“ถ้าเป็นฉันคงไม่มีปัญญาปีนขึ้นไปหรอกจ้ะ” เด็กหญิงผู้เป็นราชนิกุลเอ่ย พลางมองขึ้นไปยังกระท้อนต้นสูงด้วยท่าทางหวาดเสียว
“พี่ว่าหญิงนั่งปักผ้า ร้อยมาลัย หรือไม่ก็ปอกมะปรางริ้วอย่างที่ทำอยู่ดีกว่านะจ๊ะ เรื่องปีนต้นไม้เป็นความสามารถเฉพาะตัว ไม่น่าจะลอกเลียนแบบกันได้ง่ายๆ” ฉัตรพงษ์บอกน้องสาวเพื่อน แล้วจึงหันไปถามคนปีนต้นไม้เก่ง “ใช่ไหมพัดชา”
“การปีนต้นไม้ขึ้นอยู่กับความกล้าค่ะพี่ฉัตร ไม่ใช่เรื่องยากถ้าจะหัด”
สีหน้ากระตือรือร้นของผู้เป็นน้องสาวทำให้คนเป็นพี่อดหวั่นใจไม่ได้ สังหรณ์ใจว่าถ้าขืนให้ยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป ไม่แน่น้องสาวผู้แสนจะเรียบร้อยของเขาอาจจะริอยากปีนต้นไม้ตามอย่างยายจอมซนขึ้นมาแล้วจะยุ่ง จึงจำต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม
“พี่ว่าหญิงนิ่มกลับเข้าไปข้างในน่าจะดีกว่านะจ๊ะ ที่ตรงนี้ดูไม่น่าจะเหมาะกับหญิงนัก”
น้องสาวทำหน้าเบ้ก่อนจะส่ายหน้า
“หญิงขอยืนอยู่ตรงนี้อีกสักพักนะคะ พี่ชายณุนั่นแหละต้องรีบเข้าไปฟังพี่เอื้อยเล่นเปียโน อีกสักประเดี๋ยวหญิงถึงจะตามเข้าไป”
“ไม่ได้หรอกจ้ะ หญิงนิ่มต้องเข้าไปกับพี่ด้วย เพราะถ้าเกิดหม่อมแม่ไม่เห็นหญิงเดี๋ยวก็มีเรื่องบ่นให้ร้อนหูอีกหรอก”
คนเป็นน้องสาวส่ายหน้าอีกครั้งอย่างดื้อดึง “ตอนนี้หญิงมั่นใจว่าหม่อมแม่คงลืมหญิงไปชั่วขณะ หม่อมแม่กำลังเห่อพี่เอื้อยนี่คะพี่ชายก็รู้ หญิงสัญญาว่าเดี๋ยวจะรีบตามเข้าไปค่ะ นะคะ นะคะพี่ชายณุ”
น้ำเสียงออดอ้อนทำให้คนเป็นพี่เริ่มลังเล จนเพื่อนสนิทที่ยืนฟังอยู่ต้องพูดตัดบท
“ไอ้ณุ ปล่อยให้หญิงนิ่มอยู่ตามที่ขอเถอะ แถวนี้ก็เขตบ้านแกทั้งนั้น จะไปกลัวอะไร” ก่อนจะหันไปยังเด็กหญิงเจ้าถิ่น “พัดชา พี่ฝากน้องสาวด้วยนะ”
พัดชาพยักหน้ารับพลางยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบจะทั้งปาก “ได้ค่ะพี่ฉัตร รับรองว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับคุณหญิงนิ่มเลยค่ะ”
หม่อมราชวงศ์พิษณุวัชร์มองน้องสาวสลับกับเด็กหญิงที่รับปากอย่างชั่งใจ แต่เมื่อเห็นใบหน้าจ๋อยๆ ของน้องสาวก็พยักหน้า “แล้วรีบกลับเข้าไปนะหญิงนิ่ม” ก่อนจะหันไปทำเสียงดุกับเด็กหญิงตัวสูง “อย่าริชวนน้องสาวฉันปีนต้นไม้เชียวนะพัดชา”
“ค่ะ คุณชายณุ”
พัดชาประชดพร้อมส่งค้อนวงใหญ่ พลางนึกในใจว่า น้องสาวตัวเองน่ะแค่กิ่งต่ำสุดยังไม่น่าจะมีปัญญาปีนขึ้นเลยละมั้ง ทำมาพูดสั่งเธอเสียงดุ จากนั้นก็พูดพึมพำทำนองแช่งชักอีกฝ่ายว่า
“ขอให้มดแดงที่อยู่ตรงลูกกระท้อนที่ถือไปกัดสักทีเถอะ”
เมื่อเห็นพี่ชายกับเพื่อนสนิทถือกระท้อนสามลูกใหญ่ๆ เดินเข้าไปในรั้วกำแพงสูงแล้ว หม่อมราชวงศ์ฉัตรกมลก็หันไปทางเด็กหญิงที่เธอรู้สึกถูกชะตาทันที
“เมื่อกี้ได้ยินพี่ฉัตรเรียกเธอว่าพัดชาหรือ”
“ใช่ ฉันชื่อพัดชา แล้วเธอล่ะ”
“ฉันชื่อฉัตรกมล แต่เรียกฉันว่าหญิงนิ่มก็ได้จ้ะพัดชา” คุณหญิงนิ่มบอกพลางยิ้มกว้าง มองกระท้อนสองลูกที่วางอยู่ใต้ต้นอย่างสนใจ ก่อนจะหยิบขึ้นมาถือ
“ชื่อเธอนี่ช่างสมตัวจริงๆ แล้วคนดุๆ นั่นพี่ชายเธอหรือหญิงนิ่ม” พัดชาถามทั้งที่พอจะเดาออก
คนถูกถามหัวเราะคิก “ใช่จ้ะ แต่พี่ชายณุไม่ได้ดุอย่างที่เธอว่าหรอกนะพัดชา ใจดี แถมโก้จะตาย”
“ใจดีหรือนั่น” พัดชาพูดอย่างไม่เชื่อถือนัก แล้วถามต่ออย่างสงสัย “แล้วทำไมถึงบอกว่าโก้ล่ะ”
“ก็พี่ชายฉันเป็นนักเรียนนายเรือไงล่ะจ๊ะ เวลาแต่งเครื่องแบบแล้วโก้จะแย่ สาวๆ งี้มองกันเกรียว พี่เอื้อยนะพูดถึงไม่ขาดปาก”
คนมีพี่ชายโก้อวดโอ้ด้วยน้ำเสียงภูมิใจ แต่คนฟังอย่างพัดชาลอบเบ้ปากอย่างไม่เห็นด้วย โก้ตรงไหนก็แค่สวมเครื่องแบบสีขาวเท่านั้น แต่ก็ไม่อยากจะพูดขัดใจเพื่อนใหม่ เพราะนานๆ จะได้พูดคุยกับคนรุ่นราวคราวเดียวกันเสียที ด้วยรอบตัวเธอล้วนมีแต่คนอายุมากกว่าทั้งสิ้น พี่ชายคนเดียวอย่างพัชระก็ไม่ยอมเล่นซนกับเธอ
“พี่เอื้อยที่เธอบอกว่าเล่นเปียโนเพลง “Moonlight Sonata” น่ะหรือ” พัดชาถามด้วยจำได้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งพูดถึง
คู่สนทนาพยักหน้ารับ “ใช่จ้ะ พี่เอื้อยเล่นเปียโนเพราะมาก ฉันเองยังเล่นได้ไม่เพราะเท่า เธอรู้จักเพลงนี้ด้วยหรือพัดชา”
“รู้จักสิ เพื่อนที่โรงเรียนก็เล่นเพลงนี้ได้ไพเราะ แต่ฉันเล่นไม่เป็นหรอกนะ”
“อ้าว ฉันนึกว่าเธอเล่นเป็น ฉันเองเรียนเปียโนตั้งแต่เด็ก แล้วเธอชอบเล่นดนตรีอะไรหรือจ๊ะ”
“ฉันชอบจะเข้” พัดชาบอกเพื่อนใหม่ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“จะเข้!” คู่สนทนาเอ่ยเสียงดัง มองคนบอกว่าชอบจะเข้อย่างนึกไม่ถึง
“เธอคงไม่เชื่อสินะว่าฉันเล่นจะเข้เป็น”
“เปล่าหรอกจ้ะ ฉันคิดว่าจะเข้เล่นยากกว่าเปียโนเสียอีก เธอเก่งจังเลยพัดชา” คุณหญิงฉัตรกมลมองเพื่อนใหม่อย่างทึ่งๆ ระคนแปลกใจ เพราะดูจากกิริยาโลดโผนของอีกฝ่ายแล้วไม่น่าจะเล่นดนตรีไทยได้เลย
คนถูกชมว่าเก่งเป็นครั้งที่สองยิ้มรับเขินๆ เพราะเวลาบอกใครว่าชอบเล่นจะเข้ก็มักจะถูกมองด้วยความแปลกใจเช่นนี้เสมอ อาจเป็นเพราะกิริยาท่าทางของเธอที่ดูไม่เหมาะกับเครื่องดนตรีไทยก็เป็นได้
“คุณน้าสิริมา ภรรยาของมิสเตอร์เจมส์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านคนเก่าที่ขายให้ครอบครัวเธอ เป็นครูสอนดนตรีไทยจึงจับฉันเรียนด้วย ทั้งที่ตอนแรกฉันก็ไม่ได้ชอบหรอกนะ เพราะดูแล้วเล่นยากอย่างที่เธอว่าจริงๆ แต่เมื่อเล่นไปนานๆ เข้าก็ชอบ เอาไว้ฉันจะเล่นให้เธอฟัง”
“ได้สิพัดชา ฉันอยากฟังเธอเล่นจะเข้มากเลยนะ”
คนอยากฟังพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น จนพัดชามองแล้วอดยิ้มกับท่าทางของอีกฝ่ายไม่ได้ นิสัยใจคอดูน่ารักผิดกับพี่ชายลิบลับ ก่อนจะแหงนขึ้นไปมองบนต้นกระท้อนแล้วก็นึกถึงมดแดงขึ้นมาได้
“ฉันว่าตอนนี้เรารีบออกห่างจากต้นกระท้อนน่าจะดีกว่า เพราะไม่งั้นบรรดามดแดงอาจร่วงลงมาแล้วกัดเธอเข้าจะยุ่ง” พูดพลางคว้าแขนของเพื่อนใหม่ออกมาจากใต้ต้นกระท้อนโดยเร็ว แล้วพาไปนั่งยังเก้าอี้ไม้ใต้ก้ามปูต้นใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล
“ฉันอยากอยู่คุยกับเธอนานๆ จังเลยพัดชา ยังไม่อยากกลับเข้าไปข้างในเลย” หม่อมราชวงศ์ฉัตรกมลพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ
“ทำไมหรือหญิงนิ่ม” พัดชาถามอย่างสงสัย
คนถูกถามนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะระบายความในใจให้เพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันฟัง