หนีที่ 4 กำลังไป

2404 คำ
หนีที่ 4 กำลังไป รถบรรทุกนับสิบจอดขนถ่ายสินค้า ลังเหล้าใหญ่ถูกลำเลียงออกจากโกดังลังแล้วลังเล่า แม้จะถูกปิดฝา ตีอากรแสตมป์อย่างถูกต้องแต่กลิ่นของมันก็ยังฉุนขึ้นจมูกไม่เบา บนโกดังชั้นสอง ห้องทำงานของขวัญเมือง ตอนนี้ชายหนุ่มทั้งแปดนั่งรอ เจ้าของเรือนร่างอ่อนช้อยเปิดดูเงินในกระเป๋าและให้ฝ่ายบัญชีตรวจนับจนครบ จากนั้นสั่งคนงานให้ยกทั้งหมดไปเก็บ แล้วค่อยหันมาพูดคุยกับสหายคู่ค้าต่ออย่างเป็นกันเอง นี่เป็นเงินประกัน ราคาสินค้าประเมินของเขาคือสองล้านบาท หนึ่งล้านที่ถูกยกไปเมื่อครู่ ใช้รับรองว่า หากเกิดอะไรขึ้นกับสินค้าเขาระหว่างทาง อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียว เพราะเป็นการค้าแบบนำของไปขายก่อน เงินค่อยจ่ายทีหลัง คู่ค้าของเขาสามารถทำกำไรได้อย่างเต็มที่ พวกเขาหากหาผู้ซื้อได้ในราคาสูงกว่าราคาประเมิน ก็เท่ากับการจับเสือมือเปล่า เพราะสามารถคืนสินค้าส่วนที่ขายไม่หมดได้โดยไม่ได้หักส่วนต่างใดๆ อย่าว่าแต่ราคาของขวัญเมืองไม่ได้สูงมาก พอออกนอกด่าน ทุกคนล้วนทราบว่าสินค้าที่นำไปอย่างต่ำ ราคาต้องพุ่งเกือบสองเท่า ก่อนขายแน่นอนว่าพวกเขาต้องทำการบ้าน ว่าเมืองใดชอบสินค้าใด ทั้งยังส่งคนไปติดต่อสอบถามก่อน หาผู้ซื้อไว้ล่วงหน้า แล้วค่อยขนของออกนอกด่านไปทีหลัง การไปครั้งนี้ก็เช่นกัน พวกเขาหาผู้ซื้อได้ครบแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงส่งมอบสินค้า แล้วนำเงินอีกหนึ่งล้านที่เหลือมอบให้ขวัญเมือง เงินส่วนต่างไม่ว่าได้มากี่แสนกี่ล้าน ล้วนเข้ากระเป๋าพวกเขาทั้งหมด กำไรงามทั้งขึ้นทั้งล่อง ดังนั้นภายในห้องจึงพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ บอกว่าขอบคุณ คุณขวัญเมืองที่เห็นพวกเรามีความสามารถ เรียกใช้งานกลุ่มพวกเรา พอรับสินค้าเสร็จ ตรวจสอบจนมั่นใจว่าไม่มีอะไรตกหล่น มาเฟียเจ้าพ่อทั้งหมดก็สั่งคนของตนเดินทางทันที ส่วนพวกเขาก็เชิญขวัญเมืองร่วมงานเลี้ยง หากแต่คุณแม่ลูกแฝดก็ปฏิเสธไป บอกว่าทางบ้านยังมีเรื่องราวต้องจัดการ เอาไว้ครั้งหน้าผมจะไถ่โทษด้วยการเป็นเจ้ามือเอง *** เย็นวันนั้นขวัญเมืองกลับคฤหาสน์ก็ได้รับข่าวใหญ่ว่าสามีเขากำลังมา พอทราบ มือไม้พลันสั่นระริก เรียกกะทิจัดเก็บข้าวของส่วนตัวบุตรทั้งสอง ย้ายไปคฤหาสน์ที่อยู่ติดกัน “กะทิรีบๆ หน่อย! พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาคอยรับใช้ฉันแล้ว นำคนใช้ทั้งหมดของเราย้ายไปดูแลคุณหนูทั้งสองด้วย!” กะทิรู้งาน รีบสั่งคนทั้งหมดย้ายทันที ส่วนตัวเองก็สวมบทบาทคัฟเวอร์เป็นม่ายลูกติดอย่างที่เคยซ้อมมาหลายวัน หลังสั่งกะทิ เขาเรียกหาตัวพ่อบ้าน พ่อบ้านเก่าแก่ที่อยู่กับเขามาหลายปีชื่อว่าพ่อบ้านอัน บอกให้รีบไปหาจ้างคนรับใช้ใหม่ๆ มาซักหลายสิบคน ให้หาพวกที่ซื่อๆ หรือไม่ก็เอาพวกที่มาใหม่จากเมืองอื่น ไม่ก็เรียกใช้บริษัทจัดหาแรงงาน อย่าเอาคนที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองนี้ ชายชรารับคำ เขาเรียกสมุนเจ็ดแปดคนให้ตามมา คิดออกเดินทางไปต่างเมือง หาซื้อจ้างคนรับใช้คนงานให้คุณขวัญเมือง หากแต่ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด ลูกๆ ของเขาพอพบว่าตกดึกแม่ไม่นอนด้วย ทั้งสองก็พากันงอแงดีดดิ้น สุดท้ายกะทิก็ทนไม่ไหว ต้องอุ้มนายน้อยทั้งสองกลับมา “คุณขวัญ นายน้อยกับคุณหนูไม่ยอมนอนเลยครับ กะทิรับมือไม่ไหว” ทันทีที่เห็นขวัญเมืองกะทิก็รีบออดอ้อนผู้เป็นนาย แต่ที่เขาพูดมาไม่ได้โกหก นายน้อยทั้งสองไม่เคยห่างแม่ พวกเขาเคยชินกับการที่ขวัญเมืองนอนอยู่ตรงกลาง ไหนจะกลิ่นที่ไม่คุ้นเคยนั่นคงทำให้เด็กๆ รู้ตัว ขวัญเมืองถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพลางเดินไปอุ้มลูกแฝด เขาเองก็ใจหายเพราะไม่เคยห่างลูก แต่นี่ก็ทำเพื่อตัวของเด็กๆ และตัวเอง ก้อนแป้งสองคนทันทีที่เห็นคนเป็นแม่ก็หยุดร้องพลางแนบหัวเล็กๆนั่นเข้ากับไหล่ของแม่ที่อุ้มเขาไว้ “หม่าม้า รุอิอยากนอนกอดมาม้าครับ” เจ้าของเสียงเป็นแฝดพี่ชื่อว่ารุอิ เป็นชื่อที่ขวัญเมืองตั้งให้ นั่นหมายถึงแสงสว่างและแฝดน้องที่ชื่อว่าเรมินั่นคือความสวยงาม “เรมิก็อยากนอนกอด หม่าม้า” เจ้าก้อนแป้งที่ผมยาวกว่าเมื่อเห็นแฝดพี่อ้อน ตนจึงอ้อนขึ้นบ้าง ขวัญเมืองได้ยินก็หัวเราะร่วนพลางบรรจงจูบไปที่หน้าผากเด็กขี้อ้อนทั้งสองสลับกันก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวานที่ไม่ค่อยมีใครได้ยินนัก “ได้สิครับ แต่วันนี้เราต้องไปนอนบ้านนู้นนะ เดี๋ยวมาม้าจะพาหนูเข้านอน” ว่าแล้วก็อุ้มตัวเล็กสองคนเดินไปยังคฤหาสน์ข้างๆ ก่อนจะพาเด็กๆ เข้านอน คิดในใจว่าเขาคงต้องเป็นคนส่งลูกเข้านอนสักพัก ให้ลูกคุ้นชินกับกะทิก่อน ถึงค่อยปลีกตัวออกมาได้ ทางด้านฮิโรชิ ในที่สุดวันเดินทางก็ถูกกำหนด นอกจากลูกสมุนส่วนตัวของฮิโรชิพันกว่าคน ไม่มากก็น้อยฮิโรชิจำเป็นต้องมีคนของตัวเองในมือ ไหนจะต้องคอยระวังพวกมาเฟียท้องถิ่นและมาเฟียถิ่นอื่นๆ พวกเจ้าพ่อค้าอาวุธ ที่ใช้สามหน้าด่านเป็นเส้นทางส่งออก หลังจากท่านอคตสึยากูซ่าคนก่อนปลดประจำการจากโกฮันก็ถอนกำลังคนไปด้วย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องนำกำลังรุ่นใหม่มาทั้งหมด นอกจากข่าวฮิโรชิไปแล้ว ก็ยังมีอีกข่าวหนึ่งที่น่าตกใจ ฟังว่าคุณหนูอายูมุต้องการไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตอนแรกคนในแก๊งนึกสงสัย คุณหนูตระกูลยากูซ่าผู้นี้ไม่เคยฝักใฝ่เรื่องการเรียน เธอดื้อรั้นและมักพูดเสมอว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องเรียนเพราะยังไงเวลาเธอแต่งงานไปเธอก็เป็นแค่แม่บ้าน คงไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมานั่นเท่าไหร่นัก แต่แล้วหลังฮิโรชิเดินทางทุกคนจึงได้รู้ โถ่! ที่แท้เธอแค่คิดติดตามชายคนรัก ใช้ข้ออ้างว่าไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อเดินทางตามท่านฮิโรชิไป ในวงการยากูซ่า ผู้คนส่วนใหญ่รู้ถึงความสัมพันธ์ชิงรักหักสวาท ระหว่างฮิโรชิและคุณหนูอายูมุดี เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน ทำไมจะดูไม่ออก ยังไงถ้าติดตามเขาไป ลูกคุณหนูตระกูลยากูซ่าอย่างเธอ ฮิโรชิแม้จะไม่อยากแต่ก็ต้องคอยดูแลอยู่ดี ฮิโรชิขณะนั้นขนลุกซู่ รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ ก่อนออกเดินทางในโรงแรมที่ฮิโรชิพัก “หยุดก่อน!” หน้าล็อบบี้ ยากูซ่าตะเบ็งเสียงเรียกหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนลับๆ ล่อๆ ดูจากการแต่งกายสวมเสื้อผ้าสกปรก ด้านหลังยังมีเด็กชายตัวน้อยเดินตามมา “เธอคิดทำอะไร?” เสียงถามไม่ดังนัก หากแต่ดุดันยิ่ง หญิงสาวมอมแมมน้ำตาคลอเบ้า เอ่ยว่า “รบกวนช่วยนำของสิ่งนี้มอบให้ท่านฮิโรชิได้ไหมคะ เขาเห็นแล้วจะรู้เอง” กล่าวจบหยิบเศษไม้หักๆ มองไม่ออกว่าเป็นอะไร คนข้างกายฮิโรชิย่อมต้องคัดมาอย่างสุดฝีมือ มือซ้ายและขวาทั้งสองติดตามเขามานาน พอพบหญิงสาวมีเลศนัยก็นิ่งคิด แต่ยังหยิบเศษไม้เงาวับมาดู “รออยู่ที่นี่” เจ้านี่เป็นเพียงเศษไม้ที่ขัดจนเงา เมื่อเห็นไม่ได้มีอันตรายอะไร เขาจึงเดินเข้าไปหาฮิโรชิ ก่อนจะกล่าวว่า “บอสครับ ผู้หญิงคนหนึ่งมอบของบางอย่างให้บอสครับ บอกว่าพอเห็นแล้วจะรู้เองว่าเป็นอะไร” ในห้องวีไอพี ฮิโรชิเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เนื้อตัวพันไว้เพียงผ้าขนหนูผืนสีขาวหมิ่นเหม่ เอ่ยปากบอกให้ผู้เป็นมือขวานำเข้ามาให้ดูภายในห้อง ไม้เมเปิล แม้จะหักและเสียหายจนมองไม่ออกว่าเคยเป็นสิ่งใดมาก่อน หากแต่เขามองแวบเดียวก็จำได้ จึงกล่าวกับลูกน้องที่เข้ามาว่า “เธออยู่ไหน” “อยู่ด้านนอกครับ บอสรู้จักเธอหรือ?” ฮิโรชิสีหน้าเรียบเฉย เขาวางเศษไม้ลงกับโต๊ะข้างๆ หัวเตียง ปากเอ่ยบอกลูกน้องว่า "หากเธออยากพบฉันก็ปล่อยเธอเข้ามา นายและคนอื่นๆ ออกไปก่อน อย่าให้ใครมารบกวน" ยากูซ่าคนสนิทรับคำ หญิงสาวพอเห็นเขาเดินออกมาสีหน้าก็เต็มไปด้วยความหวัง และก็เป็นดังคาด ฮิโรชิยอมให้เธอเข้าพบจริงๆ ด้วย “ฮิโรชิ...ฉัน...ฉัน…” หญิงสาวพอเข้ามาได้ ภาพที่เขาเห็นกลับไม่เป็นอย่างที่ใจคิด เดิมทีคิดว่าท่าทีของผู้ชายตรงหน้าคงแสดงความหวั่นไหวบ้างไม่มากก็น้อย แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้กลางห้องหรู มือจับกระบอกปืนใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดหางตาไม่ได้ชำเลืองมองเธอแม้แต่น้อย “หากเธอมาขอความเมตตา ฉันเห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อน จะช่วยให้เธอไม่ต้องไปขายตัวได้ แต่หากคิดจะหลุดพ้นจากการเป็นนักโทษยากูซ่าตามกฎ ฉันช่วยไม่ได้” ราวกับเป็นการปิดประตูความหวัง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนโง่ เขาพูดออกมาโดยไม่มองหน้าด้วยซ้ำ เป็นจังหวะเดียวกับลูกชายเธอเรียกหา “แม่!” อยู่ด้านนอกห้อง "ฉันขอตามไปรับใช้คุณ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเราแม่ลูกจะไม่ถูกลูกน้องคุณขายออกไป" "อย่าได้คืบเอาศอกมิวะ" ฮิโรชิส่งสายตาคาดโทษ แต่มิวะไม่มีอะไรให้เสียอีกแล้วเธอรู้ตัวดีว่าถ้าไม่มีชายคนนี้คอยคุ้มกะลาหัวเธอคงไม่พ้นถูกพวกยากูซ่าย่ำยีเล่นเป็นแน่ "ได้โปรดท่านฮิโรชิ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้ท่านเดือดร้อน" คนงามนั่งทรุดลงกับพื้นคุกเข่าขอความเห็นใจ “เธอไปเถอะ ฉันจะบอกลูกน้อง หางานเล็กๆ น้อยๆ ให้เธอทำ” มิวะ ลุกขึ้นยืนบิดชายกระโปรง ถูกไล่โดยไม่เปิดโอกาสให้พูดอะไร ตอนนี้รู้สึกเริ่มแสบที่ตา แต่เธอเป็นผู้หญิงฉลาดไม่โวยวายร่ำร้อง จึงย่อกายเคารพเขาเฉกเช่นธรรมเนียมยากูซ่า ได้ยินเธอพูดเสียงแผ่ว "ขอบคุณท่านฮิโรชิมาก ขอเพียงพวกเราแม่ม่ายลูกกำพร้าไม่ถูกคนข่มเหงรังแกหรือโดนขายออกไป จะให้ทำงานหนักไปบ้าง เราก็ไม่ติดขัดอะไร" หญิงงามตกต่ำน่าสงสาร เธอรู้นิสัยฮิโรชิดี หากสะกิดความเป็นลูกผู้ชายของเขาได้ เขาต้องปกป้องดูแลเธอแม่และลูก ไม่แน่ด้วยความรักที่เขามีให้เธอสมัยก่อน คิดเข้าข้างตัวเองว่าตอนนี้สามารถครอบครองเขาโดยง่าย หวังให้เขาเลี้ยงไว้เป็นเมียเก็บอย่างลับๆ ให้สมอยากกับที่เขาหมายปองเธอในวัยเยาว์ มิวะจากไปแล้ว จากไปโดยฮิโรชิไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลย จริงอยู่สมัยก่อนเคยชอบเธอจริง แต่นั่นก็ผ่านมาเป็นสิบปี ทั้งเธอก็แต่งงานมีสามี ส่วนเขาก็แต่งภรรยา ต่อให้เคยรักใคร่กันแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้ฮิโรชิเก็บมาใส่ใจ รุ่งเช้าออกเดินทาง ห้องวีไอพีถูกเช็กเอาท์ กิ่งไม้เงาๆ บนโต๊ะนั่นไม่มีใครสนใจสักนิด มันถูกปัดตกทิ้งแม่บ้านเก็บลงใส่ถังขยะ ไม่ได้มีคุณค่าแม้แต่น้อย นี่เป็นของแทนใจ เป็นปิ่นที่ทำจากไม้เมเปิล ฮิโรชิในวัยสิบสี่ตั้งใจแกะสลักมันด้วยมีดสั้น ตอนนั้นเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มวัยรุ่น ที่กำลังก้าวเข้าสู่วงการมาเฟียญี่ปุ่น ส่วนเธอก็เป็นคนในสายตระกูลยากูซ่า...ตระกูลห่างไกลเกินกว่าจะนับได้ แม่ม่ายลูกกำพร้าคนนี้ แต่เดิมเธอเป็นเมียตกแต่งของท่านโกเบยากูซ่าอันดับต้นๆ หากแต่ครึ่งปีก่อน สามีเธอถูกจับได้ว่าทุจริต ยากูซ่าไม่ให้อภัยคนทุจริต เขาเกลียดการปล้นและการขายหน้า สามีของเธอจึงถูกฆ่าตาย ครอบครัวถูกลดชั้นเป็นแรงงานในทันที สมัยยังเด็ก เธอเคยคบหากับฮิโรชิ เนื่องจากเธออายุมากกว่าเขาสามปี ฮิโรชิจึงเรียกเธอว่าพี่มิวะ ระหว่างนั้นเขาก็ต้องใช้เวลาฝ่าฟันพิสูจน์ตัวเองเพื่อให้ท่านยามาดะพ่อของเขายอมรับ ขณะที่ผู้อื่นกำลังก้าวหน้า ฮิโรชิยังไม่มีตำแหน่งใดๆ มีเพียงลูกน้องที่ตามติดกันราวสิบคน หากเทียบกับโกเบ ที่ได้รับมอบตำแหน่งติดต่อแนวหน้าค้าอาวุธเถื่อน มิวะคนฉลาดจึงไม่เลือกฮิโรชิ ในวันที่โกเบส่งคนมาทาบทามสู่ขอ ไม่ต้องคิดสักนิดเธอก็บอกพ่อให้ตอบรับทันที ยอมแต่งกับโกเบที่มีอายุห่างกว่าตนถึงสิบปี... *** หลังส่งมอบสินค้า เวลาก็ผ่านไปหลายวัน หากไม่ติดที่ว่าทุกๆ วัน เมฆาจะส่งย่าของเขามาขอพบ ขวัญเมืองก็ไม่ได้มีเรื่องทุกข์ร้อนใจอะไร ฝาแฝดก็เหมือนจะปรับตัวได้ หลายคืนมานี้น้อยมากที่จะงอแงเรียกหาเขา “คุณขวัญเมืองครับ คุณเมฆาขอเข้าพบ” ในห้องทำงาน ขวัญเมืองในชุดยูกาตะหางคิ้วกระตุก เพิ่งจะลอบด่าทอเขาในใจ เจ้าตัวก็โผล่มาแล้ว “แล้วทำไมวันนี้ถึงกับต้องมาเอง?” ในบรรดาผู้ชายที่มาติดพันเขา เจ้าหมอนี่นับว่ามีความพยายามสุด คนอื่นพอถูกเขาไล่กลับไปครั้งหนึ่งก็ไม่กล้าเข้าหาเขาอีก แต่เมฆากลับพัวพันไม่เลิกรา ขนาดเขาบอกว่า “ผมมีลูกและสามีแล้วนะ!” เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ตอบกลับมาว่า “คุณอย่ามาโกหกผม ไหนสามีคุณ หากมีตัวตนจริงก็เรียกเขาออกมา ผมจะเลิกตอแยคุณชั่วชีวิต!” “บอกว่าไม่พบ ผมปวดหัว!” เขาไม่ใส่ใจ ตะโกนออกไปนอกประตู พ่อบ้านได้ยินรับคำหมุนตัวกลับไปรายงาน กับคนคนนี้ เขาไม่ต้องไว้หน้าอะไรก็ได้ ***
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม