บทที่3

1293 คำ
“ก็ได้ ถ้าพี่รามไม่ช่วย ลักษณ์จะไปจุดธูปบอกพ่อกับแม่ว่าพี่รามไม่ยอมทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับท่านทั้งสอง แล้วถ้าหากลักษณ์ถูกจับติดคุกพี่รามก็ไม่ต้องไปเยี่ยมเลย” ลักษณ์เอ่ยทวงถึงคำมั่นสัญญาที่พี่ชายเอ่ยสัตย์สาบานต่อหน้ามารดาก่อนที่ท่านจะสิ้นใจ เขาแกล้งต่อว่าด้วยความน้อยใจพร้อมกับแอบลอบยิ้มรู้ว่าวิธีนี้จะทำให้พี่ชายใจอ่อนได้เร็วยิ่งกว่าวิธีอื่น ในวันที่แม่เลี้ยงดลลดาป่วยหนักใกล้สิ้นใจ แม่เลี้ยงได้ขอร้องให้รามสัญญาว่าจะดูแลลักษณ์ให้ดีที่สุด ซึ่งรามได้เอ่ยสัตย์สาบานพร้อมกับน้ำตาของลูกผู้ชายที่คลอเบ้ากับการสูญเสียมารดาอันเป็นที่รัก หลังจากที่รามเอ่ยคำมั่นสัญญาแล้ว ไม่กี่นาทีให้หลังแม่เลี้ยงดลลดาก็จากไปอย่างสงบ เวลาผ่านไปยี่สิบปีกว่าแล้ว รามก็ได้ปฏิบัติให้เห็ผนประจักษ์แจ้งว่าเขาได้ยึดมั่นทำตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับบิดามารดาตลอดมา รามไม่เคยขัดใจน้องชาย เขาสนับสนุนและพร้อมที่จะทำทุกอย่างตามความต้องการของน้องชายถ้าหากว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ผิดศีลธรรมอันดีงาม และเมื่อถูกน้องชายทวงคำสัญญาแบบนี้ก็ทำให้พ่อเลี้ยงถึงกับหน้าถอดสีปฏิเสธไม่ลง การถูกขอร้องในครั้งนี้ทำให้เขาลำบากใจมากที่สุด เขาถอนหายใจยืดยาวก่อนจะเอ่ยถามน้องชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ลักษณ์...แกตอบพี่หน่อยสิ ที่อยากไปฉุดเนตรอัปสรมาอยู่ที่ฟาร์ม ลักษณ์ทำไปเพราะว่าคึกคะนองหรือเพราะว่ารักเธอจริงๆ” “รักสิครับพี่ราม ลักษณ์ตอบได้เต็มปากว่าลักษณ์รักเธอ รักอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ลักษณ์อยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเธอ อยากให้แอนนี่เป็นแม่ของลูกๆ ที่จะเกิดมาในภายภาคหน้า ตอนที่ลักษณ์เห็นเธอครั้งแรกในวันที่ปฐมนิเทศนักศึกษา ลักษณ์รู้สึกได้ทันทีว่าเนตรอัปสรคือคนที่ลักษณ์รอคอย” ลักษณ์เอ่ยบอกความในใจด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความสุข “เฮ้อ!...” พ่อเลี้ยงถอนหายใจยาวพร้อมกับยกมือห้ามทัพ “พอแล้วเจ้าลักษณ์ แกไม่ต้องบรรยายมาก แค่นี้พี่ก็เริ่มกลัวที่จะมีความรักแล้ว” “โธ่...พี่ราม ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ช่วยจรรโลงโลกให้ดูสดใสสวยงามน่ะครับ” ลักษณ์เอ่ยค้านยิ้มๆ ชักจะอยากให้พี่ชายผู้เย่อหยิ่งไร้หัวใจรักใครไม่เป็นมีความรักกับเขาบ้างเสียแล้ว ถึงตอนนั้นเขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าพี่ชายที่แสนประเสริฐยังจะพูดได้เหมือนในวันนี้หรือเปล่า พ่อเลี้ยงส่ายหน้าอย่างระอาน้องชายตัวแสบ เขาเอ่ยขอคำมั่นสัญญาก่อนที่จะตอบตกลงทำตามคำขอร้องของอีกฝ่าย “เอาเถอะ พี่จะช่วยแกเอง แต่มีข้อแม้และแกต้องสัญญาว่า...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามทอดทิ้งหรือทำให้เนตรอัปสรเสียใจเด็ดขาด ถ้าแกทอดทิ้งเธอ...ต่อให้แกเป็นน้องที่พี่รักที่สุด พี่ก็ไม่ไว้แกแน่” พ่อเลี้ยงเอ่ยขอคำมั่นสัญญาทั้งๆ ที่รู้ว่าน้องชายของตนเองไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด “สัญญาด้วยเกียรติของลูกผู้ชายและด้วยเกียรติของน้องชายพ่อเลี้ยงรามา กษิดิส ผู้เลื่องชื่อเลยครับ” ลักษณ์ยิ้มกว้างดีใจเป็นลิงโลดเอ่ยสัญญาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “แล้วจะให้พี่ลงมือเมื่อไร” “เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” “เฮ้อ!...ไม่รู้ว่างานนี้จะได้เข้าไปกินข้าวแดงในคุกหรือเปล่า” พ่อเลี้ยงเอ่ยออกมาอย่างไม่มีทางเลือก เขายอมเอาชีวิตของตนเองไปเสี่ยงคุกเสียงตะรางดีกว่าจะให้ลักษณ์เป็นคนเสี่ยง เขายอมแลกอนาคตของตนเองเพื่อความสุขของน้องชายคนเดียวคนนี้ “ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าพี่รามนอนคุก เดี๋ยวผมจะซื้อข้าวผัดกับโอเลี้ยงเย็นเจี๊ยบถึงใจ ไปเยี่ยมพี่รามทุกวันไม่ให้ขาด” “ไอ้ลักษณ์ ไอ้น้องเนรคุณ” พ่อเลี้ยงตะคอกด่าอย่างเหลืออด ซัดหนักๆ ไปบนบ่าของน้องชายด้วยความโมโห ก่อนจะสั่งเสียงห้วน “หุบยิ้มได้แล้วเจ้าลักษณ์ ไปตามไอ้กรณ์กับไอ้หล้ามาพบพี่ที่ห้องทำงานด้วย” พ่อเลี้ยงโบกมือไล่น้องชายพร้อมกับเดินเข้าไปยังห้องทำงาน เมื่อทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ใบใหญ่เขาก็เริ่มค้นหาข้อมูลของนางเอกสาวที่ชื่อเนตรอัปสร ไม่กี่นาทีต่อมาเขาก็ได้ข้อมูลของนางเอกสาวจากวิกิพีเดีย พ่อเลี้ยงเอนตัวพิงเก้าอี้ตัวใหญ่ ถอนหายใจอย่างหนักใจขณะที่มองภาพของหญิงสาวผ่านหน้าจอโน๊ตบุ๊ค จะทำอย่างไรกับปฏิบัติการณ์ครั้งนี้ จะพาตัวหญิงสาวมาด้วยวิธีใดที่จะทำให้เงียบที่สุด ไม่ให้ระแคะระคายถึงหูของสีกากี... ณ คอนโดหรูหร่าแพงลิบลิ่วใจกลางเมืองกรุง หญิงสาวร่างโปร่งบางในชุดอยู่บ้านสบายๆ กำลังเขียนโปสการ์ดถึงน้องสาวที่อยู่ต่างแดน โปสการ์ดแสดงสถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงานน่าอัศจรรย์ในเมืองไทยนับสิบๆ แผ่นถูกเขียนบรรยายด้วยถ้อยคำที่เชิญชวนให้น้องสาวมาเที่ยวที่เมืองไทยอันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเธอ ‘เนตรอัปสร’ หญิงสาวที่งดงามดุจดังนางอัปสราผู้เลอโฉม โอดองค์อรชรงดงามอ่อนช้อย ดวงตาสกาวสุกสดใส ใบหน้างามเปื้อนยิ้มตราตรึงใจ หญิงสาวรวบรวมโปสการ์ดที่เขียนเรียบร้อยแล้วมาถือไว้ในมือก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไปที่ห้องรับแขกซึ่งบัดนี้ถูกครอบครองด้วย ’อิรวดี’ ผู้จัดการส่วนตัวของเธอที่กำลังนอนแผ่หลาอย่างสบายใจเฉิบ อิรวดี สาวประเภทสองรีบผุดลุกขึ้นจากท่านอนเหยียดยาวก่อนจะยิ้มหวานให้เจ้าของห้องแสนสวย “น้องแอนนี่จะไปไหนคะ” “แอนนี่จะไปส่งโปสการ์ดที่ไปรษณีย์ค่ะ พี่อิรวดีไปด้วยกันมั้ยคะ” เนตรอัปสรเอ่ยบอกยิ้มๆ พลางชูโปสการ์ดปึกหนึ่งให้ผู้จัดการส่วนตัวดู อิรวดียื่นมือไปดึงโปสการ์ดมาจากมือบางแล้วพลิกดูผ่านๆ ตาก่อนจะเอ่ยถามหญิงสาวที่ทรุดตัวลงนั่งอยู่ข้างๆ “ส่งไปให้น้องแองจี้อีกแล้วหรือคะ” “ค่ะ...แอนนี่คิดว่าถ้าแองจี้เห็นโปสการ์ดเหล่านี้ต้องรีบมาเมืองไทยแน่นอน” เนตรอัปสรอมยิ้มรับคำผู้จัดการสาวที่สวยไม่ต่างจากหญิงแท้ เรื่องที่เธอมีฝาแฝดอยู่ที่กรุงโรมมีแค่พี่อิรวดีเท่านั้นที่รับรู้ จริงๆ แล้วเธอก็ไม่คิดที่จะปิดบังใคร แต่เมื่อไม่มีใครถาม...เธอก็ไม่อยากจะพูดเช่นกัน เพราะความทิฐิไม่เข้าใจกันของพ่อกับแม่ ทำให้เธอต้องพลัดพรากแยกจากน้องสาวตั้งแต่ห้าขวบ แม่พาพิมพ์อัปสรหรือแองจี้ไปอยู่กับญาติที่กรุงโรม ส่วนเธอก็อยู่กับพ่อที่เมืองไทย เธอไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุผลอันใดที่ทำให้แม่โกรธพ่อมากถึงกับให้อภัยไม่ลง แม้ในวันที่พ่อสิ้นใจ แม่ก็ไม่ยอมพาน้องมาเผาศพพ่อ จะมีก็แค่โปสการ์ดแสดงความเสียใจแค่ใบเดียวที่ส่งมาถึงมือเธอ หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากแม่อีกเลย ทุกคราที่เธออ้างว้างโดดเดี่ยว เธอโหยหาสัมผัสที่อบอุ่น เสียงปลอบนุ่มหวานอ่อนโยนของคนที่เป็นแม่ แต่เธอก็ไม่เคยได้รับสิ่งที่ใจปรารถนาแม้สักครั้งเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม