ตอนที่ 3

1434 คำ
ตอนที่ 3 ไม่ใช่ไม่รู้...รู้เสมอด้วยว่าไอรินทำอะไรลงไปบ้าง ไม่ว่าจะเข้าไปรื้อค้นหาทรัพย์สินมีค่าในห้อง รวมถึงพยายามค้นหากุญแจและรหัสตู้เซฟ ซึ่งบรรจุข้าวของเครื่องประดับมีค่า นับจากครั้งแรกที่สร้อยข้อมือหายไป เธอได้แอบนำเอาทรัพย์สินอื่นๆ ไปฝากไว้ที่ธนาคารแทน ส่วนในตู้เซฟนั้นก็เก็บเอาไว้เฉพาะเงินไม่มาก เฉพาะไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ในบ้านเท่านั้น นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แม่เลี้ยงไม่ชอบขี้หน้าเธอนัก รวมถึงพยายามหาเรื่องหาราวมาตลอด ยิ่งพักหลังๆ ดูเหมือนไอรินจะเงินขาดมือ ไม่รู้ว่าไปกู้หนี้ยืมสินใครมาบ้างหรือเปล่า เพราะเคยมีคนหน้าตาน่ากลัว มาเมียง ๆ มอง ๆ หน้าบ้านหลายครั้ง บ้างก็มีโทรศัพท์เข้ามา ไอรินรับแล้วหน้าตาก็จะซีดเซียว เดินย่ำทิ้งน้ำหนักเท้าลงบนพื้นอย่างกับต้องการให้มันทรุดลงไป เมื่อหนักหนาจนทนกับความกดดันไม่ไหว ไอรินก็บากหน้ามาขอคุยแบบเปิดอก เรื่องขอขึ้นค่าใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งเธอไม่เห็นด้วย เพราะค่าใช้จ่ายที่ไอรินได้นั้นสูงมากอยู่ ไม่ถึงกับทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ก็มีปากเสียงกันหนักเอาการ เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมท่าเดียว แล้วยังแสดงอาการข่มขู่คุกคามอีกด้วย วิฬาร์สลัดความคิดที่อัดแน่นกันอยู่ในสมองทิ้งไป ตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องทำคือหนีเอาตัวรอดจากอดีตแม่เลี้ยงอสรพิษที่ช่างกล้าและใจเหี้ยมหาญเหลือเกิน ลงทุนแสดงละครเพื่อหลอกพาเธอมาให้ใครก็ไม่รู้เอาตัวไปปู้ยี่ปู้ยำ มันน่าแค้นใจตัวเองนักที่ดันพลาดท่าเสียที หญิงสาวสอดส่ายสายตาเหลียวซ้ายแลขวาหาทางหนีทีไล่ หนีได้คราวนี้เธอต้องคิดทำอย่างที่ใจต้องการ เสี่ยงเดินทางไปหาญาติคนเดียวที่เหลือ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าคนทางนั้นจะยังยินดีให้การต้อนรับเธออยู่อีกหรือเปล่า หลังจากถูกผู้เป็นบิดาตอกหน้าหงายกลับไป เพราะท่านคิดว่าน้าสาวมาทำดีด้วย ส่วนหนึ่งเพราะต้องการเขยิบตัวเองจากแค่น้องเมียมาเป็นเมียท่านเสียเอง ‘โอ๊ย! มันจะวิ่งตามไปถึงไหนนะ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกันบ้างหรือไงนี่’ วิฬาร์บ่นอุบ เธอเหลียวมองไปข้างหลังกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เจ้ายักษ์ใหญ่ทั้งสองคนก็ยังวิ่งกวดหน้าเริดมาอย่างกับหุ่นยนต์ที่ใส่น้ำมันจนเต็ม เลยไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย แล้วดวงตากลมโตก็เบิกกว้างด้วยความดีใจจนเนื้อเต้น สุดถนนด้านหน้าไม่ไกลเป็นสี่แยกมีป้อมตำรวจเด่นเป็นสง่าจนเห็นแต่ไกล รอดแล้วเรา...รอดแล้ว! วิฬาร์ร้องตะโกนอย่างลิงโลดอยู่ในใจ ลืมความเหนื่อยและล้าจนหมดสิ้น ซอยเท้าถี่ยิบเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง ทว่า... “บ้าจริง! แล้วฉันจะทำไงดีล่ะทีนี้” บ่นอุบพร้อมเสียงหอบ ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ จะเห็นว่า ปลายทางเป็นป้อมตำรวจที่มีเพียงหุ่นจ่าเฉยยืนประจำการอยู่ “เอาไงดีวะ” เก็บผมที่ร่วงหล่นรุ่ยร่ายความยาวก็แค่ระต้นคอเพียงเล็กน้อยเท่านั้นให้ย้อนกลับเข้าไปในหมวก ยิ่งทำให้สาวน้อยกลายเป็นหนุ่มน้อยไปในบัดดล แต่เพื่อความมั่นใจก็ยังดึงเอาชายหมวกลงมาปิดบังหน้าผากอีกเล็กน้อย “จะไปทางไหนดีนี่” ถามตัวเองพร้อมหันรีหันขวางอยู่ชั่ววินาทีหนึ่ง เส้นทางที่ทอดยาวไม่ว่าจะไปซ้ายหรือขวา หรือจะด้านหน้าลิบๆ นั่น ไม่คุ้นเคยเลย จึงไม่รู้ว่าปลายทางนั้นไปสิ้นสุดที่ไหนและอย่างไร แต่เมื่อถึงที่สุดก็ต้องตัดสินใจเลือกอย่างเท่าที่จะมีเวลาให้พินิจพิเคราะห์ ด้านหน้าและด้านซ้ายมือ...สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านรวงแต่ไม่มากมายเท่าไหร่นัก อีกทั้งรถราที่วิ่งไปมาก็ไม่มากมายเท่าฝั่งด้านซ้ายมือ ซึ่งดูการจราจรจะคับคั่งมากกว่า แล้ววิฬาร์ก็ตัดสินใจเลือกวิ่งไปทางซ้ายมือด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะมีปาฏิหาริย์ให้เธอเจอกับใครสักคนที่สามารถช่วยเหลือพาเธอหนีรอดจากเงื้อมมือแม่เลี้ยงอสรพิษ หรือไม่ก็เจอตำรวจสักนาย... เอี๊ยด! “โอ๊ย!” สาวสวยซึ่งนั่งบดเบียดเรือนกายนุ่มนิ่มแนบชิดกายแกร่งร้องเสียงหลง เมื่ออยู่ดีๆ ร่างก็ลอยละลิ่วกระแทกกับขอบประตูจนจุกก่อนจะทรุดกองกับพื้น “ขับรถยังไงกัน ถึงได้เบรกจนคนอื่นเขาต้องเจ็บตัวแบบนี้น่ะ” ความจริงอยากตวาดแว้ดไปมากกว่า แต่การอยู่กับเควินเธอจะต้องรักษามาดผู้หญิงอ่อนหวานและอ่อนโยน ใจเย็นอย่างกับน้ำแข็งเป็นเนืองนิตย์ แม้จะโกรธใครจนอยากจะบีบคอแล้วหักทิ้ง ก็ยังต้องข่มเพลิงโทสะไว้ภายในอกอย่างสุดๆ ทว่านัยน์ตากลับไม่... วีรดากัดฟันข่มกลั้นความเจ็บ ดันร่างอรชรอวบอัดไปนั่งบนเบาะนุ่มใกล้กับร่างหนาใหญ่ที่ยังคงทำหน้าเรียบเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน ตวัดสีหน้าแดงระเรื่อและนัยน์ตาเข้มดุเกรี้ยวกราดไปให้กับคนขับรถซึ่งหันมาค้อมหัวขอโทษถี่ยิบ หลายครั้งแล้วที่เธอต้องเสียอารมณ์กับคนขับรถมือใหม่คนนี้ คราวนี้คงจะต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้ว “ขับรถอย่างนี้บ่อยๆ ระวังจะไม่มีงานทำนะ” ขู่เสียงแข็งกร้าว ถึงอำนาจสูงสุดของการตัดสินใจจะอยู่ที่เควิน ทว่าเธอก็มีหนทางกำจัดศัตรูได้หลายวิธี “คุณเป็นยังไงบ้างคะเควิน” เอ่ยเสียงหวานถามชายหนุ่มซึ่งเธอทุ่มความพยายามในการจับเขาเพื่อเลื่อนฐานะตัวเองจากเพื่อนร่วมเตียงเป็นภรรยา แต่ก็ไม่เคยจะสำเร็จสักครั้ง ชายหนุ่มไม่เคยบ่ายเบี่ยง แต่ก็ไม่เคยพูดจาให้ความหวัง และยังส่งสายตาเหมือนจะเตือนอยู่กลาย ๆ ให้เธอรู้ฐานะของตนเอง อยากจะดึงดันไม่ทำตามความต้องการนะ... แต่เคยเจอแล้วกับคนที่พูดมาก ดื้อดึง เลยถูกเควินเขียนเช็คโยนใส่หน้า ก่อนเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาลากเอาตัวไป พร้อมสั่งห้ามใครปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นกลับมาในบริษัท ถ้าใครขัดคำสั่ง...ไล่ออกสถานเดียว “ขอโทษครับนาย มีคนวิ่งตัดหน้ารถครับ” ถวิลรีบชี้แจงให้กับเจ้านายที่นั่งไม่บ่งบอกอารมณ์โกรธหรือว่าหงุดหงิด วงหน้าเข้มผิวสีทองแดงเรียบเฉยราวกับมีใครเอาปูนซีเมนต์มาเคลือบบล็อกไว้ นัยน์ตาสีสนิมเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นมาแวบหนึ่ง ทำให้คนขับซึ่งเพิ่งจะมารับหน้าที่ได้ไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ถึงกับหน้าซีดเผือด กลัวจนหัวใจหลุดหล่นไปกองอยู่ปลายเท้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับนายนอกจากหน้าตาที่ดุแข็งกร้าว ตาคมกริบอย่างกับเหยี่ยวบนฟากฟ้า มองทีเหมือนจะซอกซอนทะลุเข้าไปถึงหัวใจของคนแล้ว ปากหรือก็ร้าย คำพูดเหมือนมีดผ่าตัดในโรงพยาบาล บาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของคนฟัง นิสัยแข็งกร้าว โมโหร้าย ไม่โอนอ่อนผ่อนตาม ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น ทำงานจริงจัง ไม่เคยเอารัดเอาเปรียบใคร แต่อย่ามีใครมาทำให้โกรธแล้วกัน ไม่ตายพ่อเล่นไม่เลิก ในการทำงานใครทำดีนายจะให้ผลตอบแทนสูงและเลี้ยงดูอย่างดีด้วย แต่ถ้าไม่ได้เรื่องรับเงินเสร็จก็เชิญไปหางานอื่นได้เลย แล้วตอนนี้เขาจำเป็นต้องใช้เงินด้วย “ดาว่าพนักงานขับรถคนใหม่ ทำงานไม่ค่อยจะได้เรื่องเลยนะคะเควิน อย่างนี้ให้พิจารณาตัวเองดีไหมคะ” ถวิลถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก เมื่อเจอเข้ากับคำพูดแล้งน้ำใจซึ่งออกจากปากอวบอิ่มสีชมพูสดของผู้หญิงที่นิสัยและหน้าตาแตกต่างกันราวกับฟ้าและเหว หน้าตาเธอจัดว่าสวยคมเข้มสะดุดตามาก ยิ่งแต่งกายเป็น รู้ว่าส่วนใดของร่างกายที่บกพร่องควรจะปกปิด ส่วนใดที่ควรเปิดเผย แต่ก็ไม่ควรมากมายจนเกินควร อย่างเช่นอกอิ่มอย่างกับลูกมะพร้าวแทบจะล้นออกมานอกตัวเสื้อ เอวเล็กแทบจะกำรอบด้วยสองมือ เสริมด้วยกระโปรงย้วยผ่าขึ้นมาทางด้านหน้า ด้านหลังและด้านข้างอวดช่วงขาขาวนวลเนียนทั้งยามเดินและยามนั่ง ทว่าจิตใจนั้น...ดำยิ่งกว่าอีกา เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม