EPISODE13

1158 คำ
วิศวะคลั่งเมีย (Engineer'n Cute Girl) EPISODE13 “รอน้องชายผมฟื้นก่อนแล้วกันครับ” ปืนใหญ่เอ่ยตอบแค่นั้น พลางล้วงเอานามบัตรในกระเป๋ายื่นให้คุณหมอ ตอนนี้สีหน้าของเขาไม่รับแขกสุด ๆ เลย “นี่ครับท่าน” คุณหมอส่งนามบัตรให้ทางบิดาของสาวสวย และนามสกุลบนบัตรก็ทำให้ท่านต้องเงยมองสบตาปืนใหญ่ “เธอคือ...” คุณอัครเดชพึมพำ “ครับ ผมเป็นลูกชายคนโตของอนันตศิลา” ปืนใหญ่ตอบรับด้วยสีหน้านิ่งเรียบ และถ้อยคำของชายหนุ่มก็ทำให้บิดาของเอินเอินหน้าเจื่อนไม่น้อย จนเพื่อน ๆ ของเขายังต้องหันมองหน้ากันไปมาอย่างสงสัยในปฏิกิริยานั้น “คุณน้าไม่ต้องกังวลหรอกครับ เรื่องของน้องชายผม ไม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าพื้นที่ ผมไม่เอาเรื่องธุรกิจมาปนกับเรื่องส่วนตัว” ปืนใหญ่เอ่ยต่อ แต่นั่นมันคำพูดอะไรกัน “ขิม...” รัดเกล้าเห็นว่าสายขิมเริ่มไม่สบอารมณ์กับถ้อยคำของแฟนหนุ่มที่ใช้สนทนากับผู้ใหญ่ก็รีบเอ่ยปราม “ชิ!” นั่นทำให้สาวสวยส่งเสียงสบถในคอ “อืม...ถ้าต้องการอะไร เธอก็บอกน้ามาได้เลยนะ ขอโทษด้วยที่ลูกสาวน้าอาจจะเป็นต้นเหตุให้น้องชายของเธอต้องบาดเจ็บ” คุณอัครเดชว่า ซึ่งท่าทางของบิดา ทำให้เอินเอินได้แต่กำหมัดแน่น ไม่คิดเลยว่าปืนใหญ่จะกดดันบิดาเธอถึงเพียงนี้ ที่แท้ปืนใหญ่กับไป๋เฟิ่งก็เป็นลูกชายเจ้าของพื้นที่ ที่บิดาของเธอทำสัญญาเช่าเพื่อก่อตั้งโรงพยาบาลแห่งนี้นั่นเอง “อุบัติเหตุค่ะ ไม่มีใครรู้หรอกค่ะว่ากิ่งไม้จะหัก ถ้าขิมเป็นคนที่อยู่กับเอิน ขิมก็ต้องช่วยเพื่อนเหมือนกัน พี่เฟิ่งก็คงคิดแบบนั้น” สายขิมโพล่งขึ้น ก่อนที่เธอจะคว้าข้อมือของปืนใหญ่ไว้แน่น สาวสวยค้อมศีรษะให้บิดาของเอินเอินเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ “พอดีเราสองคนมีธุระ คงต้องขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ว่าจบเธอก็รั้งปืนใหญ่ให้เดินตามออกไปทันที ซึ่งเจ้าตัวก็พอจะรู้ว่าเขาทำให้เธอไม่พอใจเข้าแล้ว จึงได้แต่เดินตามเธอไปอย่างไม่มีอิดออด “งั้นเราก็กลับกันเถอะ จะได้ไม่รบกวนคนเจ็บ” รามสูรว่า แล้วหันไปพยักพเยิดหน้าให้เพื่อน ๆ “เดี๋ยวค่ะพี่รามสูร! คือว่า...พี่ปืนใหญ่เขาไปแล้ว เอินเลยไม่รู้จะถามใคร คือ...เอินคิดว่าจะขออยู่ดูจนกว่าพี่ไป๋เฟิ่งจะฟื้นน่ะค่ะ” เอินเอินเอ่ยขึ้น ทำให้รามสูรมองเลยไปยังบิดาของเธอ “ถ้าคุณพ่อของเราอนุญาต ก็ตามสบาย” ชายหนุ่มเอ่ย ทำให้เอินเอินหันไปถามความเห็นบิดา “คุณพ่อคะ...” “อยู่ดูพี่เขาเถอะ อย่างน้อยมันก็เป็นความรับผิดชอบของเรา” คุณอัครเดชเลือกที่จะอนุญาตบุตรสาว “ในเมื่อไอ้เฟิ่งมีคนเฝ้าแล้ว พวกเราก็กลับเถอะ ฝากน้องเอินดูมันด้วยแล้วกัน” เก้ากัลป์สรุปความ ก่อนที่พวกเขาจะร่ำลาบิดาของเอินเอินแล้วทยอยเดินออกไป เวลาต่อมา...ณ คอนโดมิเนียม M ทางด้านของปืนใหญ่และสายขิมที่กลับมาถึงคอนโดที่พักก็ยังคงนิ่งเงียบกันอยู่ “ชวนพี่กลับมาแล้วยังไง” ปืนใหญ่เอ่ยถามคนที่เอาแต่นั่งนิ่งอยู่ที่โซฟา สีหน้ายังคงบึ้งตึงไม่เปลี่ยน “ทำไมพี่ต้องโทษเอินเอินด้วย” “ทำไม?” “พี่ก็เห็นว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากโดนไม้หักมาทับหรอก” เธออธิบาย ทำให้ปืนใหญ่มองสบตาเธอนิ่ง “ไม่รู้สิ แต่มันก็ไม่มีใครอยากเสียน้องไปอย่างกะทันหันเหมือนกัน” เขาตอบมาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ทำให้เธอไม่รู้เลยว่าจะพูดอะไรต่อ เพราะสิ่งที่เขารู้สึกมันก็เป็นความรู้สึกของครอบครัวที่ไม่อยากสูญเสียใคร “ช่างเถอะค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นพี่ก็ควรพูดจาให้ดีกว่านี้” “โทษทีที่พี่ไม่หวาน” เขาว่า แล้วขยับมานั่งข้าง ๆ เธอ “พี่ต้องหัดทำหน้าตารับแขกบ้างนะ” เธอเอ่ย สายตาก็กวาดมองไปทั่วใบหน้าคมคร้ามของเขา ปืนใหญ่เป็นผู้ชายหน้าตาดี แต่ว่าเขามักจะทำหน้าตึงไม้ตึงมือตลอดนี่สิ “พี่ต้องรับแขกด้วยเหรอ” เขาย้อนถาม “อะไร...ทำไมถามแล้วต้องยิ้มโรคจิตแบบนั้นด้วย” สายขิมได้แต่ขยับตัวหนี เมื่อคนที่ยกยิ้มน้อย ๆ กำลังมองมายังเธอด้วยแววตาส่อประกายเจ้าเล่ห์ “ไหนเราว่าพี่ต้องหัดรับแขก” เขาเอ่ยย้ำ ซึ่งถ้อยคำนั้นทำให้สาวสวยหรี่สายตามองอีกฝ่ายอย่างจับผิด ทำไมคำพูดเธอถึงถูกตัดทิ้งเรี่ยราดแบบนั้นล่ะ เขาสื่อความผิดอยู่นะ “ไม่ต้องเลยนะ! พี่คิดไม่ดีอยู่ใช่ไหม” เธอเอ่ยปราม “หน้าตารับแขกต้องทำยังไง พี่ใช้อย่างอื่นรับได้ไหม เรามาเป็นแขกให้ที” ว่าแล้วเขาก็จับมือเธอวางลงที่หน้าท้องกำยำ นั่นทำให้สายขิมได้แต่กรีดร้องในใจ ทำไมมันเป็นแบบนี้ไปได้ “คุณปฏิภัทร!” เธอเอ่ยเสียงดุ ทว่ามีหรือปืนใหญ่จะหวั่น เพราะเขายิ่งทำใส่เธอมากขึ้นไปอีก “อย่าเอามือขิมเข้าไปในกางเกงพี่นะ พี่ปืน!” สายขิมได้แต่พยายามยื้อมือกลับ แต่คนโรคจิตอย่างเขาก็ไม่ยอมปล่อยเลย “อ่าส์...มือเมียนุ่ม” ปืนใหญ่ทำเสียงครางกระเส่าใส่ ทำเอาสายขิมได้แต่หน้าร้อนฉ่า “โรคจิต!” ไม่วายก็โดนสาวสวยก่นด่าจนได้ อีกด้านหนึ่ง...ณ โรงพยาบาล หลังจากที่ตัดสินใจจะอยู่เฝ้าดูอาการคนเจ็บ เอินเอินก็ไม่ได้ออกไปที่อื่นเลย เพราะไป๋เฟิ่งยังคงนอนนิ่งจนเธอเป็นกังวล “ทำไมพี่ยังไม่ฟื้น คนแบบพี่ไม่น่าจะนอนนานขนาดนี้นี่นา” เธอพึมพำ ขณะฟุบหน้าลงกับแขนตัวเองที่วางอยู่บนเตียง การที่ไป๋เฟิ่งยังไม่ได้สติ มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ “กลัวพี่ตายเหรอคะ” ทว่าจู่ ๆ เสียงห้าวแหบที่ย้อนถามกลับมาเบา ๆ ก็ทำให้เธอเงยหน้าขึ้น “พี่...” ราวกับความรู้สึกกังวลในใจได้กลายเป็นก้อนสะอื้นและเคลื่อนขึ้นมาจุกอยู่ที่คอหอย เธอพูดอะไรไม่ออก มีเพียงขอบตาเท่านั้นที่เริ่มร้อนผะผ่าวขึ้นมา ไป๋เฟิ่งที่ยังคงมึนฤทธิ์ยาและเจ็บปวดกับบาดแผลบนร่างกายได้แต่มองหน้าเธอ หัวคิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างสงสัย “น้องเอินร้องไห้ทำไมคะ” ชายหนุ่มถามอีกคำ เมื่อเห็นน้ำตาเธอร่วงผล็อยลงมาอาบแก้มนวล
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม