The secret 4 : ไม่เคยเห็น

1551 คำ
​1 เดือนต่อมา ฉันนั่งขมวดคิ้วพลางมองหน้าผู้ชายตรงหน้าสองคนหนึ่งในนั้นก็มีพ่อของฉันนั่งอยู่ด้วย อ่า นี่ก็ผ่านมาตั้งเดือนหนึ่งที่ฉันจีบพี่ไวน์ แต่อาทิตย์นี้คงไม่ได้ไปตามจีบเพราะพี่เขาไปทำกิจกรรมรับน้องที่ต่างจังหวัด ฉันก็เลยต้องมานั่งทำหน้า งง อยู่ที่สำนักงานอัยการนี่ไงแหละ "โตเร็วนะเรา เรียนเป็นยังไงบ้าง" ฉันได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆให้นายตำรวจตรงหน้า  จะว่าไปก็คุ้นๆนะ "ก็มีปัญหาอยู่ค่ะ แต่หนูกำลังหาวิธีแก้ปัญหานี้อยู่" "แล้วหาที่ฝึกงานได้หรือยัง"  ฉันหันไปมองหน้าพ่อทันที "ยังเลยค่ะ" ฉันกำมือตัวเองแน่นบวกกับอาการหายใจติดขัด เมื่อจู่ๆก็ต้องมานั่งคุยกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก "แล้วหนูจำฉันได้หรือปล่าว เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เราเคยเจอกัน" ฉันชะงักทันที ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ฉันไม่เคยลืมเรื่องเลวร้ายในวันนั้นเลยสักครั้ง ฉันค่อยๆฉีกยิ้มเมื่อนึกออก "อ่า ท่านคือคุณลุงใจดีคนนั้นเหรอคะ" ท่านหัวเราะอย่างชอบใจเมื่อเห็นฉันยิ้ม "ที่แท้คุณลุง..เอ้ย คุณท่านก็เป็นตำรวจนี่เอง" "เรียกฉันเหมือนเดิมเถอะ เห็นว่าหนูยังไม่มีที่ฝึกงาน สนใจไปฝึกงานที่โรงพยาบาลตำรวจไหม" ฉันเบิกตากว้างทันที นั่นมันคือความฝันของฉันเลยนะ ที่ได้ไปฝึกงานในโรงพยาบาลตำรวจ "จริงเหรอคะ คุณลุงใจดีจังเลย" "พอเลยไอ้ตัวแสบ แล้วปัญหาของเราล่ะ" ฉันหุบยิ้มทันที ก่อนจะค่อยๆเผยยิ้มออกมา "ข้าวคิดว่าข้าวสามารถทำงานกับคนอื่นได้ วันนั้นข้าวยังกล้าจับมือรุ่นพี่ผู้ชายอยู่เลย " ฉันตกใจก่อนจะหยิบทิชชู่ยื่นให้คุณลุงใจดีคนนั้น "หนูนี่แปลกคนจริงๆ เป็นคนตรงไปตรงมา ถ้าลูกชายฉันได้เจอหนูเขาจะทำหน้าตาแบบไหนนะ " ฉันยิ้มตามคุณลุงใจดีพร้อมกับเกาหัวตัวเอง "คงคิดว่าแปลก" อาทิตย์ต่อมา ฉันพ้นลมออกจากปาก พลางมองตัวเองผ่านกระจก วันนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาลตำรวจเพื่อทำเรื่องขอฝึกงาน โดยมีเพื่อนของฉันอีกสองคนที่นางจะไปด้วยเพราะเราฝึกงานที่เดียวกัน "เอาก็เอาวะ แค่วันเดียว" ฉันเม้มปากแน่นเพื่อเรียกความพร้อมของตัวเองก่อนที่มือบางจะจับแว่นตาแล้วถอดมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเอามาใส่คืน "แล้วถ้าฉันถอดแว่น แล้วถ้าเจอคนรู้จักล่ะ ฉันต้องวุ่นวายแน่ๆ แต่คุณลุงบอกว่าให้ไปในลุคที่เคยเจอกันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว"  ฉันบ่นคนเดียวเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจถอดแว่นออกอีกครั้ง ตามด้วยวิกผมสั้น ผมยาวที่เคยรวบไว้ภายใต้วิกก็ตกลงมากลางหลัง ฉันยืนมองตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองข้างหลัง เพราะรู้สึกว่ามีคนมา "ยัยข้าว ใช่แกจริงเหรอเนี่ย"  ฉันมองเพื่อนทั้งสองที่ดูอึ้งเมื่อเห็นฉัน "ยัยฝ้ายยัยแตงแกอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันใจไม่ดีเลย มันน่าเกลียดขนาดนั้นเลยเหรอ" ตอนนี้ฉันจะร้องไห้แล้วนะ ไม่รอช้าฉันก็รีบหยิบแว่นขึ้นมาแต่ไม่ทันได้ใส่ เพราะมีมือของอีกคนแย่งไปก่อน "แกสวยมาก สวยกว่ายัยดาวคณะแพทย์พันล้านเปอร์เซ็นต์" "ใช่ๆ นี่ขนาดไม่ได้แต่งหน้านะ ผิวแกโคตรเนียน" ฉันเลิกคิ้วก่อนจะหันไปมองตัวเองผ่านกระจก "เอางี้ เดี๋ยวฉันแต่งหน้าให้เอง" ยัยฝ้ายเสนอทันทีก่อนที่จะจับฉันนั่งลงกับเก้าอี้ ผ่านไป 15 นาที ทั้หน้าทั้งตัวฉันก็เสร็จเรียบร้อย แต่ที่รู้สึกแปลกๆคือ ฉันไม่คุ้นเคยกับร่างกายฉันในตอนนี้เลย ฉันไม่มั่นใจ ฉันกลัว กลัวว่าเหตุการณ์เหมือนครั้งนั้นจะเกิดขึ้นอีก "ยัยข้าว แกอย่าทำหน้าเหมือนคนจะร้องไห้สิ แกสวยมากๆเลย เรื่องมันก็ตั้งนานแล้ว แกปล่อยวางมันเถอะ" "ฉันจะลองดูก็แล้วกัน" ฉันมองหมวกแก็ปสีดำที่ยัยแตงใส่ให้ฉันก่อนจะขมวดคิ้วสงสัย "ใส่ไว้ก็แล้วกันถ้าแกไม่มั่นใจ พอจบจากไปทำเรื่องฝึกงาน แกก็กลับมาเป็นลุกเดิมก็ได้" ฉันฉีกยิ้มให้แตงกวาทันที "รักกันเข้าไป" เสียงปุยฝ้ายขัดขึ้นก่อนจะเดินกอดอกออกจากห้องฉัน ณ ตลาดหลังมอ ฉันกับเพื่อนสองคนโดยมีฉันกับแตงกวาเพราะยัยฝ้ายบอกว่านางมีเดทกับหนุ่ม ฉันกับยัยแตงเดินเข้าไปในตลาดหลังจากทำเรื่องขอฝึกงานจบ โดยที่ฉันยังอยู่ในชุดนักศึกษาทรงเอสั้นๆเหมือนเดิมเพราะยังไม่ได้กลับหอ "แก ทำไมเขามองเราแปลกๆ" ฉันดึงแตงกวาให้หยุดเดิน "แกเล่นสวยซะขนาดนี้ ผู้ชายคนไหนไม่มองก็ถือว่าแปลกแล้วย่ะ" ฉันขยับหมวกปิดหน้าทันที ก่อนที่จะหันไปมองเห็นร้อนขายเครื่องประดับร้านหนึ่ง "แตงเข้าร้านนั้นกันเถอะ" ไม่รอช้าฉันดึงแตงกวาเข้าร้านทันที  ฉันมองไอเทมตรงหน้าคู่หนึ่งก่อนจะหยิบขึ้นมาดู "สร้อยคู่นั้นฉันไม่ขายหรอกนะ แต่ถ้าแม่หนูชอบ ฉันยกให้" ฉันเงยหน้ามองเจ้าของร้านก่อนจะตกใจพร้อมกับก้าวถอยหลังเล็กน้อย เธอแต่งตัวแนวโบฮีเมียนคล้ายๆคนดูดวงอะไรทำนองนั้น "ทำไมถึงให้หนูฟรีๆเหรอคะ" "ฉันเป็นคนดูดวง ไม่ได้มาขายของ" เอ้า ฉันนี่มันซื่อจริงๆ "สร้อยไอเทมคู่นั้นคือสร้อยแห่งชัยชนะมันจะอยู่กับแค่เจ้าของมันเท่านั้น ว่าแต่หนูซื้อให้แฟนเหรอ" ฉันพยักหน้าเบาๆ "แต่เขาไม่ใช่แฟนหนูหรอกค่ะ แต่หนูกำลังตามจีบอยู่ " พรุ่งนี้เป็นวันเกิดพี่ไวน์ ไม่รู้จะให้อะไร เอาเป็นว่าเป็นสร้อยข้อมือเส้นนี้ก็แล้วกัน ฉันควักเงินออกมาก่อนจะยื่นให้ผู้หญิงตรงหน้า "เงินนี้หนูไม่ได้ให้ค่าสร้อยหรอกค่ะ เพราะคุณน้าไม่ขาย แต่หนูอยากจะขอร่วมบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้าค่ะ" ฉันเอาเงินไปหยอดตู้บริจาคก่อนจะขอตัวไปหาซื้อของกิน วันนี้ฉันได้ของกินไปเต็มไม้ต็มมือเลยล่ะ "ยัยข้าวเขาเป็นไทยมุงอะไรอยู่ตรงนั้น" ฉันมองไปตามยัยแตงก่อนจะจูงมือมันเดินไปไกล้ "คุณป้า ตรงนั้นมีอะไรเหรอค่ะ" "เด็กจมน้ำนะหนู" ฉันฝากกับข้าวให้ยัยแตงถือก่อนจะวิ่งฝ่าวงล้อมไปหาเด็กผู้หญิงที่นอนไม่ได้สติ แต่ฉันกลับต้องชะงักเมื่อพบกับร่างสูงที่ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์กำลังช่วยชีวิตเด็กคนนั้นอยู่ "ข้าวเราต้องช่วยเขา" ฉันพยักหน้าให้ยัยแตงก่อนจะเดินไปคุกเข่าข้างๆร่างเด็กผู้หญิง ในระหว่างที่ผมกับไอ้ปลื้มเดินจะเข้าไปซื้อของในตลาดหลังมอ จู่ๆ ก็มีคนตะโกนขอความช่วยเหลือ พอพวกผมหันไปก็พบว่ามีเด็กกำลังจมน้ำ จนในตอนนี้ผมพยายามปั้มหัวใจแต่ด้วยผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ ไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมานั่งข้างๆซึ่งทำให้ผมได้มองหน้าเธอชัดยิ่งขึ้นเมื่อเธอถอดหมวกออก  เธอจัดอยู่ในผู้หญิงที่สวยมากๆเลยล่ะ สวยในขั้นที่สามารถสะกดสายตาจากผู้ชายทุกคนให้หันมองเธอคนเดียวได้ พอผมมองไปที่ชุดที่เธอใส่ ก็รู้ทันทีว่าเรียนที่เดียวกัน ทำไมผมไม่เคยเห็น "ขอโทษนะคะ ฉันเรียนแพทย์ คุณโทรเรียกรถพยาบาลแล้วหรือยัง" ผมมองคนข้างๆที่พยายามปั้มหัวใจเด็กที่จมน้ำก่อนจะมองไปหาไอ้ปลื้ม "ผมโทรเรียกแล้ว อีกไม่นานคงมาถึง"  ไอ้ปลื้มตอบก่อนจะดึงผมให้ถอยออกให้ห่างก่อนจะมีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาช่วยอีกคน แต่ว่าไปเท่าที่จำได้น้องชื่อแตงหวาเป็นเพื่อนของน้องเฉิ่มคนนั้นนี่ "แตงแกปั้มหัวใจ ฉันจะถ่ายปอดน้องเอง" ไม่นานเด็กที่จมน้ำก็รู้สึกตัว "น้องคะ ค่อยๆหายใจนะ ไม่ต้องกลัว น้องปลอดภัยแล้ว" ฉันกับแตงกวาถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเด็กถึงมือหมอ รถพยาบาลเคลื่อนตัวออกไป ฉันกับแตงกวาก็นั่งลงริมฟุตบาททันที "ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าจะได้นำวิชาที่ได้เรียนมาช่วยชีวิตคน"  ฉันได้แต่พยักหน้าให้แตงกวาก่อนจะคิดอะไรออก "ยัยแตง ฉันว่ารีบกลับกันเถอะ ก่อนที่พี่ไวน์จะเดินมาหาเรา" ฉันมองร่างสูงที่กำลังเดินมาทางพวกเรา "ไปดิ รอไร" ​
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม