ตอนที่ 4
“ออกรถได้แล้วถวิล” เควินสั่งการเสียงเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดๆ
เขาเพิ่งลงจากเครื่องบินหมาด ๆ หลังจากที่ต้องนั่งและนอน รวมถึงกินอยู่บนนั้นตลอดสิบกว่าวัน ส่วนหนึ่งคือการกลับไปเยี่ยมหลุมศพของบิดาและมารดาบุญธรรมซึ่งเสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก อีกส่วนคือเข้าไปดูแลทรัพย์สมบัติและบริษัทที่บิดาบุญธรรมทิ้งเอาไว้ให้ เข้าร่วมการประชุมประจำปี วางแผนงาน คาดคะเนแนวโน้มเศรษฐกิจและการเมือง รวมถึงปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับธุรกิจ มองหาธุรกิจใหม่ๆ ที่จะทำเงินเข้ากระเป๋าเขาและหุ้นส่วน
“ดาขอโทษค่ะเควิน” ขอโทษเสียงหวาน ลืมตัวไปหน่อย จึงได้ปล่อยให้อารมณ์โกรธอยู่เหนือเหตุและผล เธอรีบเอนตัวให้อกแนบกับลำแขนแกร่ง ยกปลายนิ้วลูบไล้บนปากหนาอุ่น
“เดี๋ยวดาจะช่วยนวดผ่อนคลายให้คุณสบายเนื้อสบายตัวนะคะ” ส่งสายตาหวานเชื่อม เคลื่อนมือไต่ระดับลงมาบนอกกว้าง สอดแทรกซอกซอนเกี่ยวเอากระดุมเสื้อหลุดออกจากรัง เพื่อจะได้สัมผัสกับกล้ามเนื้ออกบึกบึน
เควินดึงมือวีรดาออกจากกาย ผลักดันร่างนุ่มนิ่มให้ถอยห่างไป แม้เขาจะเติบโตมาในประเทศที่ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าเรื่องการกอดจูบในที่สาธารณะไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าเกลียด แต่เขาก็ยังถือตัวว่าเป็นคนไทย ที่ไม่ชอบการสัมผัสถึงเนื้อถึงตัวสนิทแนบชิดอย่างที่วีรดาชอบทำบ่อยครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่าคะเควิน ดาว่าคุณดูแปลกๆ ไปนะคะ เหนื่อยมากหรือ” ข่มกลั้นความไม่พอใจไว้ในอก เอ่ยถามออกไปเสียงหวานแผ่วพลิ้ว ถ้าไม่ใช่เพราะชายหนุ่มทั้งหล่อและรวย ยามที่เธอทำให้เขาถูกใจ เท่าไหร่ชายหนุ่มก็ยอมทุ่มละก็ เธอก็จะไม่เอาอกเอาใจชายหนุ่มถึงเพียงนี้หรอก
มีผู้หญิงหลายคนทุ่มเท วางแผนเพื่อจับเควิน โฮเวิร์ด แต่ไม่เคยมีใครทำสำเร็จสักราย ชายหนุ่มไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหน อย่างดีที่สุดสำหรับคนซึ่งหลงเข้าไปในวังวนชีวิต ก็คือการไปมาหาสู่สักระยะหนึ่ง เมื่อฝ่ายหญิงเริ่มล้ำเส้นที่เขาตั้งไว้ ชายหนุ่มก็จะปัดพวกเธอออกจากวงจรชีวิต นั่นทำให้เธอรู้ว่าควรวางตัวยังไง ถึงจะสามารถอยู่เคียงข้างเขาได้ยาวนาน
อย่างเมื่อครู่ ถ้าดึงดันพูดอะไรออกไป นอกจากจะเป็นการกวนใจคนที่เหนื่อยๆ อารมณ์ไม่สู้ดีอยู่แล้ว เผลอๆ ได้โดนเควินเตะโด่งออกจากรถด้วย แต่ถ้ารู้จักโอนอ่อนผ่อนตาม เธอก็จะอยู่กับอีกฝ่ายได้ยาวนานขึ้น แล้ววันหนึ่งเควินอาจเห็นถึงความจริงใจที่มีให้ เอ่ยปากชวนเธอร่วมห้องอย่างถาวร เป็นคุณนายโฮเวิร์ด เชิดหน้าอยู่ในวงสังคมของพวกคนรวย โดยไม่โดนดูถูกว่าเป็นผู้หญิงใช้ร่างกายแลกเงินทั้งต่อหน้าและลับหลังอีกต่อไป
เควินตัดความรำคาญด้วยการขยับร่างเอนตัวแนบไปกับเบาะหนังนุ่มๆ และหลับตาลงปิดการสนทนา บางครั้งผู้หญิงก็เป็นอะไรที่น่าพิสมัย น่าค้นหา แต่บางครั้งผู้หญิงก็เป็นอะไรที่น่ารำคาญ น่าเบื่อหน่าย
วีรดาหงุดหงิดใจที่ถูกหมางเมิน กำลังคิดว่าจะยอมถอยก่อนแล้วค่อยรุกใหม่ ทว่าเมื่อเห็นสายตาของไอ้เจ้าคนขับรถที่มองมาเหมือนจะดูถูกก็เลยตัดสินใจเสี่ยงดวงดู
กายอวบอิ่มอวบอัดขยับเคลื่อนขึ้นนั่งบนตักกว้าง “คุณคงจะเหนื่อยมากจริงๆ นั่นแหละ มาค่ะ เดี๋ยวดาทำให้คุณหายเหนื่อยหายเมื่อยนะคะ” ส่งสายตาวิบวับ ยิ้มหวานยั่วเย้า ยกสองแขนพาดบนไหล่กว้าง นวดคลึงต้นคอแกร่งอย่างแผ่วเบา โน้มใบหน้าไปทาบริมฝีปากอิ่มบนปากหนาอุ่น
อ่า...เสียดายยิ่งนักที่ตอนนี้อยู่ในรถและมีมารคอหอย ทำตัวเป็นถ้ำมองอย่างโต้งๆ อีกคน อยากให้ถึงโรงแรมเร็วๆ จังเลย คิดถึงรอยรสจุมพิตที่ค่อยๆ ละเลียดลิ้มชิมไปทั่วร่าง ยามอ่อนหวานเควินก็จัดให้เสียจนเธอเป็นดังนกน้อยลอยละลิ่วบนทิวเมฆหมอก ยามเร่าร้อนชายหนุ่มก็ทำให้เธอร้อนรุ่มราวกับถูกเพลิงไฟเผากายให้มอดไหม้ สุขจนล้นอก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอรักเธอหลงได้อย่างไรกัน
คนขับรถหน้าใหม่วัยกลัดมันถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อกกับหนังสดด้านหลัง เสียงครางแผ่วเบาที่หลุดออกมาจากปากกลีบสีสดทำเอากายแกร่งซึ่งไม่ค่อยได้ใช้งานบ่อยนักคึกคักลุกชันขึ้นมาด้วยความกระหายเลือดเนื้อในร่างกายเดือดพล่านเหมือนลาวาใต้ภูเขาไฟซึ่งเดือดระอุ มือที่จับพวงมาลัยรถถึงกับสั่น แทบประคองเจ้าสี่ล้อคันใหญ่ให้มุ่งตรงไปยังจุดหมายปลายทางอย่างลำบาก
“เกือบไปแล้วไหมเรา” วิฬาร์ผ่อนลมหายใจออกจากปากเร็วๆ มือลูบอกเบาๆ โชคร้ายเกือบจะถูกรถชนตายกลางถนนก็จริง แต่ก็มีโชคดีเล็กน้อย เมื่อสองคนซึ่งวิ่งกวดตามมาติดๆ สะดุดหยุดชะงัก เป็นโอกาสให้เธอวิ่งหนีด้วยความว่องไวปราดเปรียว การซอกซอนร่างเล็กไปตามมุมตรอกซอกซอย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วางใจว่าหนีพ้น เพราะเจ้าคนพวกนั้นหูตายังกับสับปะรด ไปทางไหนก็แทบจะไม่รอดลูกหูลูกตา
“นั่น...มันอยู่นั่น จับตัวให้ได้ซิ ไอ้พวกโง่”
เสียงแหลมเล็กราวกับนกหวีดของอดีตแม่เลี้ยงใจร้ายดังมาจากทิศทางใดก็ไม่รู้ ทำให้วิฬาร์เบะหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย “ยังจะตามมาอีก เมื่อไหร่จะหนีคนพวกนี้พ้นซะที” บ่นพึมพำพร้อมกวาดหาที่มาของเสียง
“จะรีบหนีไปไหนล่ะหนูแมวเหมียว”
เท้าเล็กๆ ก้าวถอยไปด้านหลังเล็กน้อย เมื่อต้องยืนประจันหน้ากับอดีตแม่เลี้ยงอสรพิษ จำได้ว่าตอนเธอขับรถพาอีกฝ่ายออกจากบ้านหน้าตาไม่ใช่อย่างนี้เลย...หน้าตาขาวซีดยิ่งกว่าซากศพ ทว่าตอนนี้กลับสวยใสเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล ผิดกันอย่างกับคนละคน
วิฬาร์กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างยิ่งกว่าถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ ขนบนเรือนกายลุกชัน ผมบนศีรษะชี้โด่ราวกับคนจับไข้หัวโกร๋น เพราะอย่างนี้เองซินะ ไอรินถึงได้ยืนยิ้มกริ่มอย่างคนถือไพ่เหนือกว่า ก็หนีบตัวพ่วงอย่างผู้ชายหน้าหัก รูปร่างสันทัด แผงเนื้อหนาเตอะอย่างพวกเล่นกล้าม ท่าทางขึงขังเหี้ยมหาญ หมายมั่นว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดมือไปได้อย่างคราแรกอีกแล้วมาอีกคน
‘โหย...อยากจะบ้าตายจริงๆ อย่างนี้เธอจะหนีรอดได้ยังไงกันเนี่ย! ได้โปรดเถอะนะคะ คุณเทวดาเจ้าขา ช่วยส่งเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วยลูกช้างสักคนทีเถอะ’
วิฬาร์วอนขอปาฏิหาริย์แทบจะยกมือไหว้กราดไปทั่วๆ เพราะตอนนี้ขาทั้งสองข้างสั่นและอ่อนแรงจนแทบจะยืนไม่อยู่แล้ว จากสายตาของแต่ละคนที่กราดมองมาอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ เล่นเอาเสียววูบทั้งแผ่นหลัง หนาวไปถึงขั้วหัวใจ
“คุณทำอย่างนี้ได้ยังไงคุณไอริน คิดผิดคิดใหม่ได้นะ ถ้าเดือดร้อนเรื่องเงิน เรามาคุยกันใหม่ก็ได้” เกลี้ยกล่อมไอรินดูด้วยความหวังอันริบหรี่ ยังไงก็อยู่ร่วมบ้านกันมาตั้งนานหลายปี จะไม่มีเยื่อใยดีๆ ต่อกันบ้างเชียวหรือ
“ฉันยินดีจะช่วยคุณนะ”
“คุยหรือ...” ไอรินลากเสียงนุ่มยาว ฉีกยิ้มกว้างซึ่งคนมองเห็นเป็นหมูป่ากำลังแสยะมากกว่า “เราคุยกันแล้วไม่ใช่หรือจ๊ะหนูแมวเหมียว และเป็นหนูเองนั่นแหละที่ปฏิเสธความต้องการของฉัน ฉันเลยต้องเลือกใช้วิธีนี้ไง” คุยเหรอ...มันก็แค่นั่นแหละ เธออาจจะได้เพิ่มมานิดหน่อย แต่การนำตัววิฬาร์ส่งไปให้เสี่ย เธอจะได้ทั้งสมบัติในครอบครองของอีกฝ่ายและเงินรางวัลจากเสี่ยอีกก้อนใหญ่ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มซะอีก