bc

รักอันตราย

book_age16+
588
ติดตาม
2.2K
อ่าน
รักต้องห้าม
พ่อเลี้ยง
ดราม่า
ชายจีบหญิง
witty
โลกความเป็นจริง
บุคลิกหลากหลาย
passionate
Neglected
like
intro-logo
คำนิยม

ความรัก...หรือความต้องการกันแน่หนอ ที่ทำให้เขาฉีกทุกกฎเกณฑ์ของความดีงามเพื่อจะได้ครอบครองเธอ บาป จารีต ศีลธรรม สิ่งไหนจะหยุดยั้งความระห่ำล้ำลึกของจิตใจที่โหยหาแต่จะจองจำตัวเธอได้บ้าง เมื่อคนอย่างเขา สามารถทำลายทุกขวากหนามทั้งหลายให้พังพินาศย่อยยับไปต่อหน้าต่อตา หากมัน...จะขัดขวางความความปรารถนา ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นอะไร หรือใครก็ตาม หรือแม้กระทั่ง ลูกชาย...ของตัวเอง

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทที่ 1
"ผมรู้ว่าคุณเหนื่อย...หลับเถอะไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้น" เสียงทุ้มสั่นเครือเอ่ยเปรยกับร่างของหญิงสาวที่นอนพำนักอยู่บนเตียงกว้างในห้องนอนโทนสีขาวทั้งหมด เธอผ่ายผอม ซีดเซียวแต่ใบหน้ายังคงความสวยสดไม่เจือจาง            สายลมพัดพลิ้วปลิวไหวลอดผ่านบานประตูและหน้าต่างหยอกเย้าเล้าเล่นกับผ้าม่านบางไสวที่ว่อนหวิวตามแรงลม พวงกระดิ่งอันเล็กๆ  ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งชวนภิรมย์ หากแต่บรรยากาศมันกลับกันโดยสิ้นเชิง                      "ขอบคุณมากนะองศา ที่ดูแลเป็นอย่างดีมาจนถึงวันนี้" เธอยิ้มน้อยๆ ให้เขาเท่าที่แรงพอจะมีเหลือ ดวงตานั้นทอประกายระยิบอย่างคนเป็นสุขขัดกับสภาพที่กำลังเป็นอยู่                                                       ชายหนุ่มกำมือเล็กที่เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกเอาไว้แน่น ยกขึ้นมาจูบซับและยิ้มตอบกลับให้เธอด้วยสีหน้าเปี่ยมล้นด้วยความรักใคร่                         "ไม่เป็นไร ก็เคยสัญญากันเอาไว้แล้วนี่"                                               "ขอโทษนะ...ที่ทำให้เราได้อยู่ด้วยกันแค่ไม่นาน"       "ไม่เป็นไร แค่นี้ก็พอแล้ว" องศาลอบกลืนความเจ็บจุกที่ดันอั้นอยู่ตรงลำคอ เขากะพริบปิดตาเพื่อไม่ให้เธอเห็นความอ่อนแอที่พยายามซ่อนเร้นเอาไว้            "ฝากยัยหนูด้วยนะ รักเขาให้เหมือนที่คุณรักฉัน"            "คุณพูดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว ผมจำได้ ผมจะทำให้ดีที่สุด เชื่อใจผมนะ"            "ฉันเชื่อใจคุณเสมอ...องศาของฉัน" พูดจบเธอก็หันศีรษะไปทางหน้าต่างห้องซึ่งเปิดกว้างรับลมให้พัดนำพาความปลอดโปร่งเข้ามา            ด้านนอกมีกระถางดอกกุหลาบตกแต่งสวยงาม แต่ละต้นชูช่ออ้อล้ออวดดอกที่ผลิบานแข่งกัน หลากสี หลากชนิดล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เธอรักชอบ            "ฉันรู้สึกเพลียเหลือเกิน อยากนอนสักพัก ตื่นมาเราจะได้ไปเดินเล่นในสวนด้วยกัน"            หญิงสาวบอกความประสงค์ ซึ่งผู้ที่รับฟังก็พยักหน้า ยอมวางมือเล็กลงแทบอกเธอ คลี่ผ้าห่มแพรที่ขาวปักลายหงส์งดงามห่มคลุมด้านบนสองมือที่ทาบประทับกันเอาไว้                                                                       "ผมจะไปเตรียมอาหารไว้ให้เด็กๆ กลับมาคงจะหิวกันไม่น้อย คุณพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวจะกลับมานั่งเป็นเพื่อน"                 "ค่ะ..." เธอกล่าวด้วยความอ่อนแรงแต่ก็ยังฝืนยิ้ม ก่อนจะหลับตาลงหายใจผ่อนแผ่วให้คนมองถอนหายใจด้วยความเจ็บปวดยิ่ง                 เขามองหน้าสาวเจ้าที่นอนนิ่งสงบเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความรู้สึกโหวงเหวงชอบกล การเตรียมตัวเตรียมใจและล่วงรู้ความเป็นไรล่วงหน้าบางครั้งก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริง               มันเลวร้ายเกินไป...ที่จะทำใจให้ยอมรับได้            องศาลุกยืนเต็มความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสามเซนติเมตรค่อยๆ เดินถอยหลังไปจนถึงประตูห้อง และตัดใจเปิดก้าวออกไปด้านนอก กระนั้นก็ยังมองเธอที่นอนอยู่บนเตียงจนลับตา....                                   "มีอะไรกินบ้างฮะพ่อ...ผมหิวมากวันนี้รถติดสุดๆ แทบจะลมจับ" ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาสภาพไม่ค่อยเรียบร้อยนักเดินเฉิดฉายเข้ามาในครัว เปิดตู้เย็นและควานหาเครื่องดื่มมาดับกระหายพร้อมทั้งเหลือบมองบิดาซึ่งกำลังง่วนอยู่หน้าเตา            "โมบายล่ะ..." หนุ่มรุ่นใหญ่เหลือบมันมองหน้านิ่งเอ่ยปากถามขณะกำลังสาละวนทำกับข้าวอยู่ด้วย            "ยังไม่เห็นเลย ผมนึกว่ากลับมาแล้ว"            "ฉันสั่งให้แกดูแลไม่ใช่เหรอ" น้ำเสียงดุดันขึ้นเมื่อคำตอบที่ได้รับไม่เป็นที่น่าพอใจ                                                      "ผมอยู่มหาลัยหนึ่ง ยายนั่นอยู่อีกมหาลัยนึง แถมยังห่างกันคนละซีกโลก โทร.ไปหาก็ไม่เคยรับสายจะให้ผมทำยังไง" ฝั่งลูกชายดูจะขุ่นมัวในอารมณ์ขึ้นมาในทันทีเช่นกัน เขาถอนหายใจหนักเหนื่อยกับปัญหาที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายนี้ มันเกิดขึ้นบ่อยจนน่ารำคาญ                                                เขาไม่ใช่พี่เลี้ยง ไม่ใช่แม่นมของใครสักหน่อย...                        "กับข้าวเสร็จหมดแล้ว หิวก็กินก่อนแล้วกัน ฉันจะไปดูโมบายสักหน่อย ว่าถึงไหนแล้ว" หนุ่มใหญ่กล่าวพร้อมทั้งเทอาหารในกระทะใส่จาน ก่อจะวางภาชนะที่ใช้แล้วลงในซิงค์สำหรับล้าง จากนั้นก็ถอดผ้ากันเปื้อนโยนไว้บนโต๊ะกับข้าวเดินกึ่งรีบออกไป            "โอ๋กันเข้าไปยายคุณหนูตีนแดง ถึงว่าไม่รู้จักโตสักที ฮึ..."            สายตาเหลือบมองบิดาไปพลางแบะปากไปพลางขณะวางแก้วน้ำลงและเดินไปจัดการกับของกินรองท้องก่อนที่จะทรมานเพราะความหิวไปมากกว่านี้ ในใจนั้นยังขุ่นเคืองอยู่ไม่หาย เหมือนบางอย่างมันค้างคา และเขาก็ไม่สามารถหาทางออกได้สักที            มันต้องมีสักวัน...ที่ปัญหากวนใจนี้จะต้องหายไปจากชีวิตเขา แค่ภาวนาว่าให้มันมาถึงเร็วๆ...เท่านั้น            กรี๊ด!! จานข้าวในมือแทบร่วงกับเสียงหวีดแหลมคุ้นหู ทว่ามันฟังดูแล้วน่าตกใจอย่างยิ่ง ชายหนุ่มรีบละจากภารกิจการกินลืมหิวในทันทีและรีบปรี่ไปยังต้นเสียงซึ่งคงอยู่ในบริเวณบ้านนี่แหละ เพราะมันฟังชัดเหลือเกิน            "พ่อ...เกิดอะไรขึ้น"            "..." ไม่มีเสียงตอบจากบุพการี แต่สีหน้าซีดและริมฝีปากอันสั่นเทารวมถึงดวงตาที่มองตรงไปยังห้องนอนห้องหนึ่งคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำนั้นทำให้พอจะนึกเดาความออกได้ไม่ยาก            "คุณบัว..." เขาเอ่ยเรียกชื่อนั้นเบาๆ แต่บิดากลับสาวเท้าเข้าไปในห้องซึ่งเปิดประตูแง้มเอาไว้                              "บัว...บัว..." เสียงทุ้มสั่นเครือขานชื่อนั้นบ้าง เขาแทบไม่กล้าย่างเข้าใกล้ร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงโดยมีเด็กสาวในชุดนักศึกษาฟุบกอดร้องร่ำคร่ำครวญปานจะขาดใจอยู่แทบอก                                                               "ไม่จริงใช่ไหมบัว คุณอย่าทิ้งผมไปนะ" หัวใจปลาบหวิวลิ่วลอยเมื่อสัมผัสได้ถึงความเวิ้งว้างว่างเปล่า            ร่างใหญ่ทรุดเข่าลงกับพื้นและคลานเข้าหาเตียงแล้วรั้งร่างไร้วิญญาณมากอดเอาไว้ องศากัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดซิบ กลั้นหายใจเพราะความจุกตัน และหลับตาลงอย่างจำยอมต่อชะตากรรมของคนในอ้อมแขน            "ผมจะรักษาสัญญาของเราเท่าชีวิต คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะบัว"                                    ยามค่ำมาเยือน ความมืดมิดปกคลุมไปทั่ว แม้กระทั่งหัวใจก็ยังเต็มตื้นไปด้วยความดำทมิฬไม่ต่างกัน ราวกับมีหมอกหนามาบดบังทุกให้มองไม่เห็นซึ่งความสดใสอย่างเช่นวันวานอีกแล้ว            สาวน้อยร่างเล็กนอนสะอื้นสั่นระริกอยู่บนเตียงขนาดพอเหมาะกับตัวเอง ในอ้อมกอดรัดแน่นตุ๊กตาตัวใหญ่ซึ่งหวงแหนหนักหนาเอาไว้ ปล่อยน้ำตาให้รินไหลโดยมิอาจหักห้าม แม้จะพยายามสักเพียงใดก็ตาม            "แม่จ๋า...แม่จากไปแล้วโมบายจะอยู่กับใครละจ๊ะ แม่จ๋าโมบายคิดถึงแม่เหลือเกิน" คำเดิมๆ ซ้ำๆ ที่เธอเอื้อนเอ่ยถึงผู้เป็นที่รักนักหนามันคือความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจที่ครวญคร่ำเพรียกหา            ตั้งแต่ขาดพ่อผู้ให้กำเนิดเธอกับแม่ก็มีกันและกันเสมอ เมื่อวันนี้ต้องโดดเดี่ยว ความว้าเหว่จึงเกาะกินและไม่รู้เลยว่าต้องดำเนินชีวิตต่อไปได้เช่นไร                                                                                                       ...เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้เธอรู้สึกตัวและเช็ดน้ำตาที่นองหน้า ก่อนจะรวบรวมกำลังน้อยนิดลุกขึ้นไปเปิดต้อนรับผู้มาเยือน                                 "พี่โฮป...มีอะไรหรือเปล่าคะ"            หญิงสาวสูดน้ำมูกเช็ดน้ำตาซ้ำอีกครั้งก่อนจะเอ่ยปากถามชายหนุ่มซึ่งมีสีหน้าเศร้าสลดไม่แพ้กัน ทั้งที่ความเป็นจริงทั้งคู่ไม่ใคร่จะกินเส้นกันเท่าไหร่หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ออกจะขัดแย้งกันอยู่บ่อยๆ ด้วยซ้ำ            "มาตามไปกินข้าว" ชายหนุ่มตัวโตในชุดดำกล่าว เขาจ้องสาวน้อยแสนโศกไม่วางตา รู้สึกสะเทือนใจไปกับอาการที่เธอเป็นอยู่ไม่น้อย เพราะก็เคยผ่านช่วงเวลานี้มา แถมยังอยู่ในวัยอันอ่อนเยาว์กว่าเป็นหลายเท่า ความทรงจำอันผูกพันเลือนราง ไม่ได้ชัดเจนแน่นแฟ้นอย่างที่เธอมีต่อแม่            "ไม่หิวค่ะ พี่โฮปกับคุณเฮิรตซ์ทานกันไปก่อนนะคะ ฉันปวดหัวมากขอตัวนอนค่ะ" สาวน้อยไม่ได้ยี่หระกับความปรารถนาดี จิตใจเธออ่อนล้าตรอมตรมเกินกว่าจะฝืนทำอะไรนอกเหนือจากการปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับความทุกข์จากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่            "พ่อรออยู่..." ไม่พูดพร่ำทำเพลงชายหนุ่มดึงข้อมือเล็กแล้วหันหลังเดินดึงให้เธอถลาตามไปทันที            "พี่โฮป! ปล่อยค่ะอย่ามาทำนิสัยแบบนี้นะ" หญิงสาวสะบัดมือออกจากพันธนาการ ก้าวถอยกลับ สีหน้าเปลี่ยนจากซึมเศร้าเป็นแฝงไว้ด้วยความขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด            "เสียใจก็ส่วนเสียใจ จะทำร้ายตัวเองทำไม"            "ไม่ได้ทำร้ายตัวเองค่ะ แต่ไม่หิว กินไม่ลง" เขาหันกลับมาทำเสียงเคร่งขรึมใส่ ยืนเท้าสะเอวแสดงความไม่พอใจบ้าง        "คุณบัวคงไม่ดีใจหรอกถ้ารู้ว่าเธอเป็นแบบนี้"                                   "..." คำนั้นทำเอาน้ำตาที่กลั้นกลืนไว้พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง เขามีสิทธิ์อะไรเอาแม่เธอมาข่มขู่ในเมื่อเธอไม่มีความรู้สึกหิวโหยอะไรเลยจริงๆ ไม่ใช่ปฏิเสธไปเพราะอารมณ์ที่ร้อนรุ่มหรือมีอคติส่วนตัว "โมบาย..." จากสะอื้นเบาๆ เป็นเสียงร้องไห้โฮ สองมือเล็กยกปิดหน้าสั่นเทิ้มตัวโยนจนคนเอ็ดเริ่มทำอะไรไม่ถูก เขาตั้งใจมาชวนเธอไปรับประทานอาหารเพราะความเป็นห่วง ไม่ใช่หาเรื่องทะเลาะในช่วงเวลาเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้            "พี่ขอโทษ อย่าร้องไห้เลยนะ" มือใหญ่เอื้อมไปจับร่างสั่นสะท้านเอาไว้ ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายลงคอด้วยความเจ็บฝืดกับอาการของคนตรงหน้า ก่อนจะรั้งเข้ามากอดเอาไว้ เธอเอาแต่ร้องไม่ได้ขัดขืน หรืออาจไม่มีแรงพอก็เป็นไปได้...            "พี่รู้ว่าเสียใจ โมบายรู้ไหมพี่ก็เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน พี่รู้ดี...ว่ามันเจ็บแค่ไหน"            เธอกะพริบตาถี่อยู่ในอ้อมกอดหลวมๆ ของเขา แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ทั้งการกระทำและคำพูดที่ได้รับจากคนคนนี้ เธอไม่เคยรู้ว่าเขามีมุมมองในแง่เจริญหูเจริญกับเขาด้วย            หญิงสาวรีบผลักคนตัวใหญ่กว่าให้ออกห่าง เช็ดน้ำตาและตั้งสติไม่เขวไปกับท่าทีแปลกประหลาดของเขา            "ฉันอยากนอนค่ะ ปวดหัว..." ถือเป็นการกล่าวราตรีสวัสดิ์ เธอหันหลังให้ในทันทีเพื่อกลับไปจมจ่มอยู่กับอารมณ์ตัวเองบนที่นอนดั่งเดิม            "โมบาย"                                                                                     แต่แล้วร่างเล็กก็ต้องชะงัก...                                                        คนด้านหลังสาวเท้าตามเธอมาและรวบกอดจากทางด้านหลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เธอสับสน...และทำอะไรไม่ถูกกับสัมผัสนั้น                            "จำไว้นะว่ายังมีพี่กับพ่ออยู่ข้างๆ เสมอ เธอไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่กำลังคิด เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วเราจะไม่ทิ้งเธอ...พี่สัญญาจะดูแลเธอแทนคุณบัวเอง" กลายเป็นเขาที่ผละห่างจากร่างเล็กแบบบางทันทีเมื่อพูดจบ ปล่อยให้หญิงสาวงงงันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งได้ยินเสียงประตูปิดลงนั่นแหละจึงรู้สึกตัว            บัวบงกชที่แสนจะอ่อนแรงเอื้อมตัวไปนั่งบนที่นอน นับตั้งแต่วันที่มารดาจากไปเธอร้องไห้ไม่หยุดสักนาทีเดียว เว้นแต่ช่วงเวลาที่เผลอหลับเท่านั้น ซึ่งก็น้อยมากในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา เธอไม่เคยรู้สึกว่าปลอดภัยเมื่อไม่มีแม่ มีแต่ความโดดเดี่ยวอ้างว้างและหวาดกลัวว่าจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเช่นไร...            ในเมื่อ...เธอไม่มีครอบครัวและไม่มีที่ให้อยู่อาศัยอีกแล้ว บ้านหลังนี้เป็นขององศาพ่อบุญธรรมคนใหม่ซึ่งเพิ่งก้าวเข้ามาในชีวิตเมื่อสองปีก่อน หลังจากที่บิดาตีห่างหายไปมีผู้หญิงคนอื่น แม่ของเธอตรอมใจและเจ็บป่วยจนอาการกำเริบหนักมาตั้งแต่ตอนนั้น ก็ได้องศานี่แหละที่ช่วยดูแลไม่เคยรังเกียจรังงอน ทำหน้าที่สามีได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างน่าทึ่ง               แต่อย่างไรเสียเธอก็ไม่อาจเปิดรับพวกเขาสองพ่อลูกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันได้อย่างสนิทใจสักที เธอมักรักษาระยะห่างเอาไว้เสมอและไม่เคยรู้สึกผูกพันอะไรมากมาย พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าจนกระทั่งมาถึง...วันนี้                                             ราเชนทร์กับองศาเองก็เช่นกัน ทั้งคู่แสดงความห่างเหินชัดเจน อาจเพราะเธอเป็นผู้หญิงด้วยกระมัง พวกเขาคงไม่อยากเป็นขี้ปากใคร หากต้องมาสนิทสนมกันเกินควร อีกอย่างต่อให้อยู่บ้านเดียวกัน แต่ก็ใช่ว่าใช้ชีวิตร่วมกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ความคุ้นเคยจึงมีขอบเขตของมันอยู่เสมอ            "แม่จ๋า....หนูต้องอยู่ที่นี่ต่อไปใช่ไหมจ๊ะ" เธอวอนถามอย่างไร้ความหวังในคำตอบ...            เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าหากขาดมารดาไปแล้วจะต้องไปซุกซอกหัวนอน ณ ที่แห่งไหน สองพ่อลูกจะเมตตาให้พักพิงอยู่ต่อหรืออาจจะขับไสไล่ส่งเพราะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันแล้ว แม้เมื่อครู่ราเชนทร์จะเข้ามาปลอบใจแต่ก็ไม่ได้หมายว่าเธอจะอยู่ในการอุปการะ ให้พวกเขารับผิดชอบในทุกๆ เรื่อง            เรียนก็ยังเรียนไม่จบ...ไม่มีงานทำ ไม่มีที่อยู่ ไร้ญาติขาดมิตร มันคือภาระใหญ่พอสมควรหากใครสักคนจะเข้ามาอุปถัมภ์เด็กกำพร้าที่มีแต่ตัว ความหวั่นใจเหว่ว้าประดังเข้ามาทำให้ร่างเล็กขดงอคู้กอดตัวเองเอาไว้อย่างน่าสงสาร            เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว...                        

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

นางสาวอินทุอรณ์

read
8.1K
bc

ซ่านเสน่หา พี่น้องต่างสายเลือด

read
7.1K
bc

My Buddy เล่นเพื่อน

read
26.4K
bc

FirstLove น้องพี่ที่รัก

read
15.3K
bc

กระชากกาวน์

read
8.0K
bc

ร้อยสวาททาสหัวใจ

read
6.2K
bc

แคดดี้ที่รัก

read
1.3K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook