หนีที่ 3
ตระกูลวายุตรา
เช่นเดียวกับที่ฮิโรชิไม่ได้ใส่ใจเรื่องของเมีย ขวัญเมืองเองก็ไม่ได้สนใจฝ่ายนั้นเช่นกัน ความจริงหากไม่มีข่าวการเปลี่ยนถ่ายของยากูซ่า แม่ลูกแฝดเองก็ไม่เคยนึกถึงเขา ขอเพียงคิดใช้ชีวิตกับลูกๆ อยู่สุขสบายในเมืองห่างไกลแห่งนี้ ก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้เจ้าของร่างในชุดยูกาตะเฝ้าภาวนาในใจอยากให้เขาลืมกันไปจริงๆ
ตลอดระยะเวลาสี่ปี เขาไม่เคยส่องดูชีวิตสามี อาจจะแค่ช่วงที่มาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ตอนนั้นยังคงคิดถึงแต่หลังจากทำใจได้ขวัญเมืองก็เลือกจะปล่อยวาง ได้ยินมาไกลๆ ว่าเขาใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย ไม่เคยเอ่ยถึงภรรยาของตัวเองสักครั้ง
ราวกับตัวเองไม่มีภรรยา จนผู้คนทั่วไปมองเขาเป็นหนุ่มโสดเสเพล ขวัญเมืองตอนที่มาอยู่โกฮันแรกๆ คิดค่อนขอดในใจว่า
'เขาดูปกติดี จนความคิดถึงที่ขวัญเมืองมีให้เขาดูไร้ค่าขึ้นมาทันที'
"..."
แสงสีน้อยนิดบนท้องถนนยามค่ำคืนส่องกระทบรถคันหรูที่วิ่งบนถนนเส้นเล็กจุดมุ่งหมายเป็นเพทายไนต์คลับ ขวัญเมืองระหว่างนั่งบนรถ พอทบทวนความหลังก็พลันได้สติ แรกเริ่มเดิมทีเจ้ายากูซ่านั่นก็แต่งงานกับตนเพราะต้องการใช้ตนเป็นไม้กันหมา กันอายูมุที่ตามติดชีวิตเขา มันไม่ได้เกิดจากความรัก เป็นขวัญเมืองต่างหากที่ตอนนั้นหวั่นไหวไปเอง นึกถึงตรงนี้กลับทำให้เจ้าของเรือนผมสีอัลมอนด์รู้สึกดีขึ้น เพราะการที่ไม่ได้รักกันมันก็ทำให้หย่าจากกันได้ง่ายๆ ยังไงล่ะ
ยิ่งคิดยิ่งมีความหวัง ขอเพียงฮิโรชิไม่ทราบเรื่องลูกการมาของเขาครั้งนี้อาจจะมาเซนต์ใบหย่าให้ขวัญเมือง จากนั้นก็แยกทางกัน ดังนั้นสิ่งที่ขวัญเมืองวาดฝันไว้ว่าจะใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่กับลูกๆ มันกำลังจะเป็นจริง
ดังนั้นตอนนี้ เขาต้องทำสองอย่างคือ ปกปิดเรื่องฝาแฝด และปกปิดว่าตนใช้อำนาจมังกรแดงดำเพื่อธุรกิจของตัวเอง
เหตุผลที่ขวัญเมืองไม่ยอมหลบลี้หนีหน้าฮิโรชิไป หลักๆ ก็เป็นเพราะรากฐานที่เขาตั้งใจวางไว้ที่นี่มาตลอดสี่ปี ตอนจากกันไม่คิดว่าจะเจอเขาอีก ไม่สิต้องเรียกว่า สามีคงไม่คิดจะเจอเขาอีก เพราะขนาดแค่มาหย่าให้เป็นเรื่องเป็นราวเขายังไม่ทำ นี่ก็คงใช้ทะเบียนสมรสไร้ค่านั่นอ้างกับคุณหนูยากูซ่าได้ว่าเขาแต่งงานซ้อนไม่ได้ ทำไมขวัญเมืองจะมองเกมไม่ออก
หน้าคลับเพทาย มือหนาของเด็กรับรถยื่นไปเปิดประตูรถสีดำเงายี่ห้อแพง ก่อนจะยื่นมือใต้ถุงมือสีขาวเพื่อจับมือรับคนที่อยู่ในนั้น ขวัญเมืองในชุดยูกาตะสีม่วงพาสเทลค่อยๆก้าวขาลงจากรถด้วยท่าทีสง่าสูงส่ง
เหล่าผู้ยากไร้ที่นั่งขอทานอยู่เห็นเป็นคุณขวัญเมืองผู้ใจดีก็พากันเฮโลเข้ามาขอเงิน คนงามหันไปส่งยิ้มหวาน
“ให้เงิน!”
ราวกับเสียงนกขมิ้น บอดี้การ์ดยื่นเงินให้ชายชราผู้หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “อย่ามุงอยู่นาน แยกย้ายได้แล้วคุณขวัญเมืองยังมีเรื่องต้องทำ”
พอได้เงินทอง ขอทานทั้งหลายก็แหวกทาง ขวัญเมืองจับแขนกะทิให้เขาประคองเดินเข้าคลับ ท่าทีราวกับนางพญา ถ้าไม่บอกก็ไม่มีใครทราบจริงๆ ว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่สี่ปีก่อนถูกแม่พามาขายเพื่อไปเป็นโสเภณีในดินแดนอาทิตย์อุทัย
จังหวะอ่อนช้อยเนิบนาบราวกับเป็นเจ้าของชาติชุดที่เขากำลังสวม ซึ่งท่วงท่าแบบนี้ไม่ได้พบเห็นทั่วไป นอกเสียจากท่านชายดีงามที่ถูกเลี้ยงดูอย่างชนชั้นสูง
ขวัญเมืองเป็นที่หมายปองของบุรุษในสามด่านนั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ พวกผู้ชายโสดก็แล้วกันไป แต่พวกที่มีภรรยาอยู่แล้วแต่มาก้อร่อก้อติกขวัญเมือง จนเขาเอือมระอา และพานทำให้ขวัญเมืองเป็นที่เกลียดชังของบรรดาแม่บ้านทั้งหลายไปโดยไม่ตั้งใจ
“...”
ห้องพิเศษในคลับ ขวัญเมืองเดินเข้ามาก็พบ ชายหนุ่มแปดคนนั่งรออยู่ พวกเขายกยิ้มมุมปากทันทีที่เจ้าของร่างอ่อนช้อยเดินเข้ามาเป็นแขกคนสุดท้าย
“คุณขวัญมาช้าต้องถูกปรับด้วยไวน์สามแก้ว!”
ขวัญเมืองได้ยินก็ถอดเสื้อคลุมตัวนอกส่งให้สาวใช้ เขาก้มศีรษะเล็กน้อยทักทายทุกคนอย่างงดงาม ก่อนจะกล่าวว่า "ผมมีเรื่องต้องทำมากมาย กว่าจะสะสางเสร็จก็ช้าแล้ว ไม่เหมือนพวกคุณที่มีมือมีเท้ามากมายนี่ครับ"
พูดพลางนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่สำหรับตัวเอง
โต๊ะอาหารค่ำที่จัดไว้อย่างสวยงามประดับด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวหรูหราลดหลั่นลงมาที่พื้น ดอกไม้สดสีสันสดใสวางอยู่ในแจกันกลางโต๊ะเก้าอี้ไม้ขัดเงาหรูหราแปดตัวล้อมรอบ บนเก้าอี้ชายหนุ่มทั้งหมดกลับมองมายังขวัญเมืองเป็นตาเดียว
อาหารเครื่องดื่มถูกสั่งมาอย่างไม่จำกัด ขวัญเมืองพูดคุยกับพวกเขาสมองก็พลางคิดเรื่องงานไป กล่าวไปถึงกิจการร้านเหล้ายิบย่อยที่ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดเพียงไม่กี่ปี และที่สำคัญคือ ตัวของเขาเองที่ถือกรรมสิทธิ์ค้าขายสุราทั้งไทยและเทศอยู่ในมือ
ภายในห้องพิเศษแห่งนี้ ชายทุกคนที่ดูเหมือนจะเป็นพวกเสเพลไม่เอาอ่าว แท้ที่จริงพวกเขาเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียท้องถิ่น ทั้งเมืองเอซและเมืองฮาร์น ต่างคนต่างมีที่มาหลายเชื้อชาติ อย่างเช่นชายหนุ่มเชื้อสายมาเฟียฮ่องกงผู้นี้
“ขวัญว่าจะลองส่งเหล้าออกไปนอกเหนือจากสามด่านดู ไม่ทราบว่าพวกคุณสนใจหรือเปล่าครับ?” ขวัญเมืองเอ่ยถามราวกับคุยเรื่องทั่วไป แต่ใบหน้ามองไปยังชายหนุ่มคนหนึ่งราวกับต้องการคำตอบ
พอเริ่มเจรจาธุรกิจ สีหน้าทุกคนก็แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“ทำไมครั้งนี้ถึงอยากส่งออกไปที่อื่นหรือคุณขวัญ”
ผู้กล่าวคือคุณซาน เขาเป็นคนทำการค้ากับขวัญเมืองมาตั้งแต่ปีแรก
ซานเป็นมาเฟียฮ่องกง เขามีโกดังเหล้าดองยาจีนและถือธุรกิจเกี่ยวกับการดองเหล้าเกือบทั้งหมดในสามด่าน พอได้ยินคนตัวเล็กพูดขึ้นก็นึกฉงน เพราะปกติหากเป็นการค้านอกเหนือจากสามจังหวัดนี้ ทุกคนรู้ดีว่ามักจะขึ้นกับตระกูลวายุตราทั้งหมด
ขวัญเมืองกล่าวอย่างแพรวพราวว่า
"ผมไม่ใช้แค่ตระกูลนั้น เพราะมันดูผูกขาดจนเกินไป อยากลองกระจายรายได้ให้มาเฟียกลุ่มอื่นๆ บ้าง"
เขาไม่พูดเปล่า เรียกกะทิยื่นส่งกระดาษที่ทนายเตรียมไว้ให้เมื่อเช้าให้ทุกคน
แต่ละคนล้วนทำการค้า ไม่มากก็น้อยย่อมมีราคากลางอยู่ในหัว พอเห็นตัวเลขสินค้าแต่ละชนิดของขวัญเมืองทุกคนก็แทบพลัดตกเก้าอี้
นี่มันสูงกว่าที่ขายในเมืองโกฮันไม่ถึงสองส่วนเองนะ! หากนำไปขายนอกเมือง นั่นแปลว่าสามารถทำกำไรได้อีกเป็นเท่าตัว!
พวกเขาไม่รู้ว่าขวัญเมืองได้มาในราคาต้นทุนเท่าไร แต่หากกล้าขายราคานี้ แสดงว่าด้วยเส้นสายของเขาคงได้มาในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดเกินครึ่ง สัญชาตญาณพ่อค้าทุกคนคำนวณกำไรที่จะได้หากรับงานนี้ แต่ละคนก็กดเครื่องคิดเลขของตัวเองแข่งกัน จากมื้ออาหารพบปะสังสรรค์ กลับกลายเป็นห้องทำงานในชั่วพริบตา
ขวัญเมืองหยิบแก้วไวน์ทรงสูงขึ้นจิบเงียบๆ รอคอยพร้อมรอยยิ้มร้าย
นานสองนาน อาหารหมดไปสองรอบ ข้อตกลงวางมัดจำประกันสินค้าครึ่งหนึ่ง คนทั้งหมดถือว่าร่วมหุ้นกัน เป็นตัวแทนขนสินค้าออกนอกประเทศ เพื่อหาลูกค้าให้กับขวัญเมือง
เนื่องจากต้องใช้แรงงานคน แม้อยากปิดบังแต่ก็ทำไม่ได้ ไม่นานข่าวเรื่องการร่วมมือระหว่างขวัญเมืองและเจ้าพ่อมาเฟียหลายคนในเมืองก็หลุดออกมา ชาวบ้านทั่วไปพอฟังก็หาได้สนใจไม่ นี่เป็นกิจการของชนชั้นร่ำรวยไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอง
หากแต่มีคนกลุ่มหนึ่งเต้นพล่าน!
เป็นคนตระกูลวายุตรานั่นเองที่เต้นพล่านไปตามๆ กัน
“บัดซบ! เขาหักหน้ากันเกินไปแล้ว!”
ในห้องหนังสือของ เจ้าพ่อวายุ เขามีศักดิ์เป็นลุงของเมฆา พอฟังสายข่าวของตนรายงานข่าวที่ได้ยินมาจบ ก็แทบทุบโต๊ะให้หักเป็นสองท่อน ทุบแรงซะจนกำปั้นของตนเจ็บปวด
หลังหายโมโห วายุสั่งมือขวาของตนให้ส่งคนใช้ไปเรียกคนจากตระกูลรองทั้งหมด ทั้งยังกำชับว่าไม่ต้องเรียกเมฆา และอย่าให้เขารู้เด็ดขาดว่าฉันเรียกพบคน
มือขวารับคำจากไป วายุทราบว่าหลานชายตนหลงใหลในตัวขวัญเมือง หากให้เขาทราบเรื่องต้องคาบข่าวไปบอกอีกฝ่ายแน่ ดังนั้นจึงไม่คิดหารือกับเขา
ราวสองชั่วโมง บ้านเล็กบ้านใหญ่ตระกูลวายุสิบกว่าครอบครัวอยู่ครบ แต่ละคนไม่ต้องให้ผู้นำตระกูลบอกก็ทราบ ว่าที่เขาเรียกหาวันนี้เพราะเรื่องอะไร
จริงอย่างที่คิด วายุสอบถามว่าทุกคนรู้เรื่องแล้วหรือไม่ "ขวัญเมืองที่ผ่านมาใช้งานตระกูลเรา แต่ครั้งนี้กลับใช้ผู้อื่น ฉันไปสืบดูมาแล้ว สินค้าครั้งนี้มีค่าเกือบสองล้าน"
หลายคนพยักหน้า ความจริงคิดว่าขวัญเมืองนั่นมีความสัมพันธ์ลับๆ กับหลานชาย ที่ผ่านมาทั้งสองฝ่ายก็ทำการค้าอย่างดีกันมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ไม่แค่ยกงานให้ผู้อื่น แม้แต่จะส่งคนมาแจ้งสักคำยังไม่แจ้ง นี่ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเรารึไง
“แล้วเจ้าพ่อจะจัดการยังไง?” ตระกูลรองที่สามเอ่ยถาม เขาทราบเส้นสนกลในดีแถมยังมีเส้นสายกับตำรวจ หากพวกตนไม่เอ่ยปาก พ่อค้าคนใดก็ไม่อาจออกนอกด่านได้
“ทำยังไงเหรอ? เจ้าเด็กนั่นไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา มันคิดว่าตัวเองเป็นใครวะ”
“เจ้าพ่อ! เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด!”
ตระกูลรองและตระกูลที่สี่ตะโกนขึ้นพร้อมกัน จากนั้นกล่าวว่า
“คนของเรายังตรวจสอบความเป็นมาไม่ได้ แต่ถ้าเขามีความสามารถขนาดนี้คนเบื้องหลังต้องไม่ธรรมดา หากตอแยจนเจอตอใหญ่ เรารับความเสี่ยงได้หรือ?”
รากฐานตระกูลวายุตรานับร้อยปีของพวกเขาไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ถึงจะเป็นเช่นนั้นยังสืบไม่ได้ว่าขวัญเมืองผู้นี้เป็นสมบัติส่วนตัวผู้ใด หากคิดเล่นงานเขาเหมือนคนอื่นๆ ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ แต่ก็สมควรสืบให้แน่ชัดก่อน ว่าตนกำลังเป็นศัตรูกับใครอยู่
“เรื่องนี้ไม่ต้องคิดมาก ฉันแค่จะสั่งสอนเขา”
เมื่อบอสใหญ่เห็นญาติๆ ไม่เอาด้วยจึงเล่าแผนการของตนออกมา
ราวครึ่งชั่วโมง เจ้าพ่อวายุบอกเล่าแผนการ
อย่างที่ทราบกันดีชายแดนการเดินทางค่อนข้างเปลี่ยวการขนส่งใช้เวลามาก
เขาจะสั่งให้โจรโพกหัวดักปล้นสินค้า แต่จะไม่นำสินค้าเหล่านั้นไปขาย เราจะแสร้งทำเป็นเข้าช่วยเหลือ ชิงสินค้าของเขากลับคืนมา เท่านี้ก็เพียงพอสร้างความหวาดกลัวให้เขาแล้ว
ทุกคนพอฟังยังไม่วางใจ กล่าวต่อว่า ถ้าเขาสืบจนทราบว่าเป็นฝีมือเราล่ะ
“เหอะ! ดูว่าถ้าฆ่าคนจนหมดแล้ว เขาจะสืบต่อไปได้ยังไง?” เจ้าพ่อวายุกล่าวหนักๆ ตามความคิดเขา ต่อให้ฆ่าคนขนสินค้าทั้งหมด นั่นก็จะเป็นไรไป ยังไงการปล้นเกิดที่นอกประเทศ พวกตนเพียงรับบทชิงสินค้ากลับมา
“เป็นไร? กลัวรึ? ใช่ว่าพวกเราไม่เคยทำ!”
ทุกคนเงียบ ยังไม่มีใครกล้าปริปากออกมา
ที่ผ่านมาตระกูลวายุตรายึดครองเส้นทางขนสินค้าขึ้นเหนือเพื่อส่งออกต่างประเทศ นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาทำได้ดีกว่าผู้อื่น หากแต่นอกด่านมีโจรใหญ่กลุ่มหนึ่งเรียกว่าโจรโพกผ้า รถบรรทุกสินค้าน้อยคันนักจะเดินทางโดยปลอดภัยได้
นี่เป็นความลับของตระกูล หัวหน้าโจรจัดเป็นพี่ชายร่วมปู่เดียวกันของบอสวายุ ความสัมพันธ์นี้ความจริงไม่เพียงพอให้ทั้งสองผูกมิตรทำการค้า หากแต่เพราะโจรยังไงก็ยังต้องการข่าวสาร ดังนั้นที่ผ่านมา เป็นพวกของวายุตราเองที่ส่งข่าวให้พวกเขาดักปล้นพ่อค้ารายอื่น ระบุแม้กระทั่งสินค้ามีอะไรบ้าง ปล้นแต่ละครั้งทำกำไรได้เท่าไร
“เจ้าพ่อ ผมเห็นด้วย! ขอเพียงไม่ได้แตกหักกับเขาโดยตรง แค่อยู่เบื้องหลัง ผมคิดว่าจะเสี่ยงดูสักครั้ง”
เมื่อมีคนเห็นด้วย คนอื่นๆ ก็พยักหน้าตาม ขอเพียงชิงการค้ารายใหญ่รายนี้กลับมาได้ ก็ไม่มีพ่อค้าคนไหนในเมืองโกฮัน ที่พวกเขาไม่กล้าแตกหักด้วย
ตลอดสามปี ตระกูลวายุตราทำกำไรจากท่านขวัญเมืองกว่าสิบล้าน จู่ๆ จะยอมให้ผู้อื่นมาชิงพุงปลาตัวนี้ไปกินได้ยังไง!
***