วิศวะคลั่งเมีย
(Engineer'n Cute Girl)
EPISODE12
“น้องเอินเดี๋ยวก่อน!” ไป๋เฟิ่งร้องเรียกเสียงหลง นั่นทำให้เอินเอินจะหันมาด่า แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยอะไร กิ่งไม้ใหญ่นั้นก็หักโค่นลงมาเสียก่อน
“น้องเอิน!” นั่นเป็นเสียงสุดท้ายของไป๋เฟิ่งที่ตะโกนเรียกชื่อของเธอ ขณะที่เอินเอินเงยหน้าขึ้นไปเห็นว่าเหนือหัวเธอกำลังมีกิ่งไม้ขนาดใหญ่หักโค่น สาวสวยก็ถึงกับกรีดร้องอย่างตกใจทีเดียว
โครม!
“กรี๊ด!”
ร่างของเอินเอินที่ถูกไป๋เฟิ่งวิ่งเข้าไปรวบกอดไว้ในจังหวะกระชั้นชิด ทำให้เขาไม่สามารถพาเธอหลบจากกิ่งไม้ได้ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงกัดกรามแน่นรับแรงปะทะนั้นไว้เอง ซึ่งกิ่งไม้ใหญ่และสดค่อนข้างมีน้ำหนักมาก ได้ฟาดลงที่หัวและแผ่นหลังของไป๋เฟิ่งอย่างแรง จนชายหนุ่มถึงกับหมดสติ ณ ที่เกิดเหตุ
“มีคนโดนกิ่งไม้หักมาทับ แจ้งอาจารย์เร็ว!”
“กิ่งไม้สดด้วย กระแทกแรงฉิบหาย”
เสียงของนิสิตที่นั่งเล่นอยู่แถวนั้น และทันเห็นเหตุการณ์ต่างส่งเสียงบอกเพื่อน ส่วนหนึ่งก็วิ่งกรูกันมาช่วยยกกิ่งไม้ออกจากร่างผู้ประสบเหตุ ในขณะที่เอินเอินได้แต่หลับตาปี๋อยู่ในอ้อมกอดเจ้าของร่างหนักอึ้ง เธอเสียขวัญและตื่นตระหนกจนร่างสั่นเทิ้ม
“พี่ไป๋เฟิ่ง! พี่ตื่นเลยนะ” เธอส่งเสียงตระหนกเรียกคนที่ทับอยู่บนร่าง ซึ่งท่าทางเขาจะไม่มีสติเลย
ซึ่งการประกาศของหอกระจายข่าวทำให้พวกปืนใหญ่วิ่งมายังจุดเกิดเหตุเพื่อดูเหตุการณ์เช่นกัน ทว่าเมื่อกลุ่มนิสิตชายยกกิ่งไม้ออก ทำให้ปืนใหญ่เห็นว่าคนที่ถูกทับคือเจ้าของเส้นผมสีเงินสะท้อน ชายหนุ่มก็ถึงกับเบิกตาโต รีบเข้าไปดูน้องชายทันที
“ไอ้เฟิ่ง!”
“เฮียใจเย็น! อย่าเพิ่งย้ายคนเจ็บ เผื่อไอ้เฟิ่งมันมีอะไรแตกหักเดี๋ยวจะยุ่ง” ความร้อนรนใจของรุ่นพี่ ทำให้รามสูรรีบคว้าตัวปืนใหญ่ไว้เสียก่อน
“พระเจ้า! ยัยขิม ยัยเกล้า พี่เฟิ่งเลือดอาบเลยอะ ทำไมพี่เขานิ่งแบบนั้นล่ะ” มัดหมี่ถึงกับอุทานออกมาอย่างตกใจแทบลมจับ เมื่อร่างไร้สติของไป๋เฟิ่งอาบไปด้วยเลือดที่ซึมลงมาจากหลังศีรษะ เดาว่าน่าจะถูกกิ่งไม้ฟาดใส่ ซึ่งใกล้ ๆ มีรองเท้าส้นเข็มตกอยู่ เมื่อมองดูดี ๆ ก็เห็นว่าใต้ร่างของไป๋เฟิ่งมีใครอีกคนถูกเจ้าตัวกอดไว้แน่น
“นักศึกษาถอยค่ะ! ให้พยาบาลดูแลคนเจ็บ”
เสียงของอาจารย์ประกาศผ่านโทรโข่ง พร้อมกับทีมแพทย์ที่เข้ามาดูอาการผู้บาดเจ็บอย่างเร่งด่วน เปลหามถูกเจ้าหน้าที่พยาบาลวางลงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างไร้สติของไป๋เฟิ่งจะถูกเคลื่อนย้ายขึ้นรถพยาบาลไป นั่นทำให้สายขิมและรัดเกล้ารีบเข้าไปดูเอินเอินซึ่งยังอยู่ในอาการตื่นตกใจไม่หาย
“ฮึก! พี่ไป๋เฟิ่ง...ฮือ...พี่เขาเลือดออก ขิมพี่เขาเลือดเต็มเลย ขิมดูเสื้อเอินสิ!” สาวสวยพึมพำปากคอสั่น เสื้อนิสิตสีขาวของเธอที่ถูกเลือดของเขาไหลซึมมาใส่จนแดงฉาน ทำให้เอินเอินร้องสะอึกสะอื้นออกมา
“เอินใจเย็น ๆ นะ ร่างกายเป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า ลุกไหวไหม บอกขิมหน่อยสิ” สายขิมพยายามสอบถามอาการ ขณะที่รัดเกล้ามองสำรวจไปทั่วร่างกายเธอ
“เอินไม่เป็น...แต่พี่ไป๋เฟิ่งล่ะ พระเจ้าพี่เขาเลือดออก ทำยังไงดีขิม ฮึก! ทำยังไงดี...ฮึก...ฮือ!” เอินเอินได้แต่พึมพำคำเดิม น้ำตาใสรินไหลนองหน้าสวยอย่างคนที่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนต่อ ไป๋เฟิ่งไม่มีสติเลย แถมเลือดออกเยอะขนาดนั้นเขาจะเป็นอะไรไหม คงไม่ถึงกับตายใช่รึเปล่า
“ใจเย็นนะ หายใจเข้าลึก ๆ ดมยาก่อนนะเอิน เฮียเฟิ่งถูกพาตัวไปแล้ว ต้องไม่เป็นไรแน่นอน”
รัดเกล้าช่วยปลอบประโลมเพื่อนสาว พร้อมเอาสำลีชุบแอมโมเนียจากทีมแพทย์ให้เธอสูดดมไปด้วย
“เอินจะไปดูพี่เขา” เมื่อเริ่มตั้งสติได้สาวสวยจึงเอ่ยขึ้น นั่นทำให้รัดเกล้าหันไปมองรามสูร
“เฮียว่าสาว ๆ พาเพื่อนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า” รามสูรเอ่ย สายตาเหลือบไปทางปืนใหญ่ที่เดินเลี่ยงไปโทรศัพท์หาใครสักคน
“ขิมก็ว่างั้นนะ เอินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปดูพี่เฟิ่งอีกทีนะ” สายขิมช่วยพยุงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น ขณะนั้นปืนใหญ่ก็เดินมารั้งต้นแขนเธอ
“พี่ให้คนไปเคลียร์เรื่องที่โรงบาลแล้ว ค่อยไปดูมันตอนเย็น” ปืนใหญ่หันมาบอกทุกคนรวมถึงหญิงสาวที่น้องชายของเขาโชว์แมนช่วยเหลือไว้
“แต่ว่า...” เอินเอินเห็นว่าสีหน้าของปืนใหญ่ดูไม่สบอารมณ์นักยามที่พูดกับเธอ นั่นทำให้เธอยิ่งรู้สึกผิดที่ทำให้ไป๋เฟิ่งต้องเจ็บตัว
“มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากโดนกิ่งไม้ทับหรอก จริงไหมคะ” สายขิมหันมาพูดกับแฟนหนุ่มของเธอ แต่สายตาของเขาที่มองสบกลับมาเงียบ ๆ ก็ทำให้เธอรู้ว่าปืนใหญ่ไม่สามารถเย็นลงได้ในตอนนี้
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
หลังเลิกเรียนกลุ่มของปืนใหญ่ไปเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการของไป๋เฟิ่ง ซึ่งทางแพทย์เจ้าของไข้ได้แจ้งว่าไป๋เฟิ่งอยู่ที่ห้องพักฟื้นและยังไม่ได้สติ หลังจากตรวจเอกซเรย์ร่างกายแล้วพบว่าที่หลังศีรษะมีรอยแผลแตก และกระดูกต้นแขนร้าวเนื่องจากถูกกระทบกระเทือน ซึ่งแพทย์ได้ทำการรักษาบาดแผลเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในช่วงรอดูอาการคนไข้หลังฟื้นคืนสติ
“เอินขอโทษพี่ปืนใหญ่ด้วยนะคะ ค่ารักษาพี่ไป๋เฟิ่งทั้งหมดเรียกเก็บกับเอินได้เลย” เอินเอินที่เห็นว่าคนเจ็บยังนอนนิ่งก็ใจคอไม่ดี คนรั้นอย่างเขาคงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม อีกไม่นานเขาก็จะตื่นขึ้นมากวนประสาทเธอใช่รึเปล่า
“พี่ปืน...” สายขิมสะกิดคนข้าง ๆ ที่ไม่ยอมโต้ตอบอะไรเพื่อนสาวของเธอ
“รอไอ้เฟิ่งฟื้นก่อน” ปืนใหญ่เอ่ยตัดบทเสียงขุ่น ทำให้มัดหมี่และเจนนี่ต้องรั้งแขนให้เอินเอินถอยห่างออกมา เพราะท่าทางพี่ใหญ่ของกลุ่มจะไม่พอใจสาวสวยเอามาก ๆ เลย
ก๊อก ๆ
ขณะนั้นเสียงเคาะเตือนหน้าบานประตูพร้อมกับร่างของนายแพทย์เจ้าของไข้ที่เดินนำชายวัยกลางคนเข้ามาในห้อง ก็ทำให้ทุกคนต่างมองไปยังอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“คุณพ่อ! คุณพ่อมาได้ยังไงคะ” เอินเอินร้องเสียงหลง เมื่อคนที่มากับคุณหมอคือบิดาของเธอ
“ได้ยินว่าลูกเกิดเรื่องที่มอ แถมมีคนบาดเจ็บด้วย พ่อเลยมาดู ยังไงผมก็ต้องขอบคุณและขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ด้วยนะครับ” คนเป็นบิดาอธิบายให้ฟัง ก่อนที่คุณหมอจะช่วยเสริม
“ผมขอแนะนำให้คุณปฏิภัทรทราบว่าท่านนี้คือคุณอัครเดชครับ ท่านเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งท่านทราบถึงอาการของคุณปฐพีแล้วครับ และท่านได้ขอรับผิดชอบค่ารักษาทั้งหมด รวมถึงค่าเยียวยาหลังจากคุณปฐพีออกจากโรงพยาบาลด้วยครับ ขอให้คุณปฏิภัทรวางใจได้ ทางเราจะดูแลคนไข้เป็นอย่างดีครับ”
สารข่าวใหม่ที่ได้รู้ว่าบิดาของเอินเอินเป็นเจ้าของกิจการโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ก็ทำให้สาว ๆ ลอบมองสบตากันอย่างไม่อยากจะเชื่อหู โดยเฉพาะสายขิมที่มีประวัติถูกปืนใหญ่ขูดรีดค่ารักษาของที่นี่ ทำให้เธอรู้สึกว่ากลิ่นเงินรอบตัวเอินเอินมันชักจะแรงขึ้นทุกที...สมกับเป็นคุณหนูเอินเอิน