bc

ลู่จิวไม่ใช่ลูกตระกูลหยาง #ใต้แสงภาสกร

book_age18+
112
ติดตาม
1K
อ่าน
เศรษฐี
จบสุข
รักต่างวัย
โชคชะตา
พ่อเลี้ยง
ชายจีบชาย
เบาสมอง
วิทยาลัย
สวยมั่น
like
intro-logo
คำนิยม

คนแปลกหน้าที่กำลังแตกสลายสองคนยืนเคียงข้างกันบนสะพานสูงพร้อมดำดิ่งสู่ปรโลก แต่ใครจะคิดว่าอยู่ดีๆพวกเราจะชักชวนกันมีชีวิตอยู่ต่อเพราะแค่อยากรอดูว่าชวนชมต้นนี้จะออกดอกสีอะไร

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทที่ 1 อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน
“ไปตายที่ไหนก็ไป” นี่คือคำพูดสุดท้ายที่ออกจากปากผู้เป็นพ่อ ไม่ใช่สิ เขาไม่ใช่พ่อ ตลอดยี่สิบสองปีที่ผ่านมาจิวใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับคุณพ่อคุณแม่ ตระกูลหยางพรั่งพร้อมไปด้วยทุกอย่าง ห้อมล้อมไปด้วยเงินทองและความสุข ทว่าใครจะคิดว่าทุกอย่างจะพังทลายลงเหมือนฝันตื่นหนึ่ง เมื่ออาทิตย์ก่อนมีผู้ชายคนหนึ่งมาที่บ้านด้วยสภาพถูกทุบตีและผอมจนแทบติดกระดูก ลู่จิวสงสารจับใจ แต่ครู่ต่อมาคนน่าสงสารกลับกลายเป็นเขาแทน ผู้ชายคนนั้นคือลูกแท้ ๆ ของคุณพ่อคุณแม่ แล้วเขาเป็นลูกใคร ลูกสาวใช้คนหนึ่งที่สลับตัวเด็ก พาลูกของเจ้านายไปเลี้ยง ไร้ความรักมอบให้ ชีวิตลำบากลำบน ถูกทุบตีมาตั้งแต่เด็ก เติบโตมาได้เพราะข้างบ้านคอยแบ่งข้าวให้กิน ทำงานหาเงินมาใช้หนี้พ่อแม่ที่ติดพนัน เรียนจบเพียงมัธยมปลายเท่านั้น ที่รู้ความจริงเพราะแม่หลุดปากพูดตอนมึนเมา หวังจับเจ้าตัวไปขายให้เสี่ยตัณหากลับในวันพรุ่งนี้ กาลในวัยยี่สิบสองจึงขอยืมเงินข้างบ้านหนีมาที่นี่ อย่างน้อยหากพ่อแม่ตัวจริงไม่ยอมรับก็ขอเร่รอนอยู่แถวนี้ยังดีกว่ากลับไป ลู่จิวยิ่งฟังก็ยิ่งหดหู่ สงสารอีกฝ่ายจับใจ เขาไม่มีเวลาคิดเรื่องใดทั้งนั้น วันเดียวกันคุณพ่อคุณแม่ก็พาไปตรวจดีเอ็นเอ สามวันต่อมาก็ได้รู้ความจริงว่าเขาเป็นลูกคนอื่นจริง ๆ สภาพร่างกายและสภาพจิตใจของผู้ชายคนนั้นน่าสงสารจนพ่อแม่โมโหไล่ตะเพิดลูกกาเช่นเขาออกจากบ้านโดยไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างบางจึงมาอยู่ที่นี่พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าและหนังสือเรียน หยุดยืนอยู่ริมสะพานกว้างนานหลายชั่วโมงแล้ว เบื้องล่างเป็นสายน้ำไหลเชี่ยว ตกลงไปผู้ใดรอดชีวิตคงมหัศจรรย์เต็มที ไม่รู้สิ ไม่รู้จะไปไหน ตอนนี้สมองเขาตื้อไปหมดแล้ว เขาไม่เคยไปไหนคนเดียว ตลอดชีวิตล้วนมีพ่อแม่ เพื่อน หรือไม่ก็คนขับรถพาไป แต่ตอนนี้กลายเป็นคนเร่ร่อนแล้ว ยืนรอให้พ่อแม่มาตามก็ไม่เห็นวี่แวว มือถือในกระเป๋าไร้เสียงเรียกเข้า แล้วจะไปที่ไหนดี อยากไปที่ที่มั่นใจว่าวันพรุ่งนี้จะไม่เจ็บปวดเช่นวันนี้ก็คิดออกอยู่แค่ที่เดียว // กึก // ไม่คิดว่าจะมีคนมายืนข้าง ๆ ในเวลาและสถานการณ์นี้ ดวงตาเหม่อลอยหันมองคนข้างกายนิ่ง ๆ อีกฝ่ายคงอายุมากกว่าเขาสักสิบปี สวมใส่ชุดทำงาน กระทั่งมองท่ามกลางความมืดจิวยังรู้ว่าชุดที่สวมใส่อยู่มีราคา คนรวยก็เจ็บปวดเป็นเช่นกันสินะ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่ใบหน้าเศร้าหมองไม่แพ้เขาเลย ทั้งยังถือกระถางต้นไม้ต้นหนึ่งอยู่ในมือ ลู่จิวเหมือนเห็นภาพตัวเองซ้อนทับ เพราะรู้ว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง เป็นไปได้ก็ไม่อยากให้ทุกคนในโลกใบนี้เจ็บปวดเช่นเขา โดยเฉพาะลูกตัวจริงของตระกูลหยาง ผู้ชายคนนั้นผ่านความเจ็บปวดมามากแล้ว ร่างกายที่มีแต่รอยช้ำ ตัวเล็กผอมแห้งยังติดตาเขาอยู่เลย ตอนนี้ก็เป็นเขาบ้างที่ต้องเจ็บปวด สองบุรุษต่างวัยยืนเคียงข้างกันบนสะพานสูงตระหง่าน ต่างคนต่างเข้าสู่ภวังค์ความเจ็บปวดในใจไร้เสียงพูดคุย ไร้เสียงร่ำไห้มีเพียงสายตาเหม่อลอยและหยาดน้ำตาหลั่งไหลอาบดวงหน้าอยู่เช่นนั้น ดวงตาแดงก่ำอดไม่ได้ที่จะหันมองผู้ชายตัวสูงที่ยืนข้าง ๆ อีกครั้งเมื่อเจ้าตัวยืนนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใดเลยตั้งแต่มาถึง กระถางต้นไม้ในมือมีต้นชวนชมต้นเล็กอยู่ ร่างบางเหลือบมองสิ่งที่เจ้าตัวถือด้วยความสงสัย คล้ายว่ากลัวตกตายไปแล้วจะมีคำถามค้างคาใจติดตามไปยังปรโลก “จะไปที่เดียวกันหรือครับ” “อืม” เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างเบาบางแทบไม่ได้ยิน ทว่าตรงนี้เงียบสงัด กระทั่งเสียงหายใจของกันและกันก็คงได้ยิน ภาณุหันมองคนถามครู่หนึ่ง ร่างกายผอมบาง สูงประมาณคอเขาเท่านั้น คงพึ่งอายุยี่สิบต้น ๆ อายุเท่านี้ก็มีเรื่องทุกข์ใจแล้ว ไม่ดีเลย โลกนี้ใจร้ายเกินไปจริง ๆ “เอาต้นไม้ไปด้วยหรือครับ” เด็กหนุ่มข้างกายยังคงถามต่อ เวลานี้ยังเป็นเจ้าหนูจำไม ไม่อยากคิดว่าเวลาปกติจะร่าเริงมากขนาดไหน ร่าเริงแล้วทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ “ปล่อยไว้ก็ไม่น่ารอด ดูแลไม่ค่อยเป็น ดูสิ” เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมหัวเราะเบา ๆ อย่างสมเพชเวทนาตัวเอง เป็นถึงผู้บริหารทว่าแค่ต้นไม้ต้นเดียวกลับดูแลไม่ได้ จิวละสายตาจากใบหน้าเศร้าหมองมองดูต้นไม้เล็ก ๆ ที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ดู ยื่นนิ้วไปจิ้มต้นมันเบา ๆ ก็เห็นรอยบุ๋มเข้าไป ไม่ใช่ว่าคุณคนนี้รดน้ำมันบ่อยจนเป็นแบบนี้หรอกนะ “มันบวมน้ำนี่ พี่รดน้ำมันบ่อยหรือเปล่าครับ” “ปกติ วันละครั้ง” “ชวนชมไม่ชอบน้ำ” “มันคือต้นชวนชมเหรอ พี่ไม่รู้ คุณแม่ท่านปลูกเอาไว้ก่อนจะเสีย แค่อยากรู้ว่าสุดท้ายดอกมันจะสีอะไรเลยรดน้ำต่อ สุดท้ายก็ไม่ได้เรื่องอีกแล้ว” “ไม่เป็นไรเลยนะครับ นี่ไง ผมบอกพี่แล้ว พี่แค่กลับไปแล้วดูแลมันต่อ” เสียงหวานพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายกลับใจแล้วถอยออกจากตรงนี้ ใบหน้าคมคายชะงักไปครู่หนึ่งก่อนหันมองเขา เราสองคนเผลอสบตากันอยู่นานก่อนคนอายุมากกว่าจะหลบตาไป “รอดูเป็นเพื่อนกันไหม ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว อยากรู้ว่ามันจะสีอะไร” แทนที่จะกลับคนเดียว อีกฝ่ายกลับชักชวนคนแปลกหน้าอย่างลู่จิวให้กลับไปด้วยกัน น้ำเสียงราบเรียบดูก็รู้ว่าไม่ได้ล้อเล่นเลย ร่างบางหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ถูกไล่ออกจากบ้านแล้ว ไม่มีบ้านอยู่แล้ว” “มีห้องว่างห้องหนึ่ง อยู่ได้” “จิวไม่มีเงินนะ” “ทำอาหารเป็นไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น ลู่จิวนึกครู่หนึ่งก็พยักหน้า แม้จะทำได้ไม่เยอะแต่อาหารทั่วไปเขาก็ทำบ่อย “เป็นครับ” “งั้นพี่จ้างทำอาหาร เดี๋ยวออกค่าใช้จ่ายค่าเทอมให้ ใส่ชุดมหาลัยยังเรียนอยู่ใช่ไหม” นิ้วชี้ไปที่ชุดที่เด็กหนุ่มสวมใส่อยู่ เงินนั้นเขามีมากพอจะใช้ได้ทั้งชีวิต ขาดก็แค่ความสุข คนไร้บ้านหมาด ๆ เงียบไปนาน ลู่จิวไม่เคยไปนอนบ้านคนอื่นเลยนอกจากเพื่อน การถูกชักชวนให้เขาไปอยู่ด้วยแบบนี้ออกจะน่ากลัวไปหน่อย แต่แล้วอย่างไร นี่คือทางเลือกที่คนแปลกหน้าหยิบยื่นให้เขาไม่ใช่หรือ ร่างบางเงยหน้ามองอีกฝ่าย ตอนนี้เจ้าตัวกำลังใช้นิ้วจิ้มต้นชวนชมเหมือนหาอะไรทำระหว่างรอคำตอบ เหมือนเขาตกลงหรือไม่ตกลงก็ได้ทั้งนั้นไม่ได้คาดคั้น “พี่เอาจริงเหรอ” “ไม่อยากรอด้วยกันเหรอ” ภาณุพยักหน้าเบา ๆ ตอนนี้ชีวิตเขาเรียกได้ว่าย่ำแย่มากในด้านสภาพจิตใจ เขาเสียใจเวลากลับบ้าน เสียใจเวลาบ้านเงียบ เสียใจเวลาเห็นต้นไม้ค่อย ๆ ตาย คิดถึงแม่เวลากินข้าว กระทั่งมีเงินก็ยังเสียใจที่ต้องใช้เงินคนเดียว เงินมากมายก็รักษาแม่ไม่ได้ การหมดไฟในการทำงานกำลังเล่นงานเขา ตอนนี้ชีวิตต้องการใครสักคนที่อยู่เป็นเพื่อนเขาได้ ไม่ต้องปลอบโยนก็ไม่เป็นไร นั่งร้องไห้เป็นเพื่อนกันก็พอแล้ว จิวคิดอยู่นานสุดท้ายก็พยักหน้า “อื้อ ก็ได้ครับ” “เอาบัตรประชาชนพี่ถ่ายส่งไปให้เพื่อนเก็บไว้ก่อนก็ได้” มือเล็กยื่นไปรับบัตรประชาชนอีกฝ่ายมาถ่ายภาพเอาไว้ จากนั้นก็ยื่นบัตรกลับคืนไป ทว่าเขาไม่ได้ส่งให้ใคร เพราะไม่รู้ว่าจะส่งให้ใคร เพื่อนก็รู้ผลตรวจตั้งแต่ไปส่งเขาที่บ้านแล้ว รู้ว่าเขาถูกไล่ออกจากบ้าน แต่พวกเขากลับไปตอนที่จิวขึ้นไปเก็บของ ลงมาก็ไม่เห็นใครเลย ร่างบางมองพี่ชายแปลกหน้าอย่างสำรวจขณะอีกฝ่ายกำลังเก็บบัตรเข้ากระเป๋า ไม่รู้สิ ตอนนี้ก็ตั้งใจจะตายแล้ว กลับกับคนแปลกหน้าที่คุยกันมานานก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้น หมายถึงในใจเขาตอนนี้ ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าความตายแล้ว “กลับบ้านกัน พี่ถือกระเป๋าให้” กระเป๋าถูกคนพี่เอาไว้ให้จิวเดินตามไป “กลับยังไงครับ” “ปั่นจักรยานมา บ้านอยู่แถวนี้ มาเร็ว” จิวเดินตามอีกฝ่ายอย่างงุนงง อยู่ดี ๆ ก็มีบ้านอยู่ มีคนช่วยค่าใช้จ่าย เดินตามร่างสูงที่ไม่รู้แม้แต่ชื่อแซ่ไปถึงจักรยานแม่บ้านคันหนึ่ง ไม่รู้ว่าจะรองรับน้ำหนักของพวกเราได้ไหม ภาณุยกกระเป๋าหนัก ๆ มาเปิด ให้เจ้าของเขาเลือกของแบ่งใส่ตะกร้าด้านหน้า ส่วนกระเป๋าเขาจะสะพายไว้ข้างหน้าเอง เพราะไม่รู้ว่าจะได้เพื่อนกลับบ้านด้วยจึงไม่ได้นำรถมา ของสองสิ่งทั้งต้นไม้และจักรยานล้วนเป็นของมารดาทั้งนั้น วันนี้กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้เด็กหนุ่มคนหนึ่งกลับบ้านด้วยเสียอย่างนั้น “ถือไอ้อ้วนนี่ให้หน่อย อย่าทำตกล่ะ ไม่งั้นพวกเราได้ไปเกิดตอนนี้แน่ ไม่มีอะไรให้รอดูแล้ว” “ฮะฮะ รับทราบครับ” เสียงหัวเราะแรกของวันดังขึ้นอย่างไม่รู้ตัว มือบางรับกระถางชวนชมมากอดเอาไว้ จากนั้นก็คร่อมนั่งจักรยาน มือจับเสื้อคนพี่แน่น ไม่นานล้อก็เคลื่อนออกจากสะพานสูงตรงนี้ ห่างจากความเงียบสงัด ห่างจากเสียงน้ำไหลเชี่ยวน่ากลัวออกไป ตลอดทางมีเสียงพูดคุยของเราสองคนแทน นับว่าเป็นการเจอกันที่แปลกอย่างไม่น่าเชื่อ คนแตกสลายสองคนกำลังชักชวนที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อรอดูว่าต้นชวนชมบวมน้ำต้นนี้จะออกดอกสีอะไร “อะ พี่ให้” เนื้อชิ้นใหญ่วางอยู่ในถ้วย ร่างบางหันมองพี่ภาสด้วยความงุนงง “กินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ” “ขอบคุณครับ จิวให้พี่คืนบ้าง” จิวทำบ้าง ทว่าสิ่งที่ตักกลับไม่ใช่เนื้อหรือลูกชิ้น ภาณุมองของตอบแทนบนถ้วยตัวเองด้วยความขบขัน “กระเทียมเจียวกับหอมเนี่ยนะที่ให้พี่” “คิกคิก” สวัสดีค่ะ เรื่องใหม่มาแล้ว เรื่องนี้สุขนิยมในส่วนของพระนาย แต่ส่วนกับตัวละครอื่นก็มีปมนิด ๆ เน้นความสุขเป็นหลัก มารอดูดอกของชวนชมต้นนี้ไปด้วยกันนะคะ

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

Heroine (ที่นี่ไม่มี นางเอก)

read
13.9K
bc

เป็นได้แค่เพื่อน(รัก)

read
7.4K
bc

เป็นแฟนผมนี่มันไม่ดียังไงครับเฮีย

read
2.8K
bc

คุณอาของหนู...น่ารักกว่าใคร

read
7.4K
bc

งูบ้านนี้สายพันธุ์เหมียว (Luna V.)

read
1K
bc

ผีเสื้อสมุทรจะเลี้ยงลูก

read
1K
bc

เมื่อปีศาจมาสิงสู่ [omegaverse]

read
1K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook