ตอนที่ 11
หลังจากเสียงรถของลูกชายแล่นออกไปได้ครู่เดียว คุณหญิงกัญญาก็ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงด้วยสีหน้าครุ่นคิดระคนทุกข์ใจกับเรื่องที่ลูกชายเพียงคนเดียวก่อไว้
“หากแกได้ใช้เวลาและเปิดใจให้กว้าง สักวันแกต้องหลงรัก หนูวรินจนหมดหัวใจ ตาภูมิ” เสียงคุณหญิงกัญญาเปรยขึ้นเบาๆ แต่ก็ทำให้ป้านวลที่เดินเข้ามาพอดีได้ยิน
“คุณหญิง ทานผลไม้สักหน่อยนะคะ”
“ฉันกินอะไรไม่ลงหรอก ข่าวคราวของหนูวรินก็ยังไม่ได้รับการติดต่อมา” คุณหญิงกัญญาบอกเสียงเหนื่อยๆ
“โธ่คุณหญิง เชื่อมือคุณทนายพร้อมพงศ์เถอะค่ะ อีกไม่นานต้องได้พบหนูวรินแน่ๆ ถ้าหนูวรินไม่ย้ายที่อยู่เสียก่อนนะคะ” ประโยคท้ายๆ แผ่วเบาลงด้วยเกรงว่าจะทำให้คุณหญิงกัญญาวิตกกังวลไปกันใหญ่
“ฉันล่ะอยากรู้ข่าววันนี้เลยด้วยซ้ำ ผู้หญิงตัวคนเดียวจะไปตกระกำลำบากที่ไหนก็ไม่รู้ นี่ไม่รู้ว่าคุณอำนาจยังอยู่หรือเปล่า เนื้อความในจดหมายก็บอกกรายๆ ว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน ฉันมันคนบาปหรือเปล่านะป้านวล คุณอำนาจช่วยเหลือครอบครัวฉันมาตลอด ล้มลุกคลุกคลานกันมาก็ตั้งนาน แต่พอวันจะจากกันก็ไม่ได้ร่ำลา”
“ไม่หรอกค่ะ คุณหญิงอย่าคิดมาสิคะ” ป้านวลปลอบเสียงแผ่วๆ
“จะไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไงป้านวล ก็ดูตาภูมิสิ ไปทำร้ายเขาขนาดนั้นยังจะดื้อด้านปัดความรับผิดชอบ”
“ให้เวลาคุณภูมิบ้างเถอะค่ะ ป้าว่าคุณภูมิเองก็คงรู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกัน” ป้านวลบอกอย่างนึกเห็นใจเจ้านายหนุ่ม ที่อยู่ๆ ก็ถูกจับให้แต่งงาน แม้เรื่องราวในอดีตคุณภูมิจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่ก็เห็นใจทั้งสองฝ่าย
“ฮึ! ป้านวลคงจะเข้าใจตาภูมิมากกว่าแม่อย่างฉันอีกมั้งเนี่ย” คุณหญิงกัญญาบอกด้วยใบหน้าเศร้าๆ
“ไม่หรอกค่ะ ป้าก็พูดแบบกลางๆ นะคะ คุณหญิงก็ลองคิดดูสิคะ คนเราทำความผิดแถมยังปกปิดมาตลอดห้าปี ป้าว่าก็คงรู้สึกทรมานอยู่เหมือนกันที่ไม่สามารถพูดหรือบอกใครได้”
“ก็คงไม่ต่างจากหนูวรินล่ะสิ” คุณหญิงกัญญาพูดขึ้น ป้านวลจึงได้แต่ส่งยิ้มเศร้าๆ ให้
“แล้วคุณหญิงคิดจะให้คุณภูมิแต่งงานกับหนูวรินจริงๆ หรือคะ” ป้านวลเอ่ยถามอย่างอดสงสัยไม่ได้
“ใช่ ฉันจะให้ตาภูมิรับผิดชอบชีวิตหนูวริน และฉันก็คาดเดาว่าหนูวรินคงยังไม่มีใคร”
“แล้วถ้าหนูวรินไม่ยอม คุณหญิงจะทำยังไงล่ะคะ”
“เชื่อฉันเถอะ ยังไงหนูวรินก็ต้องยอม” คุณหญิงกัญญาบอกอย่างเชื่อมั่น เพราะเด็กสาวที่ตนเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ มีนิสัยเชื่อฟังผู้ใหญ่ และคงต้องอ้างเหตุผลเรื่องพ่อเข้าไปด้วยสักเล็กน้อย อาจจะทำให้หญิงสาวยอมตกลงง่ายขึ้นเมื่อมันเป็นคำขอของบิดาก่อนตาย
หลังจากพัทธดนย์ออกจากบ้านของผู้เป็นป้ามาสักพักแล้วก็เอ่ยชวนเลขาสาวเข้าไปเดินซื้อของในห้าง เนื่องด้วยวันนี้เขาต้องการซื้อของใช้เข้าไปไว้ในคอนโดฯ ด้านคนถูกชวนก็หันมองเจ้านายหนุ่มอย่างงงๆ
“จะตอบไหมกมลฉัตร” พัทธดนย์ถามด้วยใบหน้านิ่ง หรี่ตามองหญิงสาวเล็กน้อยแล้วหันไปสนใจกับการขับรถต่อ
“ไปก็ได้ค่ะเจ้านาย” กมลฉัตรตอบเสียงสะบัดเล็กน้อย นึกฉุนคนข้างกายขึ้นมา ‘คนกำลังตกใจนี่นา’ เธอแอบบ่นพึมพำพร้อมทั้งเบ้ปากน้อยๆ
“นี่ไม่ใช่เวลางาน ไม่ต้องเรียกแบบนี้” เขาบอกเสียงขรึม กมลฉัตรได้แต่ทำปากขมุบขมิบ
“แอบบ่นอะไร คุณเลขา”
“เปล่าค่ะ คุณดนย์” กมลฉัตรตอบเสียงแผ่วๆ นึกด่าเจ้านายหนุ่มอยู่ในใจที่รู้ทันเธอ
“แน่ใจเหรอ” พัทธดนย์ยังไม่เลิกเซ้าซี้ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันที่ในวันนี้เขาอยากจะต่อล้อต่อเถียงเธอเหลือเกิน ทว่าสงครามขนาดย่อมยังไม่ทันได้เริ่มต่อ พัทธดนย์ก็เลี้ยวรถเข้าศูนย์การค้าชื่อดังใจกลางเมืองทันที และหลังจากเดินเข้ามาในห้างได้สักพัก หญิงสาวจำต้องเอียงคอมองเจ้านายหนุ่มตาปริบๆ เมื่อเสียงทุ้มพูดขึ้น
“ไปดูหนังกันเถอะ”
“คะ” กมลฉัตรอุทานเบาๆ อย่างไม่เชื่อหู ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาจนจะสองปี เขาไม่เคยเอ่ยชวนเธอสักครั้ง
“จะดูไหม” เสียงทุ้มถามย้ำอีกรอบเมื่อหญิงสาวยังคงทำตาปริบๆ ไม่เลิก
“เอ่อ...ดะ...ดูค่ะดู” กมลฉัตรรีบตอบตกลงทันที นานๆ ทีเขาจะชวนแล้วจะให้เธอปฏิเสธได้ไง แค่นี้หัวใจของเธอก็พองโตแล้ว
“เอ้า ดูก็ไปสิ จะยืนเป็นเสาอยู่หรือไง” พัทธดนย์ไม่วายแอบเหน็บด้วยเสียงห้วน กมลฉัตรได้แต่ทำปากยื่นอย่างคนขัดใจ แม้จะดีใจที่เขาชวนดูหนัง แต่ไอ้การพูดจาห้วนๆ ของเขาก็ทำให้เธอเกิดเซ็งขึ้นมา ก่อนเดินตามร่างสูงต้อยๆ
“หนังสงคราม ฉัตรอยากดูหนังสงคราม” เสียงใสรีบพูดขึ้นเมื่อเดินมาดูโปรแกรมหนัง พัทธดนย์หันมองและก็ตามใจหญิงสาว เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากดูหนังรักโรแมนติกเหมือนกัน
หลังจากซื้อตั๋วแล้วก็ถึงเวลาเข้าไปดูหนัง หลังจากนั่งลงเรียบร้อยกมลฉัตรก็รีบคว้าป๊อบคอร์นเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่ได้สนใจคนที่มาด้วยเลยสักนิด
“คิดจะกินคนเดียวหรือไง กมลฉัตร” เสียงทุ้มกระซิบบอกแผ่วๆ อย่างหมั่นไส้
“ขอโทษค่ะ ปกติฉันมาดูคนเดียวก็เลยไม่ค่อยชินแบ่งให้ใครกินน่ะ” เธออ้างเหตุผล แม้จะรู้สึกอายๆ แต่ก็ยังดีที่ในโรงหนังมืด ไม่งั้นเธอคงได้เอาหน้ามุดลงพื้นเป็นแน่ แล้วยื่นขนมให้เขาบ้าง
“กินไปเถอะ ผมไม่หิว” พัทธดนย์กระซิบบอกอีกครั้งชิดแก้มเนียนซึ่งหันมามองเขาพอดี ลมหายใจของทั้งคู่เป่ารดกันแผ่วๆ ก่อนจะผละออกแล้วหันไปสนใจการดูหนังต่อจนจบเรื่อง ทว่าภายในใจของหญิงสาวกลับร้อนๆ หนาวๆ พิกล
“หนังสนุกจริงๆ ค่ะคุณดนย์ ขอบคุณนะคะที่พามาดู” กมลฉัตรหันมาบอกหลังจากเดินออกมาจากโรงหนัง
“ถ้าอยากขอบคุณจริงๆ ไปช่วยเลือกของสดของแห้งให้ผมได้ไหม ผมจะซื้อไปไว้ที่คอนโดฯ”
“ได้เลยค่ะ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เลขาคนนี้จะจัดการให้ ว่าแต่งบเท่าไหร่คะ ฉัตรจะได้เลือกถูก”
“ผมจะอยู่ประมาณเดือนหนึ่ง เอาให้พอเพราะผมขี้เกียจออกมาซื้อบ่อยๆ” พัทธดนย์บอกเสียงทุ้ม
“เดือนหนึ่ง” กมลฉัตรทวนคำพร้อมทั้งทำตาโต
“ทำไม มีปัญหาอะไร”
“อ๋อ...ปะ...เปล่าๆ ค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงติดๆ ขัดๆ ก่อนเดินเข้าไปคว้ารถเข็น แต่ถูกมือหนามาแย่งไปเข็นเสียเอง
สองหนุ่มสาวต่างช่วยกันเลือกของที่ต้องการจนแทบล้นรถเข็น และหลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงคอนโดฯ ของพัทธดนย์ โดยที่ชายหนุ่มอ้างอยากให้หญิงสาวช่วยเก็บของเสียก่อนแล้วค่อยไปบ้านสวนของเธอ แม้จะแปลกใจแต่เธอก็ยอมทำตามความต้องการของเจ้านายหนุ่ม