เสียงเคาะรถดังขึ้นไม่มีท่าทีจะหยุด ฉันเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าตัวเองเธอเป็นอาวุธป้องกันตัว เนื่องจากกระจกรถเต็มไปด้วยหยดน้ำฝน มันทำให้ฉันมองไม่เห็นบุคคลที่อยู่นอกรถ แต่เงาดำๆที่อยู่ที่ประตูรถฝั่งคนนั่งก็เคลื่อนมาอยู่ฝั่นคนขับแทน
ตอนนี้ฉันสั่นไปทั้งตัว และเสียงเคาะกระจกรถก็ดังขึ้นอีกรอบแต่เปลี่ยนมาตรงฝั่งคนขับตรงที่ฉันนั่ง ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ถ้าฉันเปิดแล้วเจอคนไม่ดีล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น แต่ความคิดต่างๆฉันก็หยุดลงมือเห็นข้อมือของบุคคลนั้นทาบกับกระจกรถซึ่งมันทำให้ฉันเห็นสร้อยที่ฉันเคยให้กับพี่ไวน์
ฉันตัดสินใจปลดล็อคประตูรถพร้อมกับมือที่ถือกระเป๋าเอาไว้แน่นเพื่อเตรียมโยนถ้าหากว่าคนข้างนอกคิดจะทำร้าย อย่างน้อยก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันหนีได้ และในขณะนั้นประตูก็ได้เปิดขึ้นจากคนภายนอก
พรึบ!! หมับ!! แต่แผนการทุกอย่างที่ฉันเตรียมไว้ก็ได้หยุดลงมือร่างของคนนั้นดึงฉันเข้าไปกอด ตัวฉันแข็งทื่อ หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะความรู้สึกทั้งกลัวและไม่กลัวมันตีกันไปหมด
"พี่ไวน์" ฉันเบิกตากว้างเมื่อฉันผลักร่างสูงออก
"ทำไมออกมาคนเดียว" ตอนนี้คำถามมันตีกันไปหมด พี่ไวน์มาที่นี่ได้ไง แล้วทำไมถึงรู้ว่าฉันอยู่นี่ แล้วไอ้ท่าทางหงุดหงิดนี่มันคืออะไร
"หนู.." ยังไม่ทันได้ตอบข้อมือฉันก็ถูกดึงให้เดินตามก่อนจะไปหยุดที่รถปอร์เช่สีดำ พี่ไวน์ผลักฉันให้เข้าไปข้างในก่อนจะปิดประตูเสียงปัง ซึ่งมันทำให้ฉันสะดุ้งตกใจ ฉันคงไม่ถูกฆ่าหมกสุสานใช่ไหม
"เอ่อ พี่ไวน์มาที่นี่ได้ยังไงคะ" เสื้อผ้าที่เปียกของคนข้างๆ ทำให้ฉันรู้สึกผิดไม่น้อย
"รถเสียใช่ไหม ทำไมไม่โทรบอกให้เพื่อนมารับ" แต่เจ้าตัวกลับไม่ตอบคำถามฉัน
"มือถือแบตหมดค่ะ" ฉันฉีกยิ้มแห้งๆ
"อืม เดี๋ยวฝนหยุดตกจะให้ลูกน้องมาดูรถให้" ฉันสะดุ้งเมื่อมีเสื้อกันหนาวราคาแพงถูกใช้คลุมหัวฉัน ก่อนที่รถจะเคลื่อนไปที่ไหนสักที่ โดยยังทิ้งความสงสัยให้ฉันมากมาย
ไม่นานรถก็จอด ก่อนที่พี่ไวน์จะเดินลงจากรถ ฉันมองรอบๆก็พบว่ามันคือสนามแข่งรถ "เฮีย ไปทำอะไรมาทำไมตัวเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำเลย" ผู้ชายร่างสูงหน้าตาดีคนหนึ่งเอ่ยขึ้น โดยที่มือยังทำอะไรกับรถสักอย่าง
"พูดมาก ไอ้ติณกับไอ้ปลื้มมันอยู่ไหน"
"เฮียติณอยู่กับแฟน ส่วนเฮียปลื้มยังมาไม่ถึงสงสัยติดฝนมั้ง" ผู้ชายคนนั้นยืนขึ้นก่อนจะมองมาที่ฉัน โดยความไม่รู้จะทำยังไง ฉันก็เลยส่งยิ้มให้ก่อนจะได้รับร้อยยิ้มตอบกลับมา
"เมียเฮียไวน์เหรอครับ" แต่ประโยคที่หลุดออกมาทำให้ฉันช็อคชั่วขณะ
"ไม่.." ไม่ทันได้ตอบปฎิเสธก็ถูกเสียงทุ้มเรียกให้เดินตามทันที
"ตามมานี่"
ฉันเดินเข้ามาในห้องหนึ่งก่อนที่เจ้าของห้องจะหายไปข้างใน แต่ที่ทำให้ฉันตกใจมากกว่านั้น ร่างกายที่เปลือยท่อนบนของพี่ไวน์ทำให้ฉันหันหลังหนีทันที
"ไปเปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวก็ไม่สบาย" เสื้อผ้าที่ถูกยัดใส่มือฉันโดยที่ฉันเพียงพยักหน้าเบาๆก่อนจะเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ
พอฉันเดินออกมาก็ไม่พบเจ้าของห้องแล้ว ส่วนข้างนอกฝนก็ตกไม่หยุด ฉันเดินไปเรื่อยๆก่อนจะเห็นผู้ชายคนที่ทักทายฉันเมื่อสักครู่กำลังอยู่ใต้ท้องรถ
"เฮียเหรอ หยิบประแจเบอร์ 10 ให้หน่อยดิ" ฉันหันมองซ้ายมองขวาก็ไม่พบคนที่เขากำลังเรียกหา ฉันเดินไปนั่งข้างๆก่อนจะหาไอ้สิ่งที่เรียกว่าประแจยื่นให้เขา
"ขอบคุณมากเฮีย" พอฉันลุกยืนขึ้นได้ไม่นานก็ถูกบ่นด้วยเสียงหงุดหงิด
"โถ่ อันนี้ไม่ใช่ประแจ อะไรของเฮียเนี่ย" ร่างสูงที่กำลังนำตัวเองออกมาจากท้องรถ ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นฉัน
"เอ่อ...คือพี่ไวน์ไม่อยู่ ข้าวก็เลยหยิบให้"
"เอ้า เมียเฮียไวน์นี่เอง ขอโทษทีผมนึกว่าเฮีย" และฉันก็สงสัยมากๆเลย ทำไมทุกคนต้องเรียกฉันว่าเมียพี่ไวน์ด้วย ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรสักหน่อย
"เอ่อ ผมชื่อพีเป็นผู้ช่วยที่ดูแลอู่ซ่อมรถ และก็ช่วยเฮียดูแลสนามแข่งรถ" ฉันส่งยิ้มพร้ออมกับพยักหน้าเบาๆ
"อ๋อ ฉันชื่อข้าว และก็ไม่ได้เป็นเมียพี่ไวน์ นายเข้าใจผิดแล้วแหละ" สีหน้าของพีที่กำลังแสดงถึงความมึนงง ก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มแปลกๆส่งมาให้
"คุยอะไรกัน มึงก็ด้วยไอ้พี ว่างมากหรือไง"
"โถ่เฮีย แค่นี้ก็ต้องหึง"
"แล้วแว่นหายไปไหน" ฉันเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้ใส่แว่นตอนไปหาพี่ปลายฝน แต่โชคดีที่ยังใส่วิกผมสั้นอยู่
"เอ่อ...ลืมไว้ที่รถค่ะ ว่าแต่พี่ไวน์รู้ได้ยังไงว่าหนูอยู่ที่สุสาน" คนที่ถูกถามนิ่งทันที ก่อนจะเดินนำฉันเข้าไปในห้องทำงาน
"มีอะไรจะสารภาพหรือเปล่า"
"คะ"
"ที่ตามจีบพี่ เพราะท่านอธิการบดีใช่ไหม" ตัวฉันแข็งทื่อเหมือนกำลังจะถูกเชือด
"ค่ะ แต่มันก็ไม่ใช่ทั้งหมด" ไหนๆก็มาถึงจุดนี้แแล้ว สักวันพี่เขาก็คงรู้ และตอนนี้ถ้าพี่ไวน์จะโกรธฉันจะเกลียดฉัน ฉันก็ยอม
"ท่านอยากให้พี่ไวน์ไปช่วยงานที่บริษัท แต่นั่นแค่ส่วนหนึ่ง หนูทำไปก็เพราะหนูเป็นโรค Androphobia ค่ะ" ฉันมองหน้าคมที่มีสีหน้านิ่งงันไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา ฉันรู้ว่าฉันมันเห็นแก่ตัว ที่เข้าไปเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง
"รู้หรือเปล่าว่าผมไม่ชอบคนโกหก" ฉันเงยหน้ามองพี่ไวน์ทันทีเมื่อสรรพนามที่เขาใช้แทนตัวเองเปลี่ยนไป
"รู้ค่ะ หนูขอโทษ" ทว่า ภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบทันที
ผมยื่นมองร่างบางที่ยืนทำหน้าสำนึกผิด ภายใจในมันหงุดหงิดไปหมด แต่ผมก็ตกใจเหมือนกันที่น้องบอกว่าน้องกลัวเพศตรงข้าม น้องเข้าหาผมเพราะต้องการรักษาโรคที่กำลังเป็นอยู่ แต่ทำไมน้องไม่บอกผม มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย แล้วถ้าวันหนึ่งผมหน้ามืดทำอะไรน้องขึ้นมาล่ะ แล้ววันนี้ถ้าผมไม่บังเอิญเจอน้องที่สถานีตำรวจ ถ้าผมไม่แอบตามมามันจะเกิดอะไรขึ้น ทำไมน้องต้องทำให้ผมหงุดหงิดด้วยวะ ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมโกรธมากเลย จริงๆผมรู้ตั้งนานแล้วแหละ เพราะลุงเฉินถามหาน้อง แรกๆผมก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมท่านอธิการบดีถึงรู้จักน้อง
"แล้วที่น้องแต่งตัวให้ไม่เป็นจุดเด่น เพราะเหตุผลที่ว่ากลัวเพศตรงข้ามใช่ไหม" น้องพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะส่ายหน้าตามหลัง ซึ่งทำให้ผมสับสนไปหมด
"ฮึก คือหนู...." จู่ๆ น้ำใสที่ค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาสวย แต่ผมไม่แม้จะกล้าขยับไปหาน้อง เพราะกลัวน้องจะกลัว
"ถ้าไม่พร้อมที่จะบอกเหตุผลก็ไม่เป็นไร" พูดจบผมก็เตรียมที่จะเดินออก แต่เสียหวานกลับทำให้ผมหยุดชะงัก
"พี่ไวน์คะ" ผมหยุดเดินโดยกำลังหันหลังให้น้อง
"พี่ช่วยหันมาได้ไหม หนูรู้สึกไม่ดีเลยที่พี่หันหลังให้หนู"
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง "พี่ไวน์คะ ช่วยหันมาหน่อยนะ ต่อจากนี้หนูจะไม่มารบกวนพี่อีกแล้ว" จู่ๆ ผมก็รู้สึกใจหล่นวูบเมื่อได้ยินประโยคนั้น
เสียงบางอย่างที่ล่นกระทบกับพื้น ทำให้ผมรีบหันไปทันที แต่ภาพตรงหน้าทำให้ผมนิ่งทันที ร่างบางที่ไม่มีแว่นตาหนาเนอะอยู่บนหน้าผมยาวสลวยที่ยาวอยู่ประมานเอว ผมมองสิ่งที่อยู่กับพื้นก็พบว่ามันคือวิกผมสั้นที่น้องใส่ ผมไม่คิดว่าน้องจะเป็นคนเดียวกันกับผู้หญิงที่ช่วยเด็กจมน้ำในวันนั้น จู่ๆ ความรู้สึกแปลกใหม่ก็เริ่มก็ตัวขึ้นมา ผมรู้สึกว่าผมไม่คู่ควรกับน้องด้วยซ้ำ น้องดูใสซื่อเกินไป น้องไม่ควรเข้ามายุ่งกับผู้ชายแบบผมด้วยซ้ำ
"ฝนหยุดตกแล้ว ผมจะให้ลูกน้องไปส่ง ส่วนรถลูกน้องจะติดต่อไปทีหลัง" พูดจบผมก็เดินออกจากห้องทันที
"พี่ไวน์"