ยินเสียงท่านและเอ้อ...เสียงของฮูหยินรองก็เป็นเช่นนี้ วันนี้กลับไปก่อนเถิดนะเจ้าคะ"
หานชางเหยียนเป็นแม่ทัพ สิ่งที่เขาถนัดที่สุดก็คือการออกคำสั่งผู้อื่น วันนี้กลับถูกเมิ่งสืออีและสาวใช้ขับไล่เขาจึงวางสีหน้าไม่ถูก เขาเองก็ไม่อาจรังแกภรรยาเอกไปมากกว่านี้ และอีกทั้งไม่อาจทนฟังเสียงบุตรสาวที่กลายมาเป็นแก้วตาดวงใจในชั่วพริบตาร้องไห้ได้อีก เขาจึงเอ่ยเบา ๆ
"ได้วันนี้ข้าจะกลับไปก่อน"
จากนั้นเขาจึงหันไปบอกไฉไฉ
"เจ้าตามข้าออกมา"
ไฉไฉเดินตามหานชางเหยียนออกจากเรือน บัดนี้นางเห็นคนที่มายืนออกันอยู่ลานของเรือนเล็กจนเต็มก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแทนฮูหยินของตนเอง เพราะท่าทางของคนพวกนี้เหมือนมาหาเรื่องคนเสียมากกว่ามาด้วยความหวังดี
หานชางเหยียนหยุดยืนอยู่ข้างลู่ลี่ เมื่อเขาออกมาเสียงของทารกก็ค่อย ๆ สงบลงจนเงียบไปในที่สุด หานชางเหยียนรู้สึกปวดแปลบที่หัวใจ เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะรักบุตรสาวได้เพียงนั้น เขาไม่อยากให้ลูกน้อยเกลียดเขาเลยแม้แต่น้อย
ไฉไฉถูกลู่ลี่จับจ้องด้วยความสงสัย นางย่อมอยากรู้ว่าสาวใช้ของเมิ่งสืออีติดตามหานชางเหยียนออกมาด้วยเรื่องอันใด ไฉไฉมองเห็นสายตาอำมหิตคู่นั้นก็รู้สึกหวาดกลัว
นั่นเป็นเพราะไฉไฉเคยถูกลู่ลี่สั่งคนลงโทษโบยไปคราหนึ่งในข้อหาลักขโมยที่ไฉไฉไม่ได้ทำ ซึ่งครานั้นเป็นลู่ลี่ที่ต้องการใส่ร้ายกลั่นแกล้งทำให้สาวใช้หวาดกลัว ไม่ให้มีคนใดกล้ารับใช้เมิ่งสืออีอีกต่อไป
ยามนั้นเพราะเมิ่งสืออีปกป้องใช้ตัวเองบังไฉไฉเอาไว้ทั้ง ๆ ที่ท้อง จึงทำให้ลู่ลี่ไม่กล้าลงมือเพราะเกรงกระทบเด็กในครรภ์ของเมิ่งสืออีจนทำให้ตัวเองลำบาก มิเช่นนั้นไฉไฉคิดว่าตนเองอาจตายคาไม้ไปแล้วก็เป็นได้
ตั้งแต่วันนั้นมาไฉไฉจึงหวาดกลัวลู่ลี่เป็นอย่างมากแต่นางก็สงสารเมิ่งสืออีเกินจะทอดทิ้ง ไฉไฉเป็นบ่าวที่เหลือเพียงคนเดียวที่กล้ามารับใช้ฮูหยินใหญ่ในจวน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วท้ายที่สุดทั้งนายทั้งบ่าวจึงถูกขับไล่ออกมาเผชิญความลำบากด้วยกันโดยไม่มีผู้ใดสนใจ
"คารวะฮูหยินรอง"
ลู่ลี่ส่งยิ้มหวาน สีหน้าเต็มไปด้วยความปรานีแต่ดวงตาคู่นั้นกลับจ้องไฉไฉเขม็งจนสาวใช้ตัวสั่น
"ไม่ต้องมากพิธีไป เจ้ากับข้าก็พบเจอกันหลายครั้งแล้ว เจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทของพี่หญิงก็นับว่าเป็นคนกันเองแล้ว"
ไฉไฉหลบสายตาไม่กล้าเงยหน้ามองคน หานชางเหยียนจึงเอ่ยขึ้น
"เจ้าบอกข้ามาตามตรง เกิดอะไรขึ้นในจวนกันแน่ไยฮูหยินจึงต้องมาอยู่ที่นี่"
แน่นอนว่าหานชางเหยียนย่อมรู้เรื่องแล้ว แต่เขาต้องการได้ยินจากปากของสาวใช้นางนี้เช่นกัน
"หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญซินแสมาที่จวนเจ้าค่ะ ซินแสผู้นั้นเอ่ยว่าในวันมงคลของท่านกับฮูหยินรองไม่อาจให้ฮูหยินใหญ่อยู่ที่จวนเพราะจะทำให้ชะตาของนายท่านอัปมงคล ดังนั้นจนกว่าเวลาจะล่วงผ่านไปสามเดือนห้ามกลับเข้าจวนโดยเด็ดขาด"
หานชางเหยียนได้รับการยืนยันว่ามีซินแสมาทำนายดวงจริงก็พยักหน้า เขาคิดว่าเรื่องดวงนี้ท่านย่าเชื่อถือนัก ซินแสแนะนำเช่นใดก็ย่อมทำตามอยู่แล้ว
"ยังมีสิ่งใดอีกที่นางได้รับความลำบากเล่ามาทั้งหมด"
ไฉไฉได้โอกาสจึงฟ้องไปทั้งหมด ทั้งเรื่องหมอตำแยและเรื่องเงินที่ขัดสนจนเมิ่งสืออีต้องจำนำสิ่งที่มีค่าที่สุดของตนเองเพื่อมาใช้จ่ายทั้งยังไม่มีบ่าวบุรุษมาคอยรับใช้หาบน้ำผ่าฟืน ทุกสิ่งล้วนเป็นไฉไฉที่จัดหามาทั้งหมด
ลู่ลี่ถูกแม่นมสะกิดที่แผ่นหลังเบา ๆ เวลานี้สมควรแสดงความห่วงใยคนออกมา
"ท่านพี่พี่หญิงช่างน่าสงสารยิ่ง หากลู่ลี่รู้จะไม่มีวันให้พี่หญิงได้รับความลำบากเยี่ยงนี้เจ้าค่ะ ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของลู่ลี่แล้ว มิน่าเล่าพี่หญิงจึงตั้งแง่รังเกียจลู่ลี่ ท่านพี่ท่านต้องชดเชยให้พี่หญิงนะเจ้าคะ"
ลู่ลี่น้ำตาคลอ ดวงหน้างามเศร้าสลดเต็มไปด้วยสีหน้าระทมทุกข์เพราะรู้สึกผิด หานชางเหยียนเอ่ยปลอบเบา ๆ
"จะใช่ความผิดของเจ้าได้อย่างไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย ข้าจะจัดการชดเชยให้นางเอง"
ท่านย่าของเขาไม่ได้ปิดบังเรื่องที่ให้เมิ่งสืออีออกมาอยู่ข้างนอก แต่ก็ไม่ได้บอกว่าสถานที่ให้นางอยู่นั้นเป็นเช่นใด เขาเองก็พูดไม่ออกเพราะรู้ถึงความเกลียดชังที่อยู่ในใจของท่านย่า
คนที่ทำให้ท่านปู่ต้องตายก็คือท่านปู่ของเมิ่งสืออี เป็นไปได้ยากที่ท่านย่าจะไม่มองเมิ่งสืออีเป็นศัตรู เขาเองก็พยายามถอยห่างจากนางเพื่อให้ท่านย่าสบายใจที่สุด แต่การที่นางได้รับความลำบากทั้ง ๆ ที่มีบุตรสาวของเขาอยู่ในท้องเขาก็ไม่อาจวางเฉยได้เช่นกัน