หญิงสาวพึ่งได้อาบน้ำก็ตอนหัวค่ำก่อนจะออกไปทานอาหารมื้อค่ำกับ นายจ้าง ของเธอไม่ถึงชั่วโมง เพราะก่อนหน้านั้นเธอนั่งครุ่นคิดอะไรหลายอย่าง เธอกำลังคิดถึงท่าทีของพายัพ
เขาเปลี่ยนไปมากจนเธอคิดว่าเขาอาจลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจระหว่างเธอกับเขาสมัยเรียนมหาวิทยาลัยไปแล้วจริง ๆ เธอยังจำได้สมัยเป็นนักศึกษา เวลาเธอเดินผ่านหน้าคณะของเขาพายัพก็จะคอยแซวเธอบ่อย ๆ และทำให้เธอขายหน้าต่อหน้าเพื่อน ๆ เสมอ
แต่วันนี้ที่เธอพบเขาพายัพเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาสุขุมไม่ได้โหวกเหวกและชอบพูดให้เธอได้อายอย่างเมื่อก่อน อะไรก็คงไม่ทำให้หญิงสาวรู้สึกหวั่นอยู่ลึก ๆ ได้เท่ากับเมื่อได้ใกล้ชิดผู้ชายคนนั้นเธอได้สัมผัสกับเสน่ห์บางอย่างที่มันแผ่ออกมาจากตัวเขา
“เป็นยังไงบ้างจีน...บรรยากาศที่นี่โอเคสำหรับคุณมั้ย”
พายัพถามจิณณ์เป็นคำถามแรกเมื่อหญิงสาวออกจากห้องของเธอและเข้าไปในห้องอาหารที่เปิดโล่งมองออกไปเห็นบรรยากาศของท้องทะเลจากบนเนินเขาในยามค่ำคืน แสงไฟจากเรือประมงเห็นอยู่ไกลลิบ บนท้องฟ้าก็ระยิบระยับไปด้วยแสงดาว มันช่วยเติมเต็มบรรยากาศอันแสนรื่นรมย์อย่างที่หญิงสาวไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“ก็โอเค”
จิณณ์พูดคำที่เธอชอบพูดจนติดปาก หญิงสาวในชุดกระโปรงเสื้อสายเดี่ยวอวดเนื้อขาวนวลบนไหล่บางกล่าวขณะนั่งบนเก้าอี้ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับชายหนุ่มบนโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยสำรับซึ่งแม่บ้านจัดไว้ให้
พายัพอยู่ในชุดลำลองสบาย ๆ ใบหน้าหล่อคมคร้ามใต้กรอบเรือนผมตัดสั้นสีน้ำตาลแกมทองแดงเข้มขับความงามสง่าให้เจ้าของร่างสูงใหญ่ ทำไมเธอถึงไม่เคยสังเกตเห็นว่าหนุ่มลูกครึ่งไทยฝรั่งเศสจะดูดีได้ขนาดนี้
“ผมให้แม่บ้านเตรียมอาหารทะเลไว้ให้คุณนะ คุณไม่แพ้อาหารทะเลใช่มั้ยจีน”
หญิงสาวส่ายหน้า “ฉันกินได้ทุกอย่าง”
แล้วเธอก็ลงมือทานอาหารที่เขาเตรียมไว้ให้และเป็นมื้อที่เธอรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก
“อ้าว...อิ่มแล้วเหรอจีน ทำไมกินน้อยจังเลย”
พายัพทักขึ้นเมื่อเห็นว่าจิณณ์กินข้าวไปพียงไม่กี่คำก็วางช้อนลงบนจานที่ไม่มีอาหารเหลืออยู่ในนั้น
“ปกติฉันไม่กินหนักตอนกลางคืนน่ะ...แต่อาหารอร่อยมากนะ เอ้อ...นายคงไม่ว่าอะไรฉันใช่มั้ย”
“ผมไม่ว่าอะไรคุณอยู่แล้ว จีน”
เขาทอดน้ำเสียงนุ่มนวลจนหญิงสาวรู้สึกผิดขึ้นมาลึก ๆ เพราะคิดว่าเธออาจตอบรับไมตรีของเขาน้อยไป และหลังจากทานอาหารมื้อค่ำพายัพก็ชวนเธอกลับไปที่ห้องนั่งเล่นของเขาซึ่งเป็นห้องโล่ง ๆ ที่มีเก้าอี้นั่งเล่นกับโทรทัศน์ติดผนัง
“คุณมาไกลแบบนี้แฟนว่าอะไรบ้างมั้ยจีน?”
พายัพเอ่ยถามเมื่อเขาหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้พร้อม ๆ กับหญิงสาว จิณณ์ซึ่งอยู่ในชุดกระโปรงเสื้อสายเดี่ยวอวดผิวขาวราวหยวกเลิกคิ้วสูงก่อนตอบ
“ฉันยังไม่มีแฟน”
“หืมม์?”
“นายคิดว่าฉันโกหกอย่างนั้นหรือ”
“เปล่า...แต่ไม่น่าเชื่อ ก็คุณสวยขนาดนี้ แถมสมัยเรียนยังเป็นดาวมหาลัย มันเป็นไปไม่ได้เลยรู้มั้ยที่คุณจะยัง...ไม่มีแฟน”
“ฉันยังไม่เจอคนที่ใช่นี่...แล้วนายล่ะพายัพ แฟนของนายอยู่ที่นี่หรือเปล่า เขาจะว่าอะไรมั้ยที่ฉันมาพักอยู่บ้านนายแบบนี้”
“ผมก็ยังไม่มีแฟน”
จิณณ์มีอาการกระตุกเล็กน้อย หญิงสาวบอกไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงได้รู้สึกอย่างนั้น พายัพยังไม่มีแฟน หน้าตาดีขนาดนี้แต่ยังเป็นโสด มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
“นายน่าจะมีแฟนแล้วนะ...นายโกหกฉันหรือเปล่า”
“ผมจะโกหกทำไม...สมัยเรียนคุณก็รู้ว่าผมน่ะ ชอบพูดเรื่อยเปื่อย ปากแบบนี้จะมีผู้หญิงที่ไหนมาชอบ”
“ผู้หญิงบางคนก็ชอบผู้ชายพูดมากนะ”
“แต่บางทีมันอาจจะน่าเบื่อสำหรับผู้หญิงบางคนก็ได้”
พายัพพูดแล้วจ้องหน้าคู่สนทนานิ่ง จิณณ์เริ่มรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาอีก มือไม้ของเธอก็ไม่รู้ว่าจะวางไว้ไหนดีเมื่อต้องมาอยู่ต่อหน้าเขาในบรรยากาศแบบนี้
บทที่ 4
“อืม...ช่างมันเถอะ ตอนนี้ผมอยากเรียนเต้นลีลาศขึ้นมาแล้วล่ะ”
“ตอนนี้เหรอ?”
จิณณ์เลิกคิ้ว และคำตอบที่ได้รับคือการลุกขึ้นยืนของร่างสูงใหญ่ พายัพเดินไปหยุดตรงกลางห้องซึ่งเป็นพื้นที่โล่งพอสำหรับการเต้นรำ
“มานี่สิจีน...ช่วยสอนสเต็ปให้ผมหน่อย”
หญิงสาวจำต้องลุกขึ้นและเดินไปหยุดตรงหน้าเขา เธอต้องอยู่ในท่าที่ใกล้ชิดกับเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งแรก จิณณ์รู้สึกเหมือนเลือดในกายของเธอแล่นพล่านและความตื่นเต้นกำลังพุ่งสูง
“ดนตรีล่ะ...นายจะเต้นทั้งที่ไม่มีดนตรีอีกอย่างนั้นหรือ?”
“คุณสอนผมได้หรือเปล่าล่ะ สเต็ปแบบไม่มีดนตรีน่ะ”
จิณณ์อยากจะทำหน้าเบื่อหน่ายใส่เขา แต่พอเงยขึ้นสบนัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายคู่นั้นกลับทำให้ความตั้งใจอ่อนยวบ นี่เธอกำลังเป็นอะไร เธอเคยเกลียดพายัพจะเป็นจะตายแต่กลับมือไม้สั่นเวลาอยู่ใกล้เขาขนาดนี้
“ก็...โอเค”
“ผมชอบคำพูดนี้ของคุณจัง”
“หรือจะให้ฉันพูดว่าตกลง”
“ฟังดูแปร่ง ๆ นะ”
“ถ้างั้นนายก็ต้องฟังฉัน ถ้าฉันบอกอะไรนายต้องทำตาม”
“ครับ...คุณครู”
เขาทำท่าย่นจมูกใส่หญิงสาว และนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอเห็นว่าท่าทางของเขาน่ารัก
ตายละ...น่ารักอย่างนั้นเหรอ จิณณ์คิดว่าเธอรู้สึกแบบนั้นไปได้ยังไง หญิงสาวทำท่าจะผละห่างแต่แล้วท่อนแขนกำยำของพายัพก็รัดตัวเธอเข้าหาเขา
“นี่นาย...ทำแขนให้หลวม ๆ หน่อยสิ เวลาเต้นลีลาศเขาไม่กอดกันกลมอย่างนี้หรอกนะ”
“แล้วถ้าราจะลองเปลี่ยนท่าทางดูบ้างล่ะ ผมว่าดีออกเวลาที่คู่เต้นกอดกันแนบชิด มันทำให้คนที่เห็นรู้สึกได้ถึงความเป็นทีมเวิร์ค”