“นายยืนในท่าที่โอเคแล้ว คราวนี้นายต้อง...เอ้อ...วางลำตัวลำตัวตั้งแต่เท้าถึงศีรษะเอนไปข้างหน้าจนรู้สึกว่าน้ำหนักตัวอยู่ที่ปลายเท้า แต่ส้นเท้าไม่ลอยพ้นพื้น นายต้องพยายามรักษาลำตัวตั้งแต่สะโพกขึ้นไปให้อยู่ในลักษณะตั้งตรง นายอยู่ในท่านี้แสดงว่าพร้อมแล้วที่จะก้าวเดิน”
“และผมก็พร้อมสำหรับคุณนะ จีน”
ชายหนุ่มกล่าวก่อนยกมือขึ้นเพื่อแสดงให้รู้ว่าเขากำลังเชื้อเชิญให้เธอเป็นคู่เต้น ซึ่งมันเป็นอีกส่วนที่สำคัญในการเต้นลีลาศ จิณณ์รู้สึกว่าหัวใจตัวเองกระตุกเต้นเมื่อเขาเชิญเธอด้วยมือหนาใหญ่ที่ผายออกในลักษณะเชิญชวน
“เอ้อ...”
เขาจะรู้ไหมหนอว่าเธอกำลังกลืนน้ำลายเหนียวหนืดกลับลงไปในลำคอ ถึงจะเตรียมตัวมาอย่างดีแต่มันก็ยังรวดเร็วเกินไปเมื่อต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้สำหรับครูสอนลีลาศสาว...เธอต้องไม่ตื่นเต้น
“เอ้อ...เรายังไม่ได้กำหนดจังหวะของเพลงเลยนะ”
“จะเป็นไรไปล่ะจีน ผมอยากลองเต้นในความเงียบ”
ทันทีที่มือเรียวบางวางลงบนมือหนาก็เหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นวาบเข้าไปในร่างเล็ก พายัพกระชับมือหญิงสาวด้วยมือของเขาขณะสอดมืออีกข้างเข้าไปใต้แขนของหญิงสาวและวางลงบนแผ่นหลังอย่างนุ่มนวล และโดยไม่ตั้งใจชายหนุ่มสังเกตเห็นความประหม่าเล็ก ๆ ฉายออกมาในดวงตาสีน้ำตาลหม่นแสนสวย
“คุณเคยมาเที่ยวภูเก็ตมั้ย จีน?”
เขาถามขึ้น น้ำเสียงนุ่มนวลของเขาช่วยทำให้บรรยากาศบีบรัดรอบตัวครูสาวผ่อนคลายลงขณะที่ทั้งสองเริ่มลีลาศด้วยจังหวะเชื่องช้า เขาก้าวเท้าไปอย่างมั่นคงโดยที่ครูสาวแทบไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาวเลย
“ไม่เคย นี่เป็นครั้งแรก”
“บรรยากาศที่นี่เป็นยังไง?”
“ยอดเยี่ยมมาก”
“หมายถึง?”
“อากาศดีมาก...อุ๊ย!”
จิณณ์ร้องอุทานเมื่อเธอเกิดสะดุดเท้าตัวเองทั้งที่ตั้งสติมั่น แต่ร่างเล็กที่กำลังจะซวนเซกลับถูกร่างสูงใหญ่ดันกลับเข้าไปชิดอกกว้าง จังหวะการเต้นรำของทั้งสองหยุดลงและทั้งเขาและเธอก็ยืนอยู่เช่นนั้นเนิ่นนาน หญิงสาวอยู่แนบชิดตัวเขาและได้ยินเสียงหัวใจของชายหนุ่มอย่างชัดเจน
“เอ้อ...ขอโทษทีที่ฉันทำให้จังหวะสะดุด”
“ไม่เป็นไรหรอกจีน...มันเป็นความผิดของผมเอง”
จิณณ์ซึ่งอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งเงยหน้ามอง เธอตัวเล็กกว่าเขามากเมื่อยืนอยู่ชิดกันแบบนี้ โดยปกติเธอจะสวมรองเท้าส้นสูง แต่ถึงตอนนี้ที่ครูสอนลีลาศสาวซึ่งเท้าของเธอเปล่าเปลือยจะสวมรองเท้าส้นสูงถึงสี่นิ้วแต่เธอก็ยังตัวเล็กกว่าเขามากอยู่ดี
“ผมยังเต้นรำได้ไม่ถนัดเลยทำให้คุณเสียจังหวะการทรงตัว”
“นายไม่ผิดหรอกนะพายัพ ฉันต่างหากที่เต้นไม่ดี”
“เอาอย่างนี้เรามาเริ่มกันใหม่ดีไหม...คราวนี้ผมจะทำตัวดี ๆ นะครับคุณครู”
เขาพูดติดขำหน่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศการฝึกเต้นเสียไปแต่อย่างใด ชายหนุ่มคลายวงแขนที่เผลอกอดครูสาวคนใหม่ของเขาแน่นแต่ก็ยังอยู่ในท่าที่พร้อมสำหรับการลีลาศคู่
จิณณ์รู้สึกเหมือนเธอกลายเป็นลูกศิษย์เสียเองมากกว่าที่เธอจะมาเป็นครูสอนเขา เรือนร่างแข็งแกร่งและใหญ่โตของพายัพพลิ้วไหวยามเคลื่อนไปตามจังหวะที่ต่างคนต่างรู้กันว่าจะไปในทิศทางใด สักครู่ต่างก็หยุดการเต้นลงแทบจะพร้อมกัน หญิงสาวคิดว่าพายัพเต้นได้เข้าขากับเธอโดยที่ไม่ต้องสอนเขามากแม้นี่จะเป็นครั้งแรก
“ผมเต้นได้ดีขึ้นหรือเปล่า จีน?”
“นายกำลังจะเต้นได้เก่งกว่าฉันแล้วนะ ที่จริงฉันเหมือนจะเป็นลูกศิษย์ของนายมากกว่า พายัพ”
“แต่ผมก็ยังกำหนดจังหวะของเท้าได้ไม่ดีเท่าคุณนะจีน”
“แต่ว่า...นายก็...เก่งแล้วล่ะ”
หญิงสาวเผลอชมเขาด้วยเสียงหวานดังติด ๆ ขัด ๆ และทำให้ชายหนุ่มฉุกคิดได้ว่าเขากำลังยืนกอดครูสาวสอนเต้นของเขาไว้แน่น มือของเขาไม่ได้วางอบยู่บนแผ่นหลังบอบบางแต่กลับกลายเป็นท่อนแขนแกร่งที่โอบรัดเอวของจิณณ์ไว้แนบแน่นแทน
“นี่เป็นบทเรียนแรกใช่ไหม จีน?”
พายัพถามเสียงแผ่ว ๆ โดยที่เขายังไม่ยอมคลายวงแขนและกอบกุมมือของจิณณ์ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ครูสาวหรุบเปลือกตามองต่ำ ตั้งแต่สอนลีลาศมายังไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อน มันวาบหวิวแปลก ๆ จนเธอประหลาดใจตัวเอง
“ก็...เอ้อ...ใช่”
“คุณต้องอยู่ที่นี่อีกหนึ่งอาทิตย์...ถ้ารู้สึกเบื่อจะให้คนของผมพาไปซื้อของในเมืองก็ได้นะจีน”
“ไม่เป็นไรหรอก...เพราะฉันมาอยู่ที่นี่แค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น”
“ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ผมจะให้แม่บ้านจัดอาหารมื้อค่ำไว้ คุณชอบทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
หญิงสาวเหลือบมองเขา พายัพยังไม่ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระและยิ่งจะดันแผ่นหลังให้อกนุ่ม ๆ ของเธอเสียดสีกับหน้าอกของเขามากขึ้น ถึงจะเคยเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาก่อนแต่หญิงชายเวลาอยู่ใกล้ชิดกันไม่ใครก็ใครจะต้องรู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างตามธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ฉันทานอะไรก็ได้...แล้วแต่นายจะจัดให้”
“หืมม์? ...คุณพูดว่ายังไงนะ ผมได้ยินไม่ถนัดน่ะ”
พายัพโน้มใบหน้าลงมาใกล้ มันใกล้มากจนหญิงสาวรู้สึกถึงกระไอร้อนจากลมหายใจของเขาและทำให้เธอแทบยืนไม่ติดพื้น
“ฉันบอกว่าอะไรก็...”
ได้...คำสุดท้ายขาดหายไปเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นและทำให้ปลายจมูกเล็กชนกับปลายจมูกโด่งยาวของเขาพอดี ในช่วงเวลานั้นเองทำให้ต่างคนต่างชะงักงันและต่างจ้องมองตากันราวกับจะล้วงลึกเข้าไปถึงข้างในของกันและกันเลยกระนั้น แต่แล้วคนที่รีบดึงสติกลับมาก่อนคือจิณณ์ หญิงสาวเม้มปากเข้าหากันก่อนพูดขึ้น
“เอ้อ...แล้วนายจะให้ฉันพักห้องไหนล่ะ?”
พอเธอตั้งคำถามแขนแกร่งที่กอดรัดแน่นก็ค่อย ๆ คลายออก พายัพรู้สึกว่าตัวเขาเองกำลังเสียศูนย์ มีบางอย่างรุมเร้าอยู่ข้างในและทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
“เดี๋ยวผมจะให้แม่บ้านพาคุณไปที่ห้อง แล้วคืนนี้ตอนหนึ่งทุ่มผมจะให้แม่บ้านเตรียมอาหารไว้ที่ห้องอาหาร”
“โอเค”
จิณณ์ตอบสั้น ๆ ก่อนจะรีบผละจากร่างสูงใหญ่ เธอเดินตามแม่บ้านที่พายัพเรียกกลับเข้ามาข้างในไปยังห้องนอนที่กว้างขวางและได้รับการตกแต่งภายในเหมือนห้องเจ้าหญิงนั่นเลยทีเดียว