“เกิดอะไรขึ้นคะคุณแม่ ทำไมทำหน้าเครียดแบบนั้นล่ะคะ?”
เพลงพิณที่เดินลากกระเป๋าเดินทางเข้ามาเจอเข้ากับคุณหญิงพิณพานที่นั่งหอบเหนื่อยหน้าเครียดเลยถามขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหามารดาอย่างเป็นห่วง
“พิณ กลับมาแล้วเหรอลูก แม่คิดว่าลูกจะกลับมาอาทิตย์หน้าซะอีก”
พอเจอหน้าลูกสาวคนโต สีหน้าของคุณหญิงพิณพานก็ดีขึ้นทันที
“พอดีอีกที่ที่จะไปเกิดจลาจลน่ะค่ะ พิณเลยตัดสินใจกลับบ้าน ว่าแต่มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”
“เฮ้อ...ก็น้องสาวตัวดีของเราน่ะสิ...อย่าไปบอกคุณพ่อนะ ยัยเพลงน่ะแอบหนีเที่ยวอีกแล้ว ครั้งนี้ไปทั้งคืน พึ่งกลับมาเมื่อไม่กี่นาทีนี่เอง...แม่ล่ะเป็นห่วงเหลือเกิน โตป่านนี้แล้วยังไม่รู้จักคิดอีก”
“โธ่ คุณแม่คะ เพลงน่ะ 20 แล้วนะคะ ปล่อยแกบ้างก็ได้”
“ถ้ายัยเพลงทำตัวเหมือนอายุก็ดีน่ะสิ ชอบไปกินเหล้าแล้วก็ทำเรื่องกลับมาตลอด คุณพ่อต้องเดือดร้อนและอับอายขนาดไหนที่ต้องแบกหน้าไปโรงพักเพื่อประกันตัว เฮ้อ จริงๆเลย”
“เดี๋ยวพิณพูดกับน้องเอง คุณแม่อย่าเครียดเลยนะคะ”
พอได้ยินแบบนั้น คุณหญิงพิณพานก็มีสีหน้าดีขึ้น เพราะเพลงขวัญมักจะเชื่อฟังพี่สาวอยู่เสมอ
“ว่าแต่ลูก...กลับมาแสดงว่าพร้อมเข้าไปทำงานกับคุณพ่อแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ พิณสัญญาเอาไว้แล้วไงคะ ถ้ากลับมาพิณจะเข้าไปทำงานที่บริษัท”
“ดีแล้วลูก คุณพ่อจะได้เลิกบ่นสักที แค่บ่นเรื่องของยัยเพลงแม่ก็จะบ้าอยู่แล้ว”
“ค่ะ...งั้นพิณขอตัวเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวแม่ให้เด็กขึ้นไปช่วย”
และพอพูดคุยกับมารดาเสร็จ เพลงพิณก็ขอตัวขึ้นห้อง แต่พอขึ้นมาชั้นบนเธอก็เดินไปยังห้องนอนของน้องสาวแทน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เพลงไม่เปิดให้คุณแม่หรอกค่ะ”
“นี่พี่เอง”
“พี่พิณ!...”
เพลงขวัญที่พอรู้ว่าเป็นเพลงพิณก็รีบเดินมาเปิดประตูให้ ก่อนจะรีบโผกอดพี่สาวอย่างคิดถึง
“อะไรกัน ได้ยินว่าเถลไถลทั้งคืนเลยเหรอเรา”
“โธ่ ก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อนเอง...”
“แค่นั้นจริงๆเหรอ หืม?”
‘อะไรกัน พี่พิณมีจิตสัมผัสรึไงเนี่ย!’
เพลงขวัญถึงกับไปไม่เป็น เพราะเธอไม่เคยปิดบังพี่สาวได้เลยจริงๆ
“พี่จะไม่ถามแล้วกันว่ามีเรื่องอะไร ยังไงเราก็โตแล้วจะทำอะไรก็คิดให้รอบคอบ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะ พึ่งกลับมา เหนื่อยมากเลย”
“ค่ะ...”
เพลงขวัญถอยหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่พี่สาวไม่คาดคั้นต่อ ส่วนเพลงพิณนั้นแค่มองก็รู้แล้วว่าน้องสาวมีเรื่องไม่สบายใจ เธอไม่อยากถามเซ้าซี้อยากให้เพลงขวัญได้เผชิญหน้ากับปัญหาในชีวิตบ้างก็เท่านั้น
“ยัยเพลง! เมื่อคืนวานแกหายไปไหนมาห๊ะ! รู้ไหมว่าฉันตามหาแกแทบพลิกแผ่นดิน!”
พอเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัย เสียงของนิน่าก็ดังขึ้น ทำเองเพลงขวัญถึงกับสะดุ้งตกใจ เมื่อลืมไปเลยว่ายังมีนิน่าอีกคนที่เธอต้องปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้น
“แกจะเสียงดังทำไม”
เพลงขวัญพูดขึ้นพร้อมกับหลบตา
“อะไรกัน แกทำตัวแปลกๆนะ”
“แปลกอะไร วันนั้นฉันก็แค่รู้สึกเมาเลยเรียกรถมารับที่ผับก็เท่านั้น”
“แกก็น่าจะบอกฉันก่อนสิ ฉันนึกว่าแกเมาแล้วสร้างปัญหาอีก เกิดใครลากแกไปทำมิดีมิร้ายฉันจะทำยังไง”
‘ยัยนี่พูดเหมือนรู้อีกคนแล้ว หรือว่าเรามีพิรุธขนาดนั้น...’
เพลงขวัญเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอจะเก็บความลับที่สาบานเอาไว้ได้เมื่อแค่คนสนิทมองมาที่เธอก็ต่างพากันดูออกแล้วว่าเธอไม่ปกติ
“พูดเพ้อเจ้อ! ไปๆ เข้าเรียนเถอะๆ”
เพลงขวัญรีบเปลี่ยนเรื่อง พร้อมกับลากนิน่าเข้าห้องเรียน เมื่อชีวิตของเธออยู่กับสิ่งที่ได้รู้มา เธอจะไม่มีทางเล่าหรือบอกใครเด็ดขาด ใครจะเป็นจะตายมันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับเธอเลยสักนิด
“ไปเรียกพิณมาที่ห้องประชุมใหญ่หน่อยไป ฉันมีลูกค้าคนสำคัญอยากให้รู้จักพอดี”
“ค่ะ เจ้าสัว”
เจ้าสัวสัญชัยหันไปบอกเลขาส่วนตัว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องประชุมใหญ่ด้วยสีหน้าอันแสนจะมีความสุข เพราะลูกสาวคนโตอย่างเพลงพิณนั้นสุดท้ายก็ยอมเข้ามาเรียนรู้งานในบริษัทได้สักที
“ขอโทษที่ให้รอนาน พอดีผมมีสายด่วนจากต่างประเทศมา”
“ไม่เป็นไรครับ ผมมาก่อนเวลาเอง”
“นั่งก่อนๆ คุณเมฆาอุตส่ามาเยือนบริษัททั้งทีผมต้อนรับได้แค่นี้ต้องขอโทษด้วย”
เจ้าสัวสัญชัยพูดขึ้นอย่างรู้สึกเสียดาย เพราะถ้าเขารู้ว่าเมฆาจะตอบตกลงมาคุยธุรกิจด้วย เขาคงให้เพลงพิณเป็นคนมาต้อนรับเมฆาไปแล้ว
“คะ? คุณพ่อให้ไปหา มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”
“พอดีมีแขกคนสำคัญมา เจ้าสัวอยากให้คุณพิณไปทำความรู้จักเอาไว้น่ะค่ะ”
“อ้อ ได้สิคะ”
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เพลงพิณก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามเลขาของบิดาไป และพอมาถึงเธอก็เหมือนจะพอเข้าใจกับสิ่งที่บิดาต้องการ
“อ่าว มาแล้วเหรอลูก มานั่งนี่ๆ มารู้จักคุณเมฆาเอาไว้”
เสียงของเจ้าสัวสัญชัยบอกขึ้นทันทีที่เห็นบุตรสาวคนโตเดินเข้ามา
“นี่เพลงพิณ ลูกสาวคนโตของผม...ส่วนนี่คุณเมฆา เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทเรา”
เจ้าสัวสัญชัยเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน เมื่อเขาเคยพูดเอาไว้ว่าอยากได้คนแบบเมฆามาเป็นลูกเขย เขาจะได้ตายตาหลับเพราะมีคนที่มีอำนาจและอิทธิพลแบบนี้มาคอยดูแลครอบครัวของเขาต่อ และก็เหมือนฟ้าเป็นใจเมื่อเพลงพิณเองก็ยังไม่มีแฟน แถมทั้งสองยังดูเหมาะสมกันอีก
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ...คุณเพลงพิณ...”
เมฆาพูดขึ้นพร้อมกับมองเพลงพิณอย่างพึงพอใจ
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
เพลงพิณเองก็ไม่ต่างกัน เมื่อเมฆาทั้งหล่อทั้งดูสมาร์ท แถมท่าทางดูเป็นผู้นำจนอดชื่นชมไม่ได้อีก
“อีกไม่นานผมคิดว่าจะวางมือ และคงยกหน้าที่ทุกอย่างให้กับพิณดูแล ส่วนอีกคนหนึ่งยังเรียนไม่จบเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”
เจ้าสัวสัญชัยพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาเสียงดัง เมื่อแค่นี้ก็เริ่มมีความหวังแล้วเพราะท่าทีของทั้งสองที่มีต่อกันดูจะเข้ากันได้อย่างไม่ต้องสงสัย
จากนั้นการเจรจาธุรกิจก็เริ่มขึ้น เมฆาอดทึ่งกับความสามารถของเพลงพิณไม่ได้เมื่อเขารู้มาว่าเธอพึ่งเริ่มเข้ามาเรียนรู้งานแท้ๆ แต่กลับตอบคำถามและเจรจาธุรกิจกับเขาได้อย่างฉะฉาน
“ถ้าเย็นนี้คุณว่าง เราไปทานอาหารเย็นด้วยกันสักมื้อเป็นไง”
เจ้าสัวสัญชัยพูดขึ้น หลังจากพูดคุยเรื่องธุรกิจกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“วันนี้ผมคงต้องขอตัว พอดีมีงานต้องไปทำต่อ เอาไว้ผมจะให้คนติดต่อมานะครับ”
“ได้สิ วันไหนก็ได้ ใช่ไหมลูก”
“ค่ะ...”
เพลงพิณตอบรับอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเธอรู้สึกถูกใจในตัวของเมฆาเช่นกัน จากนั้นเมฆาก็ขอตัวกลับเพราะเสร็จงานจากบริษัทของเจ้าสัวสัญชัยแล้วเขาก็ต้องกลับไปทำงานที่บริษัทของเขาต่อ
“เด็กคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
พอขึ้นมาบนรถเขาก็ถามขึ้น ทำเอาตะวันถึงกับไม่เข้าใจที่เจ้านายถาม
“เด็ก...เอ่อ ใครครับ...”
“เด็กนั่นไง!”
“................”
เมฆาถึงกับหันไปมองลูกน้องคนสนิทอย่างหัวเสีย ทำเอาตะวันรีบก้มหน้าหลบเมื่อเขาไม่รู้จริงๆว่าเจ้านายพูดถึงใคร
“คนที่ฉันให้นายส่งคนไปตามดู ทีนี้จำได้รึยัง”
“อ้อออ ครับ ไม่เห็นมีรายงานมา น่าจะไม่มีอะไรผิดปกติครับ”
“ไม่รายงานก็ไม่ใช่ว่าไม่มี”
พูดจบเมฆาก็หันหน้าหนีไปมองทางอื่น ส่วนตะวันก็รู้ในทันทีว่าเจ้านายต้องการอะไร เขาเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปหาลูกน้องที่ให้ไปคอยดูเพลงขวัญทันที