บทที่ 4

1221 คำ
สายน้ำจากฝักบัวราดรดตามเรือนร่างที่เปลือยเปล่า ร่างกายนี้ไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ความร้อนรุ่มจากแรงสัมผัสเมื่อคืนทำให้เธอแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ แม้พยายามสะกดใจอย่างไรก็ไม่อาจลืมได้เลย ว่าตรงไหน ส่วนไหนได้ถูกแตะต้องสำรวจด้วยมือของบุรุษเพศมาบ้าง            บัวบงกชพยามขัดถูผิวพรรณจนแดงเถือก น่าแปลกมันไม่สกปรกอะไรเลยแต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกถึงความสะอาดแม้แต่น้อยนิด บางอย่างที่แจ่มชัดอยู่ในความทรงจำผุดพรายและทำให้ความรู้สึกส่วนลึกสับสนและแปลบหวามจนน่าฉงนใจ            เกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอ...                                                                ท่ามกลางหยดน้ำที่สาดกระเซ็นกลับร้อนผ่าวเร่าระอุไปทุกส่วน มือเล็กเวียนวาดไปตามส่วนต่างๆ ที่ถูกสัมผัสค่ำคืนอันบาปหนา ทั้งหน้าอกได้รูปตามวัยสาวแรกแย้ม บีบเคล้นเล่นเบาๆ ไล้ปลายนิ้วต้นมาแตะต้องริมฝีปากที่ถูกบดขยี้ แลบลิ้นกวาดเลียเหมือนที่เขาทำ มือก็เคลื่อนเลื่อนลงมาถึงร่างกายส่วนพึงซ่อนเร้น            ทำไมหนอ...ถึงไม่รู้สึกเหมือนยามที่ถูกมือหนาตะบมชมเชยด้วยความหยาบเถื่อนเช่นเมื่อคืน            "คนบ้า!! ทำไมเป็นแบบนี้..." ร่างเล็กทรุดนั่งบนพื้นอย่างไม่แยแสต่อความเย็นยะเยือกของสายน้ำและพื้นกระเบื้อง สำนึกชั่วดีกำลังปั่นป่วนปนเปกับอะไรบางอย่างที่แล่นพล่านอยู่ในกระแสเลือดจนคนตัวเล็กสับสนแทบดึงสติไม่อยู่            เธอบาปไหม ผิดไหม ที่ไม่นึกรังเกียจขยะแขยงสัมผัสนั้น...            ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! "เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเข้าไปนานนัก" เสียงเคาะประตูพร้อมการตะโกนเรียกมาจากด้านนอกทำเอาร่างเล็กท่ามกลางสายนทีสะดุ้งเฮือก ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังตกใจหวาดกลัวหรือหวั่นระแวงตัวเองกันแน่            "ค่ะ...เสร็จแล้ว..." เขาจะเข้ามาในห้องของเธอทำไมกัน...            "คุณออกไปก่อนได้ไหมคะ"            "ได้...ฉันรอข้างนอก มีเรื่องจะคุยด้วย" จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินหยาบๆ จากไปจนทุกอย่างเงียบงันแม้แต่สายละอองน้ำจากฝักบัวก็หยุดไหลแล้ว            หญิงสาวคว้าผ้าขนหนูมาพันกาย นึกตำหนิตัวเองที่รีบร้อนจนลืม ล็อกประตูห้องให้ดีเสียก่อนจะเข้ามาอาบน้ำ แต่เมื่อไม่มีเหตุอันน่ากระอักกระอวลไปมากกว่านี้ก็โล่งใจ                                                             เธอรีบแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาปีหนึ่ง เสื้อแขนตุ๊กตาน่ารัก กระโปรงจีบรอบสั้นเหนือเข่านิดหน่อยไม่น่าเกลียดด้วยความรีบร้อน แต่ก็ยังไม่ลืมสำรวจความเรียบร้อยจนเป็นที่น่าพอใจใน จากนั้นก็คว้ากระดาษรายงานรวมถึงหนังสือที่ใช้เรียนในวันนี้ บัวบงกชยืนมองตัวเองในกระจกเงา เด็กสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ เม้มริมฝีปากเข้าหากันคล้ายพยายามควบคุมตัวเองเมื่อต้องออกไปเผชิญกับใครบางคน...            องศาไม่ได้อยู่ในบ้านและไม่ได้รอเธอในห้องรับแขก เขาอาจอยู่ด้านนอก และก็เป็นจริงตามนั้น ร่างสูงใหญ่ในชุดกางเกงยีนเสื้อสวมทับด้วยสูทลำลอง พอจะเดาออกว่าด้านในคงเป็นเสื้อยืดอย่างเช่นทุกวันแม้ชายหนุ่มจะไม่ได้หันหน้ามาทำให้มองไม่เห็น            "เสร็จแล้วเหรอ ไปคุยในรถกันเดี๋ยวจะไม่ทันไปเรียน"            "เอ่อ...หนูจะไปรถเมล์ค่ะ"            "ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูด อย่ายืดเยื้อมันจะเสียเวลา" คนตัวใหญ่ออกคำสั่งและคว้ากระเป๋าของสาวน้อยไปถือเอาไว้จากนั้นก็เดินหันหลังไปที่รถโดยไม่ได้สนใจเธอ แน่นอน บัวบงกชก็ต้องตามไปขึ้นรถอย่างที่เขาต้องการ            "ถ้าคุณจะคุยเรื่องเมื่อคืน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ค่ะ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก" เด็กสาวเป็นคนเปิดประเด็นเมื่อทั้งคู่อยู่ในยานพาหนะอันทันสมัย องศาเหลือบมองเธอและนิ่งเงียบไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด            "คือ..."                                                                                       "อย่าไปจากบ้านนะ" ชายหนุ่มตัดบทเสียก่อนที่คนตัวเล็กจะเอ่ยประโยคถัดต่อจากนั้น           "..."            "มันจะไม่เกิดขึ้นอีก ฉันอยากดูแลเธอให้ดีที่สุดเพราะรับปากคุณบัวเอาไว้แล้วก่อนเขาจะเสีย ถ้าเธอไป...วิญญาณคุณบัวคงไม่มีวันสงบสุข"      เขากล่าวด้วยความกังวล โดยไม่ได้มองหน้าเธอแม้แต่น้อย สายตาเลื่อนลอยไปตามท้องถนนเบื้องหน้าที่รถกำลังขับผ่าน                              เหมือนบางอย่างเจาะทะลวงทิ่มให้เจ็บแปลบเมื่อได้ยินดังนั้น บัวบงกชลอบกัดริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ            ทำไม...ต้องรู้สึกไม่ดีด้วยเมื่อเขาพูดเช่นนั้น ทั้งที่ควรดีใจว่าแม้จะเป็นแค่พ่อบุญธรรมก็ยังรักและยึดมั่นในคำพูดทำเพื่อแม่ของเธอทุกอย่าง มันน่ายินดีมิใช่เหรอที่บุคคลอันเป็นที่รักของเธอ  มีคนเอาใจใส่ขนาดนี้แม้จะไร้ซึ่งลมหายใจแล้วก็ตาม            แต่ทำไมมันหวามใจอย่างน่าแปลกประหลาด ในห้วงความคิดก่อนหน้า เธอนึกว่าชายหนุ่มจะห่วงความรู้สึกและเป็นห่วงเธอเสียอีกที่เกิดเรื่องไม่งามขึ้นในบ้าน ในฐานะพ่อบุญธรรมกับลูกเลี้ยงสาวแต่นอนเตียงเดียวกันก็ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้วนี่ถึงขนาดแนบชิด...กอดก่าย คลอเคลีย...            ถึงเขาจะจำอะไรไม่ได้ก็เถอะ            "ค่ะ...แต่...ถ้าจบเทอมนี้แล้วหนูขอไปอยู่หอพักกับเพื่อนได้ไหมคะ"            "ทำไม..."                                                                                    "แต่ไม่อยากรบกวนคุณเฮิรตซ์กับพี่โฮปมาก อยากหางานเสริมทำเองด้วยค่ะ"                                                                   "แต่ฉันเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้อยู่ดี เรียนในเมืองก็ไม่ได้ไกลบ้านไม่เห็นต้องไปเสียค่าเช่าให้มันยุ่งยาก" องศาเสนอความเห็นซึ่งแน่นอนมันขัดกันกับสิ่งที่เด็กสาวต้องการ            "หนู...จะหางานทำช่วงปิดเทอม พอเปิดเทอมก็จะทำพาร์ทไทม์ไปด้วยเรียนไปด้วยค่ะ จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้มากที่สุด" ความรู้สึกขณะพูดนั้นเหมือนทุกอย่างรอบตัวเงียบงัน จนกระทั่งแทบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจของตัวเอง                        "เหลวไหล..." เป็นคำตอบที่คนฟังแอบคาดเดาไว้ก่อนแล้ว มันทำให้เธอก้มหน้างุดและตลอดเส้นทางจนกระทั่งถึงที่หมายต่างก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีกเลย            องศาจอดรถหน้าประตูมหาวิทยาลัยและลูกเลี้ยงของเขาก็รีบเปิดประตูรถเดินออกไปด้วยความรวดเร็ว เพื่อความสะดวกในการสัญจรด้วยและเพราะเธออยากออกห่างจากเขาให้เร็วที่สุดด้วย รู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ทั้งสมองและหัวใจมันว้าวุ่นสับสนเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนใช่ไหม...หรือมีเหตุอันใดแทรกซ้อนเข้ามาระหว่าง พ่อบุญธรรมอย่างเขา...กับลูกเลี้ยงอย่างเธอกันแน่            องศาจำต้องออกรถในทันทีที่ร่างเล็กก้าวลงจากไปเหมือนกัน เพราะรถคันหลังกำลังรอคิวจอด อีกทั้งเป็นบริเวณหน้าประตูมหาวิทยาลัยเสียด้วย ในช่วงเช้าจะมีผู้ปกครองและนักเรียนรวมถึงคนทำงานใช้เส้นทางกันหนาแน่น ชายหนุ่มหน้าเข้มละสายตาจากร่างเล็กในนักศึกษา ที่เดินลับตาไปแล้วเข้าสู่โหมดพลขับต่อไป เพื่อไปทำหน้าที่ต้องตัวเองบ้าง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม