ฉันที่กำลังถือเอกสารซองสีน้ำตาลเข้าไปในสถานีตำรวจ ทว่า ฉันต้องหยุดชะงักก่อนจะมองห้องทำงานพร้อมกับป้ายบอกว่า พล.ต.อ. วชิน ธรรมรงค์กูล
"เข้ามา" ฉันเปิดประตูเข้าไปในห้องเมื่อได้รับอนุญาต แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจอคุณลุงใจดีคนนั้น
"เอ้า หนูข้าวนี่เอง"
"สวัสดีค่ะ คุณลุงทำงานที่นี่เหรอคะ"
"ใช่ หนูเป็นคนเอาผลชันสูตรมาให้นี่เอง เห็นทางโรงพยาบาลบอกว่าจะให้เด็กเอามาให้" ฉันยื่นซองสีน้ำตาลให้คุณลุงใจดีทันที
"มีอะไรหรือเปล่า" คุณลุงเอ่ยถามขึ้นเมื่อฉันนั่งไม่ยอมขยับไปไหน
"คือ คดีเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มันไม่ใช่การลอบวางเพลิง คนพวกนั้นไม่ได้ตายเพราะไฟครอบค่ะ" ฉันเม้มปากแน่นเพราะไม่รู้จะพูดดีไหม พูดแล้วท่านจะเชื่อไหม เพราะมันไม่มีหลักฐาน "มีอะไรจะบอกลุง หรือหนูกลัว"
"คืนนั้นมันเป็นการฆาตกรรมค่ะ ผู้ชายคนนั้นใช้มีดกรีดแขนของเหยื่ออย่างสนุกสนานก่อนจะใช้เชือกรัดคอเหยื่อ จนเหยื่อขาดอากาศหายใจ เขาโยนเหยื่อร่างทิ้งไปในกองเพลิงเพื่อทำลายหลักฐาน แววตาของผู้ชายคนนั้นมันมันน่ากลัว เขาฆ่าคนอย่างเลือดเย็น"
"หนูใจเย็นๆนะ แต่หลักฐานในที่เกิดเหตุ มันไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเป็นการฆาตกรรมเลยนะ"
"ใช่ค่ะ ถึงหนูพูดออกไปก็ไม่มีใครเชื่อ แต่การตายของเหยื่อในตอนนั้นมันคล้ายกันกับผู้หญิงคนนี้มากเลยนะคะ"
"คุณลุงเชื่อหนูเถอะนะ มันไม่ใช่ภาพหลอน ผู้ชายคนนั้นเขากลับมาแล้ว" ตาฉันร้อนผ่าวเพราะมันรู้สึกอึดอัดผสมไปกับความกลัว
"ลุงเชื่อหนู และหนูต้องระวังตัวในมากๆนะ เห็นพ่อของหนูบอกว่าอาการดีขึ้นแล้ว ยังไงก็อย่าคิดมากจนอาการกลับมาทรุดอีกล่ะ" ฉันเม้มปากก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
"คุณลุงค่ะ หนูอยากช่วยตามหาคนร้ายตัวจริง" ท่านขมวดคิ้วอย่างสงสัย
"มันอันตรายเกินไป ลุงคงไม่ให้หนูเดินหลงไปในที่แบบนั้นอีกแล้ว"
"แต่คุณลุงคะ ผู้ชายที่จับเขาไปรับโทษเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เขาไม่ใช่คนร้ายตัวจริงค่ะ"
"จะเป็นไปได้ยังไง ทั้งที่คนร้ายก็ยอมรับความผิด"
"หนูก็ไม่ทราบค่ะ แต่หนูมันใจว่ามีอะไรมากกว่านั้นระหว่างผู้ชายคนนั้นกับคนร้ายตัวจริง"
"งั้นก็ได้ ลุงจะให้หนูหาตัวคนร้ายตัวจริง ถ้าหากว่าหนูมั่นใจว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนร้ายตัวจริง" ฉันยิ้มออกทันที
"ขอบคุณค่ะที่เชื่อหนู"
"แต่ก็ต้องระวังตัวนะ"
"ค่ะ"
ณ สุสานเก่าแห่งหนึ่ง ฉันวางดอกไม้ก่อนจะเม้มปากแน่นพร้อมกับยื่นมือแตะรูปพี่ปลายฝน "พี่ฝน สบายดีไหมคะ เหงาหรือเปล่า" น้ำตาที่ค่อยๆไหลออกมาก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ด
"ข้าวกลัวมากเลย พี่รู้หรือเปล่าผู้ชายคนนั้นพ้นโทษแล้วนะ "
"แต่เรื่องดีๆก็ยังมีนะ ข้าวเรียนเป็นแพทย์ตามความฝันของพี่ฝนแล้วนะ จริงๆมันก็ไม่ได้แย่อะไร ถึงตอนนั้นข้าวอยากเป็นดาราก็เถอะ" ฉันยกยิ้มโดยมีน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุด
"แต่ข้าวคิดถึงพี่ฝนมากเลย ข้าวอยากให้เรื่องนั้นมันเป็นแค่ฝันมากๆเลย"
เสียงลมที่พัดผ่านไป เด็กผู้หญิงสองคนที่เป็นพี่น้องกันกำลังวิ่งเล่นในสวนสนุกอย่างสนุกสนานร้อยยิ้มของมารดาและบิดามันบงบอกถึงความสุข
"หนูข้าวโตไปจะเป็นดารา หนูข้าวอยากสวยเหมือนพี่สาวคนนั้น" เด็กน้อยหน้าตาหวานตากลมโตที่ชี้ไปทางป้ายโฆษณาใหญ่ยักษ์ป้ายหนึ่งซึ่งมีรูปดาราชื่อดังอยู่
"หืม จริงเหรอ แบบนี้ป๊าคงต้องเหนื่อยหน่อย เพราะผู้ชายคงจะแวะมาขายขนมจีบให้ลูกสาวคนสวยของป๊าเยอะแน่ๆ"
"แล้วฝนล่ะอยากเป็นอะไร" ผู้เป็นแม่เอ่ยถามลูกสาวคนโตขึ้น
"ฝนอยากเป็นแพทย์ที่ผ่าผู้ชายคนนั้นค่ะ" พี่สาวอยางปลายฝนชี้ไปที่บ้านผีสิงก่อนจะเห็นผู้ชายที่กำลังสมมุติการชันสูตรศพอยู่
"พี่ฝนหนูข้าวอยากเข้าไปในนั้น"
"ข้าวไม่กลัวเหรอ" เด็กน้อยส่ายหน้าอย่างมั่นใจ
"งั้นไปกันเถอะเดี๋ยวป๊ากับม๊าพาเข้าไป"
ทว่า กรี๊ด ตู้ม เสียงที่ดังจากข้างนอกก่อนที่ผู้คนจะวิ่งออกจากบ้านผีสิง "พี่พลข้างนอกเกิดอะไรขึ้น" ผู้เป็นภรรยาเอ่ยถามสามีอย่างหวาดกลัวโดยมือยังจับลูกสาวทั้งสองแน่น
"ไฟไหม้ เราต้องออกไปจากที่นี่ ข้าวฝนอย่าปล่อยมือจากม๊านะ" ผู้เป็นพ่อสั่งลูกสาวที่กำลังตื่นตระหนกก่อนจะนำลูกสาวหาทางออก
ผู้คนจำนวนวมากต่างวิ่งเพื่อหาทางออก "ข้าว ฝน หนูอยู่ไหน" จู่ๆ ลูกสาวทั้งสองก็ถูกชนให้ออกจากพ่อแม่ ทำให้เด็กน้อยพลัดหลงกับพ่อแม่
"พี่ฝน ม๊ากับป๊าอยู่ไหน" ข้าวฟ้าเอ่ยถามพี่สาวด้วยความกลัว
"พี่ก็ไม่รู้ ข้าวไม่ต้องกลัวนะ พี่จะไม่ให้ใครทำอะไรข้าวแน่" ปลายฝนกอดน้องสาว ก่อนที่จะได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น
เด็กน้องสองคนต่างพากันวิ่งเพื่อหาที่ซ่อน "อย่าทำอะไรหนูเลย ปล่อยหนูไปเถอะ" เด็กผู้หญิงหน้าตาดีคนหนึ่งที่กำลังยกมือไหว้ขอชีวิตผู้ชายตรงหน้า ข้าวฟ้ากับปลายฝนไม่แม้จะมองเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นเพราะมันค่อนข้างมืด ผู้ชายคนนั้นย่อตัวก่อนจะจับคางเด็กสาวคนนั้น
"สาวยน้อยรู้หรือเปล่าว่าฉันชอบมากเลย หน้าตาสวยๆ ผิวขาวๆ ถ้าเจอมีดสวยๆกรีดลงบนแขนจะสวยขนาดไหนนะ"
" หนูกลัวแล้ว" ผู้ชายนั้นจับเด็กสาวให้ยืนขึ้นก่อนจะจับแขนพร้อมกับใช้มีดกรีดลงบนแขนอย่างสนุกสนาน
"อึก" ข้าวฟ้าใช้มือปิดปากตัวเองพร้อมกับตัวที่สั่นเทา โดยมีพี่สาวกอดไว้แน่น เหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ทั้งสองคนกลัว เมื่อผู้ชายคนนั้นใช้เชือกรัดคอเด็กสาว
"สวย สวยมาก ฉันชอบผู้หญิงสวย " เสียงพูดผสมกับเสียงเดาะลิ้น ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะนำร่างที่สิ้นลมหายใจโยนทิ้งเข้ากองเพลิง
เสียงที่กำลังเดินเข้ามาหาเด็กน้อยสองพี่น้องใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในนี้ทั้งมืดและน่ากลัวเสียงคนพวกนั้นร้องเพื่อขอชีวิตเพื่อหวังไม่ให้ถูกฆ่าดังขึ้น จนทำให้ข้าวฟ้ายกมือปิดหูตัวเอง
"พี่ฝน ข้าวกลัว" ข้าวฟ้าที่พยายามถอยออกจากตรงนั้นจนทำให้เท้าไปโดนเหล็กจนทำให้เกิดเสียงดัง
"จุจุ ในนี้มีลูกแมวเหรอเนี่ย ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวฉันจะพาออกไปเอง "
พรึบ!! หมับ!! กรี๊ด ปลายฝนที่ผลักน้องสาวออกก่อนที่ตัวเธอจะถูกโรคจิตคนนั้นจับตัว "พี่ฝน"
"จุจุ พี่สาวเหรอ สวยจริงๆ ไม่แพ้กันเลยนะ"
"อย่าทำอะไรพี่สาวหนูเลยนะ " ข้าวฟ้ายกมือไหว้อ้อนวอนให้ปล่อยพี่สาว
"ได้ แต่ฉันขอสำรวจร่างกายหนูดีไหมนะ แต่ก่อนจะถึงหนู ขอเป็นพี่สาวหนูก่อนดีกว่า" จมูกที่กำลังสูดดมที่คอของปลายฝน ทำให้เด็กน้อยทั้งสองเกิดความกลัว
"หอม ตัวหนูจะหอมเหมือนพี่สาวไหมนะ" พรึบ!! ร่างปลายฝนถูกปล่อยเป็นอิสระก่อนที่โรคจิตจะเดินมาหาข้าวฟ้า
"ฮือ ปล่อยหนูไปเถอะ" เด็กน้อยน้ำตาคลอเบ้า เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัว
"ฉันว่าโตไปหนูคงจะสวยมากเลย มามะ มาให้ฉันสำรวจร่างกายดีๆ"
"โอ้ย นางเด็กบ้า" ปลายฝนใช้เหล็กตีเข้าไปที่ศีรษะโรคจิตก่อนจะจับมือข้าวฟ้าวิ่ง
" พี่ฝน ข้าวอยากไปหาม๊ากับป๊า ฮือ"
เปะ!! ฝนที่ตกลงมาทำให้ฉันหลุดจากภวังค์ ก่อนจะรีบวิ่งไปหลบฝนในรถ
แต่ดันสตาร์ทรถไม่ติดซะงั้น " จะมาเสียอะไรตอนนี้เนี่ย" ฉันมองบรรยากาศข้างนอกซึ่งฝนตกหนักพอสมควร มันค่อนข้างมองถนนไม่ชัด ฉันมองโทรศัพท์ก็พบว่าแบตหมด " เฮ้อ ทำไมซวยแบบนี้เนี่ย แล้วจะเริ่มค่ำแล้วด้วย"
ทว่า กลับสะดุ้งทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนเคาะกระจกรถ แถวนี่ไม่มีคนเพราะมันเป็นสุสาน แถมมืดและฝนตกแบบนี้ไม่น่าจะมีคน แล้วเสียงเคาะกระจกนี่ล่ะ