เช้าวันนี้ในห้องใหญ่ของบ้าน ชายหนุ่มวัยสามสิบห้าลุกขึ้นนั่งหลังจากลืมตาตื่นอยู่อย่างนั้นนับสองนาทีแล้ว ผมเผ้าถูกยีจนเสียทรง พร้อมกับน้ำตาที่ได้จากห้วงฝัน เขาฝันถึงแม่ ฝันว่าแม่กำลังยิ้มและบอกเขาว่าดีใจที่ลูกกำลังจะมีความสุข
ตาคมเหลือบมองไปยังรูปภาพของมารดาที่ติดอยู่บนผนัง รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเช่นในฝัน เมื่อคืนเขาได้เห็นอีกครั้งแล้ว สามเดือนที่ผ่านมาไม่เคยฝันถึงแม่เลย ว่างเปล่าเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยมีคนคนนี้หากไม่มีรูปและความทรงจำยืนยัน
“แม่ ตอนนี้บ้านเรามีน้องจิวเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนผมแล้วนะ ผมเจอน้องที่สะพาน จักรยานแม่เกือบพังตอนพาน้องกลับบ้าน ตอนนี้น้องอยู่ได้สองคืนแล้ว ทำอาหารอร่อยเหมือนแม่เลย น่าจะชอบปลูกต้นไม้ด้วยมั้ง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเบา ๆ บอกเล่ากับความว่างเปล่า บอกให้แม่ได้รับรู้ บ้านหลังนี้ไม่ได้รู้สึกไม่น่าอยู่อีกแล้ว
ภาสกรลูบใบหน้าตัวเองอีกรอบลุกเข้าห้องน้ำ ปกติวันหยุดเขาจะลงไปออกกำลังกายก่อนจากนั้นจะหอบงานไปทำหน้าบ้าน แต่วันนี้ตั้งใจจะพาจิวไปซื้อของ
เสื้อนอนถูกถอกออกทิ้งลงตะกร้า ลอนกล้ามที่ได้จากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอปรากฏขึ้นให้ได้เห็น ไหล่กว้างประกอบกับความสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบทำให้เขาดูตัวใหญ่มาก
มือหนาคว้าผ้าผืนหนึ่งเข้าห้องน้ำไป เกือบครึ่งชั่วโมงก็ออกมาจากห้องพร้อมชุดสบาย ๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาว
ไม่คิดว่าลงมาข้างล่างจะได้กลิ่นหอมของอาหาร เดินไปที่ครัวก็เจอต้นตอของกลิ่นหอมสองถ้วย และคนทำกำลังฮัมเพลงไปพร้อมกับล้างจานอย่างมีความสุข บนตัวมีผ้ากันเปื้อนที่แม่เขาชอบเย็บเองสะสมเอาไว้ในตู้ พอจิวใส่แล้วดูดีไม่น้อยเลย
“มาแล้วเหรอครับ จิวทำเสร็จพอดี” มือบางเลื่อนถ้วยข้าวต้มกระดูกหมูเปื่อย ๆ ให้คนพี่ดู เห็นว่าวันนี้พี่ภาสหยุดเขาจึงลุกมาทำอาหารเช้าเองแทนการไปซื้อที่ตลาด เป็นการขอบคุณสำหรับชื่อและไอแพดเครื่องใหม่เมื่อคืนไปในตัวด้วย
ร่างสูงก้มมองอาหารกลิ่นหอมอย่างสนอกสนใจ แต่ก็อดหันมองผ้ากันเปื้อนไม่ได้จริง ๆ จิวสูงกว่าแม่เขามากแต่ใส่แล้วไม่ได้สั้นเกินไปเลย
“น่าอร่อยจัง อีกอย่างจิวใส่ผ้ากันเปื้อนแม่แล้วน่ารักมากเลย พี่ขอถ่ายรูปได้ไหม”
“ได้ครับ” จิวพยักหน้าอย่างงุนงง แต่ก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงคิดถึงแม่ ร่างบางหันหน้าไปหากล้องพร้อมกับยิ้มหวาน ไม่พอยังชูสองนิ้วด้วย คนถ่ายภาพถึงกลับหัวเราะเอ็นดู เก็บภาพได้เกือบสิบรูปในท่าเดียว
“พี่ภาสส่งให้จิวด้วยนะ จิวจะลงไอจี”
“ได้ครับ” มือถือถูกเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อช่วยน้องยกถ้วยข้าวต้มออกไปข้างนอก ตอนเช้าอากาศดีกว่าตอนเย็นเสียอีกไม่มานั่งกินข้าวที่นี่ก็คงน่าเสียดาย ยังมีเสียงนกร้องให้ได้ยินอยู่เลยเพราะยังเช้ามาก
ร่างบางถอดผ้ากันเปื้อนถือเหยือกน้ำตามคนพี่ไป ตอนนี้เขายังอยู่ในชุดสบาย ๆ เพราะต้องทำอาหาร กินข้าวเสร็จค่อยไปเปลี่ยนก็ได้เพราะเราไม่ได้จะออกไปเช้ามากขนาดนั้น อาจจะเปิดทีวีดูรายการวันหยุดด้วยกันก่อน
ภาสกรจัดวางถ้วยลงบนโต๊ะ ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้วจึงเห็นว่าโต๊ะมีฝุ่น เดินกลับไปหยิบผ้าชุบน้ำเล็กน้อยกลับมาเช็ดถูฝุ่นออก เสร็จแล้วจึงให้จิววางเหยือกน้ำได้ จัดแจงเสร็จพวกเราก็นั่งลงเริ่มมื้อเช้าด้วยกัน
“ปกติพี่ภาสกินข้าวเช้าไหมครับ”
“ตั้งแต่แม่เสียพี่ก็กินขนมปังกับกาแฟแทบจะทุกวัน ง่ายดี”
“งั้นต่อไปจิวทำอาหารเช้าให้ แต่ถ้าวันไหนอยากทานมื้อเช้าไม่หนักมากก็บอกได้ อาจจะสลับแซนวิสกับกาแฟได้นาน ๆ ที”
“ขอบคุณครับ แล้วเราล่ะ ปกติเป็นยังไง”
“จิวทานทุกเช้าเลยครับ ส่วนมากก็ข้าวต้มเนี่ยแหละ แม่กลัวจิวหิว”
ภาสกรพยักหน้าจดจำเอาไว้บอกแม่บ้านที่บ้านใหญ่ เผื่อวันไหนพวกเราไม่มีเวลาหรือจิวต้องสอบเขาจะให้แม่บ้านทำมาให้ที่นี่
ความจริงแล้วบ้านใหญ่ไม่ได้ปล่อยทิ้งไว้ แต่มีแม่บ้านเท่าเดิม คนสวนคนขับรถ เอกสารบางอย่างเขาก็นำไปเก็บไว้ที่นั่น ทีแรกเก็บไว้ให้ตะวันอยู่แต่เด็กคนนั้นชอบมาอยู่กับเขามากกว่า กลับมาครั้งนี้ก็คงเป็นอย่างนั้น บ้านหลังนั้นสร้างแต่ความทรงจำไม่ดีให้ทุกคนจริง ๆ ยกเว้นคนต้นเรื่อง
“สาย ๆ ค่อยไปดีไหม” เสียงทุ้มเอ่ยหลังจิวกินข้าวจนหมดด้วยแล้ว ส่วนเขากินหมดตั้งนานแล้วจึงนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอไปพลาง ๆ ก็ไม่ได้เสียเวลาอะไร จิวเองก็กินข้าวได้มากกว่าทุกวัน
จิวนำถ้วยซ้อนกันเอาไว้แล้วถือเข้ามาในบ้าน พี่ภาสถือเหยือกน้ำ แก้วน้ำและหนังสือพิมพ์ตามมาเช่นกัน ล้างครู่เดียวก็เสร็จแล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาดูทีวีของจิว
“ดีครับ จิวว่าจะเปิดทีวีดู”
“เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอางานมาทำ” เสียงทุ้มเอ่ยพลางหันหลังขึ้นบันไดไป จิวจึงเดินไปเปิดหน้าต่างเปิดม่านก่อน จากนั้นถึงมาเปิดทีวีดูละครจักร ๆ วงศ์ ๆ ที่กำลังฉายบนหน้าจอใหญ่ ขนมหลายห่อและน้ำผลไม้ถูกนำมาวางบนโต๊ะ ภาสกรลงมาก็เห็นทุกอย่างพร้อมแล้ว บนโซฟามีคนน้องนั่งกินขนมรออยู่
เดินถือเอกสารและไอแพดไปนั่งลงข้าง ๆ จิวไม่ได้หันมาแต่ยื่นห่อขนมมาทางเขา ตาก็ดูละครย้อนยุคอยู่ มือหนาจึงหยิบขึ้นมากินหนึ่งชิ้นแล้วค่อยเปิดเอกสารอ่านอย่างไม่รู้สึกเสียสมาธิแต่อย่างใดที่มีเสียงทีวีดังคลออยู่
“คิกคิก” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นจากงานมองคนข้างกายที่หัวเราะขบขันอะไรบางอย่างอยู่ หันมองทีวีก็พบว่าเป็นรายการตลกช่องหนึ่ง เผลอแป๊ปเดียวเขาก็ทำงานมาหนึ่งชั่วโมงแล้ว ส่วนคนข้าง ๆ ก็กินขนมหมดสามห่อแล้วเช่นกัน
“คนนั้นเป็นแม่คนเสื้อสีส้มเหรอ”
จิวละสายตาจากทีวีหันมองคนแก่กว่าข้าง ๆ แล้วหันกลับไปมองตัวละครในรายการที่กำลังแสดงอยู่
“เขาเป็นเพื่อนกันครับ แต่แค่เรียกแม่เฉย ๆ”
“ภาษาวัยรุ่นสินะ”
“พี่ภาสยังไม่แก่เสียหน่อย พึ่งสามสิบห้าเอง” จิวเอ่ยแย้งเมื่อเห็นคนพี่พูดเหมือนตัวเองแก่แล้ว จริง ๆ อยากจะบอกว่าตอนนี้พี่ภาสยังหล่อมาก ๆ อยู่เลยไม่เห็นแก่ก็น่าอายเกินไปจึงพูดในใจแทน
“พี่ไม่ค่อยได้ดูทีวีเท่าไหร่ หลังจากนี้จะดูเป็นเพื่อนจิวบ่อย ๆ ก็แล้วกันจะได้ตามทัน”
“อื้อ” ร่างบางพยักหน้าหงึกหงักหันกลับไปสนใจทีวีตรงหน้าต่อ คราวนี้คนข้าง ๆ ไม่ได้ทำงานแล้ว แต่นั่งดูทีวีอย่างตั้งอกตั้งใจจนจิวหัวเราะพี่ภาสแทนตลกในจอ ไม่คิดว่าจะตั้งหน้าตั้งตาดูขนาดนี้ งานการไม่ทำแล้ว หรือเขาทำคนพี่เสียงานกันนะ ช่างเถอะ ความบันเทิงต้องมาก่อนงาน
“หึหึ คนชื่อพรีมตลก”
“ใช่ไหมพี่ภาส จิวก็ว่าเขาเล่นตลกดี ฮ่าฮ่าฮ่า” ภาสกรแค่หัวเราะในลำคอเบา ๆ แต่จิวตอนนี้หัวเราะจนต้องกุมท้องเอาไว้ หัวเราะจนไอออกมาแล้วจนเขานึกเป็นห่วง
“ระวังสำลัก” จิวรับน้ำมากินอย่างเชื่อฟังด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าแดงก่ำจากการหัวเราะแตกต่างจากการร้องไห้อย่างเห็นได้ชัด
“อีกหน่อยก็จบแล้ว หลังจบไปเลยไหมครับ”
“ครับ”
รายการจบแล้วจิวก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุด มอบหมายหน้าที่ให้พี่ภาสปิดทีวีให้ ไม่นานร่างโปร่งบางก็ลงมาด้วยชุดเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงสีขาวสะอาด ภาสกรกำลังเก็บถุงขนมอยู่หันมองอย่างนึกชื่นชม จิวตัวสูงปกติของผู้ชายวัยนี้แต่มองยังไงก็เหมือนตัวเล็กนิดเดียวไม่รู้ทำไม
เตรียมตัวเสร็จพวกเราก็ออกมาจากบ้าน ภาสกรมองรองเท้าที่น้องกำลังสวมใส่นิ่ง ๆ เพราะวันนั้นจิวใส่รองเท้าผ้าใบสีดำติดตัวมาด้วยพอใส่กับชุดนี้เลยดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ ที่ผ่านมาจิวใส่รองเท้าแตะของแม่เขา แต่รองเท้าผ้าใบแบบนี้แม่เขาไม่มี ค่อยซื้อให้น้องใหม่ก็แล้วกัน
จิวไม่รู้เลยว่าคนข้าง ๆ กำลังคิดการใหญ่อะไรอยู่ ผูกเชือกรองเท้าเสร็จก็รับกระเป๋าเงินจากคนพี่มาถือเดินตามอีกฝ่ายไป วันนี้รถที่จอดอยู่หน้าบ้านไม่ใช่รถคันเดิม เป็นรถหรูที่มีที่เก็บของกว้างกว่ารถคันก่อน
ร่างบางเดินไปฝั่งข้างคนขับที่พี่ภาสเปิดประตูรออยู่ เอ่ยขอบคุณเบา ๆ ก็เข้าไป พี่ภาสเข้ามาแล้วไม่นานรถก็ออกตัว ปลายทางย่อมเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตสักแห่ง วันนี้จิวก็นั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของพี่ภาสอีกเช่นเคย
สิบโมงเช้าพวกเราก็มาถึงห้างดังแห่งก่อนเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้รวมถึงแมคบุ๊ค จิวคืนกระเป๋าเงินให้พี่ภาสถือเพราะกลัวดูไม่ดีจากนั้นก็เดินตามกันเข้าไปด้านใน ที่แรกที่จะไปซื้อคืออุปกรณ์การเรียนของจิว เสื้อผ้า ข้าวของครื่องใช้ที่ยังขาดอยู่ กระทั่งกระเป๋าก็ต้องซื้อ
ภาสกรพาเดินดูหลายร้าน จิวไม่อยากได้ของแพงเขาก็พาไปร้านราคากลาง ๆ เลือกอยู่นานก็ได้ชุดใส่ปกติรวมถึงชุดนอนอีกสามสี่ชุด ซื้อเสร็จก็ถูกลากเข้าร้านอื่นต่อ
ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงจิวก็ได้ของครบ ของใช้ส่วนตัว สมุดปากกา กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า และแมคบุ๊คเครื่องใหม่ แถมพี่ภาสยังเป็นทาสการตลาดยืนฟังพนักงานสาธยายคุณสมบัติของไอแมคให้ฟังว่าทำงานสะดวกและหน้าจอใหญ่สำหรับที่บ้านเจ้าตัวก็ซื้อมาให้เขาอีกหนึ่งเครื่อง จิวถึงกลับต้องลากออกมากลัวจะบ้าจี้ซื้อหูฟัง และอีกหลายอย่างมาอีก
“พอแล้วครับ”
“ถ้าขาดค่อยให้พี่พามาซื้ออีก” คำว่าพอแล้วภาสกรตีความได้อย่างนั้น ก่อนพวกเราจะเดินนำพนักงานที่ช่วยยกของมากมายกลับไปที่รถก่อน
ร่างสูงไม่ลืมยัดเงินค่าขนมให้คนละสองใบเทาเพราะของค่อนข้างหนัก หลังจากนี้ก็ต้องไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของสดใส่ตู้เย็น และซื้อต้นไม้เป็นอย่างสุดท้าย
“เที่ยงแล้ว หาอะไรกินกันก่อนดีไหมครับ”
“จิวอยากกินข้างนอกหรือข้างใน” เสียงทุ้มเอ่ยถามความเห็นคนน้อง จิวหันมองร้านอาหารด้านนอกก่อนจะเห็นว่ามีอยู่หลายร้านเลย
“ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว กินแถวนี้ก็ได้ครับ ร้านอาหารแถวนี้ก็มี”
“งั้นไปเถอะ” ตัดสินใจได้ภาสกรก็ขับรถพาจิวเลือกดูร้านแถวนี้ จอดรถไว้ที่หนึ่งแล้วเดินหาร้านอาหารที่อยากฝากท้องมื้อเที่ยงไว้ จิวไม่ค่อยมองร้านหรู ๆ เพราะเคยกินมาแทบทุกร้านแล้วตอนอยู่กับป๊าม้า ตอนนี้เขาอยากกินร้านคุณป้าร้านนั้นมากกว่า
ร้านตามสั่งป้าสมใจคือร้านที่จิวเลือก พวกเราเดินมาถึงร้านแล้ว กลิ่นหอมของอาหารและลูกค้าเกือบเต็มโต๊ะบ่งบอกว่าอาหารต้องอร่อย ทว่าก่อนจะไปถึงดันมีสุนัขตัวเล็ก ๆ วิ่งมาถูไถขาจิวก่อนเหมือนรู้จักกัน
“บ๊อก บ๊อก”
“เจ้าตัวเล็ก พี่จิวจะล้ม” ภาสกรมองดูคนพูดกับก้อนขนที่วิ่งไปมารอบตัวพวกเราอยู่อย่างเอ็นดู ไม่นานจิวก็นั่งยอง ๆ จับมันเอาไว้ หมาตัวนั้นก็ยังเล่นสนุกไม่หยุดดีดดิ้นออกจากการจับกุมเหมือนเรากำลังเล่นกับมัน
“น่ารักจังเลย พี่ภาสว่าไหม เหมือนพันธุ์ผสมระหว่างไซบีเรียนกับหมาไทยเลยครับ”
“น่าจะซนมากกว่า” ภาสกรตอบตามความคิด ยิ่งมองหน้าแล้วยิ่งรู้สึกถึงหายนะในอนาคตหากเจ้าเด็กนี่เติบโตขึ้นมา คิดถึงภาพสวนดอกไม้ของจิวที่จะถูกถล่ม เขาคงคิดมากไป
“คุณป้า หมาคุณป้าเหรอครับ” จิวหัวเราะคนแก่กว่าหันไปถามคุณป้าเจ้าของร้านแทน ส่วนเจ้าก้อนดื้อ ๆ ตอนนี้เปลี่ยนไปวิ่งแทะกางเกงพี่ภาสแล้ว
“หมามันไม่มีเจ้าของหรอกลูก แม่มันก็เป็นหมาจร คลอดเสร็จก็ไปไหนไม่รู้ น่าจะมีผัวเป็นหมาผู้ดี เอาไปเลี้ยงเลย” คุณป้าเจ้าของร้านเอ่ยขึ้น แถวนี้มีหมาจรเยอะจะตายไป ถูกรถชนบ้าง ถูกกัดบ้าง น้อยนักจะถูกนำไปเลี้ยงเพราะร้านขายสัตว์เลี้ยงก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล หากเด็ก ๆ นำไปเลี้ยงคงจะเป็นบุญเจ้าหมาไม่น้อย
ทั้งสองมองหน้ากันเบา ๆ ไม่นานก็หลุดหัวเราะกับคำพูดของคุณป้า หมาผู้ดีน่าจะหมายถึงสุนัขสายพันธุ์อื่นที่ไม่ใช่สุนัขไทย คงผสมกับไชบีเรียนและหมาไทยจริง ๆ อย่างที่คิดเอาไว้ แต่น่าจะเชื้อพ่อแรง หากมองดี ๆ เหมือนไชบีเรียนเต็มร้อยเลย
“เขาบอกหมาพันธุ์นี้ดื้อ”
“ลูกครึ่งนี่ครับ อาจจะดื้อนิดหน่อย” จิวพยายามหาทางรอดให้สัตว์ก้อนขนนุ่มนิ่มตัวนี้ ภาสกรมองดูทั้งคนทั้งหมาสลับกันก็เหมือนกำลังถูกอ้อนยังไงไม่รู้ ดวงตาแวววาวของสองพี่น้องจ้องมองเขาตาแป๋วเลย
“จิวรับมือไหวแน่นะ หมาแรงเยอะ จิวตัวเล็กนิดเดียวเอง”
“จิวไหวครับ” นี่แหนะ จิวเบ่งกล้ามอวดไปหนึ่งทีเลย ยกหมามือเดียวแถมให้ด้วย สุดท้ายพี่ภาสก็หัวเราะแล้วยกธงขาวยอมแพ้
“งั้นเลี้ยงได้ครับ เดี๋ยวพามันไปคลินิกก่อน”
“เย้ ขอบคุณพี่ภาสเร็ว”
“บ๊อก บ๊อก”
“เก่งมาก คิกคิก” จิวดีอกดีใจจับขาหน้าทั้งสองของสมาชิกใหม่ไหว้พี่ภาสด้วยความสุข สองพี่น้องไหว้อยู่อย่างนั้นก่อนจิวจะอุ้มมันแล้วยืนขึ้นเตรียมพามันไปคลินิก
ไม่คิดว่าชีวิตภาสกรจะได้เจอคนแปลกหน้าอย่างจิวแล้วพากลับมาอยู่บ้าน วันนี้ก็เจอหมาจรตัวเล็ก ๆ ที่ดูแล้วคงจะซนไม่แพ้กัน ตอนนี้เราสองคนก็จะพากลับไปเลี้ยงที่บ้าน หลังจากนี้คงไม่เหงาแล้ว ถ้าโตขึ้นคงจะวุ่นวายแทน เพื่อนเขาบอกเปลี่ยนโซฟาทุกเดือนแต่ลูกก็คือลูก ภาสกรไม่ค่อยเข้าใจแต่อนาคตคงได้ลิ้มลองเองแล้ว
สั่งอาหารเอาไว้ก็นั่งแท็กซี่ไปที่คลินิกรักษาสัตว์ใกล้ ๆ นี้ พาน้องหมาที่จิวอุ้มอยู่ไปหาหมอตรวจสุขภาพและอาบน้ำ ภาสกรเดินไปสั่งพวกอาหารและอื่น ๆ ที่พยาบาลแนะนำมา จ่ายเงินเสร็จพวกเราก็กลับมาที่ร้านเพื่อกินข้าวต่อ กว่าจะเสร็จตามคิวก็คงซื้ออาหารสดเสร็จพอดี
เมื่อคืนแม่เขายิ้มเพราะมีจิว หากเห็นว่ามีหมาเพิ่มเข้ามาด้วยไม่แน่คืนนี้เขาอาจจะฝันเห็นคุณหญิงหัวเราะชอบใจมากกว่าเดิม
ไซบีเรียนลูกครึ่ง + สวนดอกไม้น้องจิว =
มีคำผิดแจ้งได้นะคะ