“เพลงล่ะ อย่าบอกนะว่ายังไม่กลับมา”
เจ้าสัวสัญชัยที่พึ่งกลับมาถึงบ้านถามขึ้น เมื่อเห็นภรรยายืนกระสับกระส่ายอยู่หน้าห้องรับแขก
“น่าจะยังไม่เลิกเรียนมั้งคะ”
“นี่จะหกโมงแล้ว ยังไม่เลิกหรือว่าแอบไปเที่ยวเถลไถลอีกล่ะ เฮ้อ จริงๆเลย น่าจะส่งไปเรียนเมืองนอกให้รู้แล้วรู้รอด”
เจ้าสัวสัญชัยพูดขึ้นเมื่ออันที่จริงเขาอยากส่งลูกสาวคนเล็กไปศึกษาอยู่ต่างประเทศตั้งแต่เรียนจบมัธยมแล้วแต่ภรรยาไม่ยอม เพราะเป็นห่วงไม่อยากให้อยู่ห่างสายตาเขาเลยจำต้องตามใจ
“อย่าพูดแบบนั้นสิคะ ขนาดเรียนที่ไทยยังเป็นขนาดนี้...ถ้าไปอยู่เมืองนอก ดิฉันไม่อยากคิดเลยว่ายัยเพลงจะเสเพลขนาดไหน”
“นี่ยอมรับแล้วใช่ไหมว่าลูกสาวคุณเสเพล เฮ้อออ จริงๆเลย โทรไปตาม บอกให้กลับบ้านมาเดี๋ยวนี้!”
พอสั่งเสร็จ เจ้าสัวสัญชัยก็เดินขึ้นบ้านไป ปล่อยให้ภรรยาได้แต่มองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าหนักใจเพราะเธอพยายามติดต่อเพลงขวัญแล้วแต่กลับติดต่อไม่ได้นี่สิ
“ฮัลโหลพิณ นี่แม่เองนะ ลูกลองโทรหาน้องหน่อยสิ ถ้าติดต่อได้บอกให้กลับบ้านตอนนี้เลยนะ”
“ค่ะ...”
และคุณหญิงพิณพานก็ต้องให้เพลงพิณเข้ามาช่วย ทำเอาเพลงพิณถึงกับแปลกใจ
“เดี๋ยวพิณขอตัวแปปนึงนะ”
เธอเอ่ยขอตัวก่อนจะเดินออกมากดโทรออกไปหาน้องสาว และก็พบว่าติดต่อไม่ได้เหมือนกัน
“อะไรกัน ก็เลิกเรียนแล้วนี่...หรือเถลไถลอีก...”
และพอคิดได้แบบนั้นเพลงพิณก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ ที่ตอนนี้มีหนุ่มหล่อนั่งอยู่
“ขอโทษทีนะคะ”
เธอเอ่ยขอโทษออกมา
“ไม่เป็นไรครับ...ว่าแต่ มีปัญหาอะไรรึเปล่า เอ่อ ถ้าคุณพิณจะกลับก่อนก็ได้นะครับ เราค่อยนัดคุยกันอีกทีก็ได้”
พิธา บอกขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าไม่ค่อยสบายใจของเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ เสร็จงานพิณค่อยจัดการดีกว่า”
ยังไงเธอก็ต้องทำงานตรงหน้าให้เสร็จก่อนเพราะกว่าพิธาจะมีเวลาว่างสำหรับเธอก็ต้องนัดล่วงหน้าเป็นอาทิตย์
ส่วนพิธานั้นไม่เคยคิดว่าจะได้เจอคนที่ถูกตาถูกใจเขาได้มากมายอย่างเพลงพิณมาก่อน เขาแทบทำอะไรไม่ถูกตอนเดินเข้ามาในร้านกาแฟเล็กๆนี่
จากนั้นทั้งสองก็คุยงานกันอย่างถูกคอเพราะต่างก็บ้างานไม่แพ้กัน เมื่อเพลงพิณถือเป็นเด็กใหม่ในวงการนี้แต่พิธากลับเต็มไปด้วยประสบการณ์และแถมไฟแรงอีก ทำให้เพลงพิณอดนึกชื่นชมเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่วายคิดไปถึงอีกคนที่เธอพึ่งเจอในวันนี้ เมื่อเมฆาดูน่าเกรงขามสมกับเป็นผู้นำ ต่างจากพิธาที่ดูเป็นกันเองมากกว่า
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง ที่จริงพิณกลับแท็กซี่เองก็ได้ ไม่อยากรบกวนเลย”
“รบกวนอะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง ยังไงถ้ามีอะไรให้ผมแนะนำก็ติดต่อมาได้ตลอดเลยนะครับไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณค่ะ กลับดีๆนะคะ”
“ครับ...”
พอคุยงานเสร็จ พิธาก็อาสามาส่งเพลงพิณที่บ้านเพราะเธอไม่ได้ขับรถไปทำงานทำให้เขามีโอกาสได้รู้จักเธอมากขึ้นไปอีก
“หือ? ใครมาส่งกัน”
พอจะเดินเข้าบ้าน เพลงพิณก็เจอเข้ากับเจ้าสัวสัญชัย ซึ่งอันที่จริงเจ้าสัวนั้นมายืนรอเพลงขวัญแต่ดันเจอลูกสาวคนโตมีหนุ่มมาส่งเสียอย่างนั้น
“อ่าวคุณพ่อ คุณพิธาน่ะค่ะ พอดีพิณออกไปคุยงานกับเขา เขาเลยอาสามาส่ง ว่าแต่คุณพ่อมายืนทำอะไรตรงนี้คะ?”
“พ่อมายืนรอน้องสาวตัวดีของเราน่ะสิ ดูสิ จะสองทุ่มแล้วยังไม่กลับมาอีก”
“เดี๋ยวพิณรอน้องเองค่ะ คุณพ่อไปพักเถอะ พิณจะนั่งทำงานต่อด้วย”
“เอาอย่างนั้นเหรอ...เฮ้อ ยัยเพลงนี่จริงๆเลย”
และเจ้าสัวก็เดินกลับเข้าบ้าน ส่วนเพลงพิณก็มองตามหลังบิดาอย่างเข้าใจเพราะแต่ก่อนบิดาหรือบางทีก็มารดาจะคอยมายืนรอเธอกลับบ้านแบบนี้ทุกวันเหมือนกัน
ส่วนเพลงขวัญ หลังจากที่ศึกสวาทอันหนักหน่วงจบลงเธอก็หมดสติไปทันทีเช่นกัน ส่วนเมฆาหลังจากเสร็จสมเขาก็ออกไปทำงานต่อ เพราะนอกจากธุรกิจสีขาวแล้วเขายังมีธุรกิจสีดำอีกมากมายให้ต้องจัดการ
“ว่าไงบ้าง เรื่องที่ให้ไปสืบมา”
“เรารู้แล้วครับว่าใครเป็นเจ้าของที่ และผมคิดว่าคงจะยากที่จะยอมขายเพราะหมอนั่นมีแผนที่จะสร้างห้างสรรพสินค้าตรงจุดนั้นครับ”
ตะวันรายงานออกมา
“ยังไงก็ต้องซื้อมาให้ได้”
“ครับ”
เมฆาอยากได้ที่ดินผืนนั้นมากเพราะต้องการขยายเขตธุรกิจของเขาซึ่งมันติดตรงที่ผืนนั้นหาตัวเจ้าของยากมาก แถมพอเจอก็ดูท่าจะไม่ยอมขายอีกนี่สิปัญหา
“แล้วเรื่องเด็กนั่น ฉันให้นายไปดูว่าเธอเอาเรื่องที่ได้ยินไปบอกใครรึเปล่า ไม่ใช่ให้ไปพาตัวมา”
“อ่าว ก็ผมคิดว่า...เอ่อ ผมคงคิดไปเอง ขอโทษครับ”
ถึงจะพูดเหมือนต่อว่า แต่เมฆาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าพอใจกับเซ็กที่พึ่งผ่านมาเป็นอย่างมาก ใครจะไปรู้ว่าเด็กสาวแบบเพลงขวัญช่างอยากรู้อยากเห็นจนทำให้เขาแทบคลั่ง
“ให้คนพาไปส่งบ้านด้วย อีกสักพักใหญ่ๆน่าจะตื่น”
“ได้ครับ แล้วเรื่องดอกไม้ที่จะส่งให้คุณพิณ นายจะให้ผมส่งดอกไม้แบบไหน สีอะไรไปให้เธอดีครับ?”
“อะไรก็ได้ ส่งๆไปเถอะ”
เมฆาพูดออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ เขาต้องการเพลงพิณเพียงเพราะต้องการขยายธุรกิจสีขาวของเขาล้วนๆ ถ้าได้อำนาจของเจ้าสัวสัญชัยมาไว้ในกำมือเขาก็จะทำอะไรหลายๆอย่างได้สะดวกยิ่งขึ้นด้วย และเขาไม่ได้คิดรังเกียจอะไรเธอ เมื่อเธอทั้งสวย ทั้งสง่าเหมาะจะมายืนเคียงข้างเขาถ้าเกิดเขาต้องเลือกผู้หญิงสักคนเข้ามาในชีวิต
“ใครมาส่ง?”
“เฮ้ย! พะ...พี่พิณ! ตกใจหมดเลย”
หลังจากได้พักผ่อนเกือบเต็มที่ เพลงขวัญก็ถูกพามาส่งที่บ้านของเธอ พอเดินเข้ามาในรั้วบ้านเธอถึงกับสะดุ้งตกใจ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เป็นพี่สาวแทนที่จะเป็นบิดาหรือมารดา
ส่วนเพลงพิณ เธอพึ่งทำงานเสร็จและคิดว่าจะออกมาเดินเล่นสูดอากาศ แต่กลับเจอน้องสาวพึ่งกลับบ้านเลยเดินเข้ามาหา
“ไปไหนมา”
เพลงพิณถามขึ้นอย่างสงสัย
“โธ่ เพลงก็แค่ไปเที่ยวมา...ว่าแต่พี่พิณทำไมยังไม่นอนคะ”
“พึ่งทำงานเสร็จ เดี๋ยวนี้เราเที่ยวบ่อยนะ รู้ไหมว่าคุณพ่อจ้องจะทำโทษอยู่”
“เฮ้ออออ ถ้าทำได้เพลงก็จะไม่หนีเที่ยวเด็ดขาด”
‘จะได้ไม่เจอกับอีตานั่น ไม่เจอเรื่องบ้าๆความลับเลวๆนั่นด้วย’
เพลงขวัญได้แค่คิด เมื่อการหนีเที่ยวของเธอมันทำให้เธอมีปัญหาใหญ่ในชีวิตแล้วตอนนี้
“ไปเลย นี่มันดึกแล้ว พรุ่งนี้มีเรียนรึเปล่า?”
“ไม่มีค่ะ ว่างทั้งวัน”
“อืม ไปนอนไป”
“พี่พิณก็ควรไปนอน ไปเถอะค่ะ ไปนอนพร้อมกับ”
และสองสาวก็เดินกอดกันเข้าไปในบ้าน เพลงพิณที่ได้กลิ่นน้ำหอมที่เธอแน่ใจว่ามันเป็นน้ำหอมผู้ชายอย่างแน่นอนจากตัวน้องสาว แถมกลิ่นนี้ยังไม่ได้หาซื้อง่ายๆด้วย ถ้าไม่มีเงินหรือไม่มีเส้นสายพอแทบจะหาซื้อไม่ได้เลย
ส่วนเพลงขวัญก็อดที่จะโล่งใจไม่ได้ที่เป็นพี่สาวมาเจอเธอเข้าพอดี เพราะถ้าเป็นบิดาหรือมารดา ป่านนี้คงได้ถูกบ่นจนหูชาหรือไม่ก็ทำโทษจนไม่ได้หลับได้นอนเป็นแน่แท้
เช้าวันต่อมา คนที่เพลงขวัญไม่อยากเจอที่สุดในตอนนี้กำลังยืนมองเธออยู่หลังจากคลาดกันมาหลายรอบ และครั้งนี้เจ้าสัวสัญชัยเลือกที่จะมายืนรอในห้องนอนของลูกสาวคนเล็กเพื่อรอให้เธอตื่น
“อื้ออออ เมื่อยไปหมดเลย...ว๊าย!! คุณพ่อ!!”
เพลงขวัญที่พึ่งตื่นนอนบิดร่างกายอันปวดเมื่อยไปมา ก่อนจะตกใจเมื่อลืมตาขึ้นมาเจอบิดายืนหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างเตียงของเธอ
“เป็นยังไงลูกสาวตัวแสบ! เมื่อคืนกลับบ้านกี่โมงล่ะ หือ?”
เจ้าสัวสัญชัยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“โธ่ คุณพ่อคะ ก็เมื่อวานเพลงไปอ่าน...”
“อย่ามาโกหก อย่างลูกนี่นะจะไปอ่านหนังสือ เฮ้อ ตอนไหนจะโตสักที ลุกขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัง พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
พูดจบเจ้าสัวสัญชัยก็เดินออกไป ปล่อยให้เพลงขวัญได้แต่มองตามบิดาอย่างนึกแปลกใจ เมื่อปกติแล้วบิดาต้องบ่นมากกว่านี้
“หรือว่าคุณพ่อจะโกรธจริงๆ...”
พอคิดได้แบบนั้น เพลงขวัญรีบเด้งตัวออกจากที่นอนทันที และพอเธอเดินลงมาด้านล่างเธอก็ยิ่งแปลกใจเมื่อมันเงียบเกินไป
“ไม่มีใครอยู่บ้านเหรอ...ทำไมเงียบแปลกๆ”
เพลงขวัญอดที่จะพูดขึ้นอย่างสงสัยไม่ได้ ก่อนจะเดินมาที่ห้องอาหาร ที่มีเพียงบิดาของเธอนั่งอยู่
“นั่งสิ”
“ค่ะ...”
‘แปลกจริงๆด้วย...คนอื่นก็หายไปหมด...’
เพลงขวัญเดินเข้ามานั่งตรงข้างๆบิดาพร้อมกับมองอย่างสงสัย
“กินสิ จะได้มีแรง”
“คะ? เอ่อ ค่ะ...”
ถึงจะแปลกใจกับคำพูดของบิดา แต่เธอก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“คุณพ่อไม่ไปทำงานเหรอคะ?”
เธอถามขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะปกติแล้วเวลานี้บิดาของเธอต้องออกไปบริษัทแล้ว แต่วันนี้กลับอยู่บ้านเสียอย่างนั้น
“ไปทำแล้วจะได้พูดกับเราเหรอ? ตื่นก็สาย กลับบ้านก็ดึกดื่นแทบจะไม่ได้เจอกันทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกันแบบนี้มีที่ไหน”
“...................”
พอเห็นว่ายิ่งพูดบิดายิ่งบ่นเพลงขวัญเลยเลือกที่จะเงียบแทนจนกระทั่งมื้ออาหารจบลง เพลงขวัญรีบลุกแต่กลับถูกบิดาสั่งให้นั่งลงที่เดิม
“คุณพ่อมีอะไรจะพูดกับเพลงคะ...”
“ลูกจะไปเรียนเมืองนอกหรือยอมเข้าไปเรียนรู้งานที่บริษัททุกเสาร์อาทิตย์จนกว่าจะปิดเทอม แล้วพอปิดเทอมลูกก็ต้องเข้าไปทำงานเต็มเวลาเหมือนพนักงานทั่วไป”
“คะ???”
เพลงขวัญถึงกับอึ้ง ไม่คิดว่าบิดาจะบังคับเธอแบบนี้
“ว่าไง จะเลือกแบบไหน”
เจ้าสัวสัญชัยที่ทนลูกสาวไม่ได้อีกต่อไปเลือกที่จะใจแข็งไม่ยอมปล่อยผ่านอีก
“คุณพ่อ...แค่เรียนก็หนักแล้วนะคะ อีกอย่างเพลงก็ใกล้จะสอบแล้วด้วย...”
“ถ้าแค่เรียนมันไม่หนักหรอก เที่ยวน่ะหนักกว่า พ่อให้โอกาสไปคิด 7 วันถ้าเลือกไม่ได้พ่อจะเลือกให้เอง”
“คุณพ่อ...”
พูดจบเจ้าสัวก็ลุกเดินออกจากโต๊ะอาหารไปทันที ทำเอาเพลงขวัญได้แต่มองตามด้วยตาละห้อยเมื่อครั้งนี้ไม่มีใครอยู่ช่วยพูดเลยสักคน สงสัยคราวนี้เธอคงหนีอีกไม่ได้แล้ว