รถคันหนึ่งหยุดที่หน้าคอนโดหรูในช่วงเที่ยงของวัน ไม่นานร่างบางก็ลงมาจากรถโดยมีเจ้าของรถช่วยเปิดประตูให้ ยังไม่ทันได้เอ่ยขอบคุณพี่ขุนก็ขึ้นรถขับออกไปแล้วด้วยความเร่งรีบ ทั้งตลอดทางก็แทบไม่คุยกับเขาเลยแม้แต่คำเดียว
ทิ้งให้ดาราหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวบางและกางเกงหนังสีดำยืนจิกมือเข้ากับกระเป๋าอยู่แบบนั้น นี่ไม่ใช่ชุดที่ควรได้ใส่เพียงครึ่งวัน จริงๆ วันนี้เขากับพี่คริสควรจะได้ไปเที่ยวพักผ่อนกันเสียด้วยซ้ำ ทั้งเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรแบบนี้ให้เหนื่อยเลยถ้าอีกฝ่ายไม่คุยกับอดีตคู่นอนคนนั้น
สายตาสดใสอยู่ตลอดเวลาแปรเปลี่ยนเป็นสายตาแข็งกร้าวเพราะความหงุดหงิด ใบหน้าที่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำตาถูกมือปาดออกอย่างไม่ใส่ใจหันหลังเดินขึ้นคอนโดไป
ยังดีที่วันนี้ไม่มีงาน ผู้จัดการส่วนตัวจึงให้เขาพักผ่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็เป็นปัญหาตามมาอีกเพราะเอวาเป็นคนที่ทำงานไม่ได้เลยถ้ามีเรื่องรบกวนหรือทำให้หงุดหงิดใจ ระหว่างอยู่ในลิฟต์มือถือเครื่องสวยก็ถูกยกขึ้นมาเปิดดูพลางๆ
รอยยิ้มค่อยๆ วาดขึ้นเมื่อเห็นแท็กทวิตเตอร์ติดอันดับต้นๆ ทั้งชื่อแท็กว่า ขุนเขาเอวา นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ พี่ขุนจะโกรธเขาแล้วยังไงต่อ ขอแค่พี่คริสได้รู้สึกเหมือนเขาบ้างเวลาที่คนรักอยู่กับคนอื่นมันเจ็บปวดขนาดไหน
ข้อความพรรณนายกยอเอวาว่าเขาคู่ควรกับทั้งสองคนจนต้องแย่งกันทำคะแนนยิ่งทำให้แผ่นอกและช่วงไหล่ยืดขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อถูกชม ข้อดีของการเป็นดาราและทำตัวน่ารักกับทุกคนก็แบบนี้
//ติ้ง//
“หน้าระรื่นเชียว” เจ้าของห้องหันมองตามเสียงทันทีที่ปิดประตู คริสเตียนนั่งรออยู่ที่โซฟากลางห้องด้วยท่าทีสบาย ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนกำลังสนุกก็ไม่ใช่ โกรธก็ไม่ใช่ เหมือนถูกใจบางสิ่งบางอย่างมากกว่า ท่อนแขนแกร่งพาดอยู่บนพนักโซฟาทั้งกวักมือให้เขาเดินเข้าไปหา
ผู้บุกรุกมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างชอบใจ เรื่องที่เอวาเจอเขากับอดีตคู่นอนเมื่อเช้านับว่าจริง แต่ไม่มีอะไรเกินเลยทั้งนั้น ต่อให้จะเป็นอดีตคู่นอน อดีตคนรักหรือใครก็แล้วแต่ แต่ตอนนี้เราสองคนคือคู่ค้าที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทว่ายังไม่ทันได้พูดคุยกันให้เข้าใจคนของเขาก็โทรมาบอกว่าเอวานัดเจอกับขุนเขาในช่วงสาย ไม่คิดเลยว่านี่คือการกระทำของดาราดังที่ใช้สมองไต่ขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดของวงการในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีผ่านรายการวาไรตี้ที่มีระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน
ชุดสูทที่เขาสวมใส่อยู่บ่งบอกได้ดีว่าคริสเตียนเองก็ทิ้งงานมาที่นี่หลังจากที่ลูกน้องโทรมารายงาน เขาช่วยเหลือเจ้าตัวมาตลอดทั้งในที่ลับและเปิดเผย รายการวาไรตี้ให้ดารามาอยู่ด้วยกันทำกิจกรรมและมีการถ่ายทอดสดก็ล้วนเป็นเงินเขาส่วนหนึ่งทำให้รายการไม่ล่มไปก่อน
เรื่องราวอื้อฉาวของดาราอีกคนก็เป็นฝีมือเขาที่เอวาขอให้ช่วยขุดคุ้ยและเปิดโปง ปกป้องอีกฝ่ายจากข่าวลือแย่ๆ รวมถึงการฟ้องร้องที่กินเวลาไปกว่าหกเดือน
แม้จะรู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่คนดีเท่าไหร่แล้วอย่างไร เมื่อเขามีแฟนคริสเตียนไม่เคยมีความคิดจะเข้าหาคนอื่นหรือนอกใจเอวาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เอวากลับเข้าหาคนอื่นทั้งที่เรายังไม่คุยกันให้เข้าใจด้วยซ้ำ
แต่ถึงสิ่งที่เอวาทำจะไร้สาระยังไง ได้เห็นหน้าไอ้ขุนเขามันหงุดหงิดแล้วก็ไม่ได้แย่ไปทุกอย่างขนาดนั้น อย่าลืมว่าเราสองคนเป็นคู่แข่งกันทั้งทางความรักและด้านธุรกิจ พอคิดถึงเรื่องนี้ใบหน้าคมคายก็เคร่งขรึมขึ้นมาจนเอวาที่มองอยู่ตลอดเห็นเข้า ปากเล็กยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยพึงพอใจกับผลงานตัวเอง
“ทำไมครับ ทีพี่ยังอยู่กับคนอื่นเลย”
“อ๋อ ประชดพี่” สายตาคมกริบฉายแววขบขันพาดผ่านไปครู่หนึ่งกับความเด็กของดาราหนุ่มตรงหน้า เราสองคนตกลงคบหาดูใจกันได้สามเดือนแล้วแต่เป็นช่วงที่เอวาเองก็ยุ่ง เขาเองก็ยุ่งจึงแทบไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเลย ไม่คิดว่าแฟนเด็กของเขาจะทำอะไรแบบนี้ลงได้ ร่างสูงเปลี่ยนท่านั่งบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกสบายใจมากกว่าเมื่อครู่นี้
เอวามองผู้ชายที่รู้จักมานานทั้งยังมอบความรักให้อีกฝ่ายไปแล้วด้วยความหงุดหงิดที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับสิ่งที่เขาทำ วันนี้เป็นวันพักผ่อนที่ได้รับมาเพียงวันเดียว พรุ่งนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนเขาต้องไปถ่ายละครแล้ว กลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทั้งคนตรงหน้ายังดูไม่สำนึกกับความผิดของตัวเองเลยด้วยซ้ำ
“อย่าไปหามันอีก”
“ทำไมครับ”
“เอวา” คราวนี้คริสเตียนอารมณ์ครุกกรุ่นขึ้นมาจริงๆ เพราะถูกยั่วโมโห ดึงเอวาเข้ามาใกล้มากขึ้น มือหนาบีบเอวคอดอย่างแรงจนเอวารู้สึกเจ็บ อีกฝ่ายอาจจะไม่รู้ว่าระหว่างสงครามไร้สาระของเราทั้งสามคนนั้นมีเรื่องธุรกิจมาเกี่ยวโยง หากเอวาไปหามันบ่อยๆ ทั้งที่คบกับเขาแน่นอนว่าหุ้นส่วนในบริษัทจะต้องตั้งคำถามหาเรื่องโจมตีเขาอย่างแน่นอน
“อย่ายั่วโมโหพี่”
“ถ้าพี่ยังไปหามัน วาก็จะทำอีก” เอวากล่าวอย่างไม่ยอม
“พี่กับอิงเราคุยกันเรื่องงานเท่านั้น เราไม่คุยกันไม่ได้เพราะพี่ต้องทำงาน” ร่างสูงพยายามถอยให้คนรักหนึ่งก้าว แต่ดูเหมือนสำหรับเอวามันจะยังไม่มากพอ
“วาไม่เชื่อ ไม่รู้ล่ะ ถ้าพี่ยังไปกับเขาอยู่วาก็จะโทรนัดพี่ขุนมาเจออีก”
คริสเตียนกำมือแน่นเพื่อสงบสติอารมณ์ ไม่บ่อยครั้งที่เราสองคนจะทะเลาะกันเช่นนี้เพราะต่างคนต่างยุ่ง แต่ช่วงนี้เอวาไม่ค่อยมีงานเพราะต้องการเวลาพักผ่อนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน พูดง่ายๆ คือเขาแทบไม่ได้ใช้เวลาอื่นกับอีกฝ่ายยกเว้นเวลาบนเตียงหรือเจอกันที่งาน
ผิดหวัง
ไม่รู้สิ
เขาอาจกำลังโมโหไอ้ขุนที่เข้ามายุ่งกับคนรักเขา
แววตาแข็งกร้าวมีความสับสนในใจ ก่อนร่างสูงจะเลือกหยิบมือถือแล้วเดินออกมาจากห้องไม่สนใจเสียงเรียกของคนรักเลย คริสเตียนกำลังโมโหจนลูกน้องรับรู้และไม่พูดอะไร ปกติเวลานายอยู่กับคุณเอวาแทบไม่เคยโมโหเลย
คุณเอวาคือผู้ชายคนเดียวที่ไม่เคยเห็นอีกด้านของเจ้านายเขา นายน้อยที่อารมณ์ร้ายและไม่ได้ใจดี หลายครั้งจึงถูกคนรักยั่วโมโหแบบนี้แต่ทุกครั้งเจ้านายเขาก็เลือกจะเดินออกมาแทนเพราะไม่อยากทำร้ายคุณเอวา ทุกสิ่งล้วนอยู่ในสายตามือขวาเช่นเขา
“นายจะให้ผมทำยังไงต่อครับ” ทันทีที่ทุกคนเข้ามาในรถมือขวาคนสนิทก็เอ่ยถามขึ้นอย่างรู้ใจผู้เป็นนายยิ่งกว่าใคร คริสเตียนเหมือนถูกเรียกสติ มุมปากยกยิ้มขึ้นหันมองคนสนิทเหมือนอยากขอบคุณที่เตือนให้รู้ว่าเขาต้องทำอะไร
“ได้ข่าวว่าคืนนี้พี่สาวกับพี่เขยมันจะเดินทาง ฝากไปส่งพวกมันด้วยละกัน เอาให้ถึงนรกหละ จะได้ไม่ว่างไปเจอแฟนคนอื่นอีก”
เวลาบ่ายโมงผู้บริหารก็กลับถึงบริษัทหลังจากไปส่งเอวาที่คอนโดเสร็จ ผ่านสายตาพนักงานไปโดยไม่ได้สนใจ ตรงดิ่งกลับไปทำงานห้องตัวเองทันทีด้วยความหงุดหงิด กองงานที่เลขาอีกคนสรุปงานและยกแฟ้มมาให้ทำเอาเขาหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม ขุนเขาถึงกับต้องนั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองครู่หนึ่งก่อนหยิบปากกาเปิดแฟ้มแล้วทำงานต่อได้
//ติ้ง//
[[“ภาพคุณรินทร์แจกของขวัญเด็กครับ”] ]
//ติ้ง//
[[“ภาพคุณรินทร์ถ่ายกับแม่ครูครับ”] ]
//ติ้ง//
[[“คุณรินทร์สะดุดก้อนหินครับ ผมถ่ายไว้ทันพอดี”] ]
คราแรกเขาเพียงอ่านข้อความที่ขึ้นอยู่หน้าจอหวังทำงานก่อนค่อยหยิบมาดู แต่ประโยคสุดท้ายนั้นดูเหมือนจะกระตุ้นความอยากรู้ได้ดียิ่งนัก ในที่สุดปากกาที่พึ่งจับอยู่ก็วางลงที่เดิม หยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูภาพที่คุณตาณส่งมา
เป็นภาพคีรินทร์มอบของขวัญให้เด็กๆ ปรากฏสู่สายตา รอยยิ้มสดใสที่เขาคิดว่าตอนยิ้มให้เขาก็ดูดีมากแล้วแต่ในรูปเหมือนคนน้องจะมีความสุขมากเป็นเท่าตัว
แผ่นหลังเอนพิงพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย แฟ้มงานถูกลืมเลือนไปชั่วขณะ ขุนเขาเลื่อนดูรูปนับสิบที่เลขาส่งมาให้พร้อมข้อความประกอบเหมือนรู้ว่าตอนนี้เขากำลังหงุดหงิด ภาพสุดท้ายเป็นภาพที่คีรินทร์สะดุด และล้มลงไปด้วยรอยยิ้ม ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเราะให้กับความซุ่มซ่ามของตัวเองอยู่
[[“มีเป็นคลิปมั้ย”] ]
[[“สักครู่นะครับ”] ]
//ติ้ง//
ไม่นานก็มีคลิปวิดีโอส่งมาจริงๆ ขุนเขากดเปิดดูอย่างไม่ต้องคิดอะไร ในคลิปเป็นช่วงที่คีรินทร์กำลังแจกขนมเด็กๆ เสียงรอบข้างที่ได้ยินไม่เป็นเสียงเด็กก็เป็นเสียงคุณตาณตะโกนบอกเด็กเลี้ยงของเขา
“คุณรินทร์ยิ้มครับ เก่งมาก”
“หนูน้อยมองกล้องหน่อยลูก”
“คุณรินทร์แจกต่อเลยครับ เก่งมากครับระวังสะดุดนะครับ”
“คุณพ่อถ่ายพี่รินทร์บ่อยจังค่ะ เหมือนตอนแม่ครูถ่ายพวกหนูเลย”
“หึ ฮ่าฮ่าฮ่า” ในที่สุดร่างสูงก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างไม่รักษามารยาท เขาเองก็คิดแบบนั้นเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมา คุณตาณเหมือนพ่อตามถ่ายลูกตัวเองจริงๆ ทั้งน้ำเสียงยังอ่อนลงกว่าตอนพูดกับเขาเสียอีก เหมือนป๊าตอนถ่ายคลิปหลานไม่มีผิด จังหวะนั้นประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับหลานชายวิ่งเข้ามา
“อาขุน”
“คุณแม่หละ” ขุนเขายกหลานขึ้นมานั่งบนตักเช่นทุกครั้งด้วยใบหน้ามีรอยยิ้มประดับอยู่ วันนี้ภูผาอยู่ในชุดไดโนเสาร์สีเขียวทั้งตัว จากคลิปที่พึ่งดูบวกกับความน่ารักของหลานเขาจึงยังมีใบหน้าชื่นมื่นอยู่อย่างนี้
“คุณแม่กับคุณพ่อจะไปงานครับ คุณอาหัวเราะอะไร”
“อาดูพี่รินทร์ไปแจกของขวัญเด็กๆ ครับ” ขุนเขายื่นมือถือให้หลานชายดู เด็กน้อยจับมือถือไปดูพี่รินทร์ด้วยความคิดถึง แม้จะเจอกันแค่วันเดียวแต่ภูผาก็ชอบพี่รินทร์มากจริงๆ
สองคนน้าหลานนั่งดูคลิปพี่รินทร์อยู่นาน พอดูจบเด็กน้อยก็ส่งข้อความเสียงไปขอคลิปจากลุงตาณอีกเหมือนยังไม่สาแก่ใจ ขุนเขาจึงได้อานิสงค์ไปด้วยเช่นกัน
“ดูอะไรสองอาหลาน”
“คุณพ่อ ดูพี่รินทร์ครับ” ภูผาลงจากตักคุณอาถือโทรศัพท์วิ่งไปให้ผู้เป็นพ่อดูพี่รินทร์ด้วยรอยยิ้ม วัสทักทายขุนเขาเสร็จก็ชะโงกหน้ามองดูพี่รินทร์ที่ลูกชายว่า แต่ที่ชัดสุดคงเป็นเสียงคุณตาณมากกว่า ช่างเหมือนเขาตอนถ่ายคลิปภูผาจริง ๆ
นาราเดินตามสองพ่อลูกเข้ามาสมทบในเวลาไม่นานด้วยชุดลำลองสำหรับเดินทาง มองน้องชายของเธอที่กลับไปสนใจงานแล้ว ร่างบางดูคลิปพี่รินทร์กับสามีและลูกชายด้วยความเอ็นดู เด็กคนนี้เป็นเด็กดีจริง ๆ ไหนจะเรื่องเจ้าขุนให้คุณตาณไปดูแลอีก ใคร ๆ ก็รู้ว่าคนของคุณพ่อไม่ธรรมดาสักคน เธอต้องพาน้องสะใภ้ไปหาพ่อแม่สักวันแล้ว
“พี่จะไปแล้วหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยถามพี่สาวขณะที่มือยกแฟ้มตรงหน้าออกไป
“อื้อ ฝากหลานด้วยนะ”
“ครับ พี่วัสฝากนาราด้วยครับ”
“ครับ” วัสพยักหน้ารับการฝากฝังภรรยาตัวเองจากขุนเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นกระเป๋าของใช้เสื้อผ้าภูผาให้อีกฝ่ายรับไป เราสองคนต้องไปงานเลี้ยงที่ภูเก็ตจึงให้ลูกอยู่กับขุนเขาแทนอยู่กับพ่อตาแม่ยายเพราะทั้งสองยังไม่กลับ ไหนจะเรื่องพี่รินทร์ที่ลูกชายพูดอยู่ทั้งคืน วันนี้ได้ไปนอนกับพี่รินทร์ไม่แน่เขากับภรรยาอาจจะตกกระป๋องไปแล้วเมื่อกลับมา
“อย่าดื้อกับอาขุนนะลูก อย่าดื้อกับพี่รินทร์ด้วย” นาราหอมแก้มลูกชายซ้ายขวา ก่อนจะผลัดเปลี่ยนให้สามีหอมบ้าง เด็กน้อยอายุสามขวบหัวเราะคิกคักตอนที่หนวดปะป๊าโดนแก้มจนจั๊กจี้
“หม่าม๊าอย่าลืมขนมพี่ภูนะ”
“ได้ครับลูกแม่ ไปกันเถอะค่ะที่รัก”
“ครับ”
พูดคุยกันอีกหลายคำทั้งสองก็ออกจากห้องไป งานที่ภูเก็ทเป็นงานใหญ่ที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้จึงต้องเดินทางล่วงหน้าก่อนหนึ่งวัน รวมแล้วทั้งสองต้องห่างลูกถึงสามวันเพราะคิดว่าให้ภูผาอยู่กับขุนเขาจะดีกว่าเอาไปด้วย
พอคุณพ่อคุณแม่ออกจากห้องไปภูผาก็หยิบสมุดระบายสีของตัวเองไปนอนระบายอยู่บนโซฟาตัวยาว มือถือคุณอาก็ถูกยึดมาแล้วเช่นกัน ขุนเขาจึงต้องกลับมาให้ความสนใจกับงานอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้
“พี่รินทร์” เสียงเล็กเอ่ยเรียกคนที่อยู่ปลายสายเบาๆ กลับรบกวนคุณอา ภูผากดเห็นชื่อพี่รินทร์จึงวิดีโอคอลไปหาพี่รินทร์ เขาทำเป็นเพราะคุยกับคุณปู่คุณย่าบ่อยๆ
“พี่ภูหรอครับ” ปลายสายถามกลับมาอย่างแปลกใจ
“ครับ พี่ภูรอคุณอาทำงาน”
“พี่ภูรอคุณอาทำงานหรอครับ แล้วตอนนี้พี่ภูทำอะไรอยู่”
“ระบายสี พี่รินทร์ดู”
เสียงเจื้อยแจ้วเรียกให้คนทำงานอยู่เงยหน้าขึ้นมอง ไม่รู้ว่าภูผาวิดีโอคอลหาคีรินทร์เป็นได้ยังไง แต่ตอนนี้ทั้งสองกำลังคุยกันสนุกเชียว
เด็กน้อยหันมาเจอคุณอาที่มองอยู่จึงคิดว่าอาขุนจะคิดถึงพี่ริทนร์เช่นกัน มือเล็กๆ ยกกล้องขึ้นให้พี่รินทร์ดูอาขุนสองวินาทีก่อนจะหันกล้องกลับไป ขุนเขายังไม่ทันได้ตั้งตัวก็หมดเวลาของตัวเองเสียแล้ว
“คิกคิก พี่รินทร์อาขุนงานยุ่ง ถ้าพี่รินทร์คิดถึงเดี๋ยวพี่ภูกับอาขุนจะไปหาน้า”
“ได้ครับ พี่รินทร์จะทำอาหารรอ ว่าแต่พี่ภูชอบกินอะไรครับ”
ทั้งสองคนยังคงพูดคุยกันอยู่อย่างนั้นพร้อมเสียงหัวเราะอารมณ์ดีของภูผา ทำลายความเงียบในห้องทำงานได้เป็นอย่างดีแต่ขุนเขากลับไม่ได้รู้สึกรำคาญเลย รู้สึกดีมากกว่า ทำงานไปฟังสองคนคุยกันไปจนตอนนี้ล่วงเลยมาถึงสี่โมงเย็นแล้ว และเอกสารแฟ้มสุดท้ายก็เสร็จพอดี
ร่างสูงเก็บข้าวของครู่หนึ่งรวมถึงของของหลานชายด้วย วันนี้จะได้ไปนอนกับพี่รินทร์ไม่รู้จะชวนกันเล่นถึงกี่ทุ่มภูผาเก็บสมุดระบายสีเสร็จก็ยื่นมือถือให้คุณอา ตอนนี้แบตเตอรี่ถึงขีดแดงๆแล้ว
“รินทร์ ต้องวางสายแล้ว มือถือแบตจะหมด”
“ครับ” ตาคมมองคนที่อยู่ปลายสายตอนนี้กุลีกุจอรีบยกมือถือขึ้นเพราะสวมเสื้อคอกว้าง ปากหยักยกยิ้มขึ้นเหมือนได้แกล้งอีกคนเล็กน้อยก็ยังดี
“เดี๋ยวเฮียจะพาพี่ภูไปหานะ”
“ครับ อย่าขับรถเร็วนะครับ”
“ครับ”ขุนเขาตอบรับคู่นอนก่อนคีรินทร์จะกดตัดสายไป มือถือเครื่องสวยถูกเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงเตรียมพาหลานเดินทางไปหาปลายสายเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ใกล้จะห้าโมงเย็นแล้วกว่าจะถึงคงเกือบๆหนึ่งทุ่ม
“อาขุนขับรถเร็วบ่อยจะตายไป พี่ภูจะฟ้องพี่รินทร์” ภูผาเอ่ยขึ้นมือก็รับกล่องนมจากคุณอามากินขณะเดินออกจากห้อง ขุนเขาไม่ว่าอะไร ทำเพียงยิ้มก่อนใบหน้าจะแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเศร้าสร้อยชั่วพริบตา
“อาไม่ขับเร็วแล้ว อย่าฟ้องพี่รินทร์นะ ไม่อย่างนั้นพี่รินทร์จะไม่ให้อากินข้าวด้วยนะ”
“จริงหรออาขุน” ภูผาอ้าปากค้างตาโตขึ้นมาทันทีที่คุณอาพูดจบ
“ใช่ อาต้องหิวมากแน่ๆเลย” ขุนเขาทำหน้าตาน่าสงสารเหมือนคนกำลังจะตายให้หลานดู มือก็ลูบท้องป้อยๆจนภูผาต้องขอเวลาขบคิดอีกสักรอบ
“งั้นอาขุนต้องเชื่อฟังพี่รินทร์นะ ครั้งก่อนพี่ภูจะไม่บอก กลัวคุณอาหิว”
“ได้ครับ งั้นไปกันเถอะ” ขุนเขากอดหลานชายอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนนำกระเป๋าเสื้อผ้าหลานสะพายไว้บนไหล่ข้างหนึ่งจูงมือเล็กๆให้เดินตามมา
สองอาหลานจูงมือกันมาจนถึงหน้าบริษัท เพราะภูผาชอบมาทางนี้มากกว่าลิฟต์ผู้บริหารที่โผล่ลานจอดรถเลย เหมือนอยากเดินดูบริษัทด้วยความเป็นเด็ก ระหว่างทางย่อมมีพนักงานมากๆยืนไหว้เขา ภูผาที่มีหนึ่งถูกคุณอาจับอยู่ อีกมือก็ถือกล่องนมเอาไว้ได้แต่พยักหน้าทักทายพี่สาวพี่ชายคืนไป
ขณะกำลังจะพ้นประตูบริษัทไปก็ได้ยินเสียงวิ่งมาจากข้างหลัง ขุนเขาดันหลานชายให้มาอยู่ด้านหลังหันกลับไปมองก็เจอคุณตาณวิ่งมาด้วยใบหน้าตื่นๆ
“คุณขุนครับ! คุณนารากับคุณวัสถูกไล่ยิงรถเกิดอุบัติเหตุครับ”
“เฮียขุน มีรินทร์อยู่ตรงนี้นะ”
“ฮึก รินทร์ เฮียสงสารหลาน”
“รินทร์อยู่ตรงนี้ เฮียขุนรินทร์อยู่ตรงนี้”
ตอนหน้าตุนทิชชู่นะคะ ด้วยความปรารถนาดีจากไรท์
ปล.ที่ภูผาเรียกขุนเขาว่าคุณอาแทนคุณน้ามีสตอรี่นะคะ รอเฉลยในตอนไหนสักตอน
ไรท์เพิ่มเนื้อหาในแนะนำเรื่องนะคะ ทุกคนแวะไปอ่านเพิ่มเติมได้ เค้าลางอนาคตพี่รินทร์ค่ะ
ข้อความจากนักเขียน
คำถามบางคำถามที่เกิดขึ้นในนิยาย บางคำถามไรท์ทำเป็นปลายเปิดนะคะ นั่นคือตัวละครก็ไม่รู้ ไรท์ก็ไม่มีเฉลย เอาไว้ให้นักอ่านขบคิดสนุกๆค่ะ ไม่มีคำตอบนะคะ
เช่น ทำไมมิติที่น้องเข้ามาทั้งที่เป็นนิยายแต่กลับเป็นมิติซ้อนทับโลกจริง ไรท์ไม่มีคำตอบนะคะ
หรือ ทำไมคีรินทะลุมิติมาที่นี่ ทำไมไม่ได้กินน้ำแกงยายเมิ่งไปเกิดใหม่ นี่ก็ไม่มีคำตอบเช่นกันค่ะ อาจเป็นคำสั่งจากเบื้องบน เบื้องบน= ไรท์เอง
ไรท์ : ทุกคนเรามาปวดหัวไปด้วยกันนะคะ
นักอ่าน : ได้ค่าาาา
นักอ่านที่ตามมาจากโจวเฟิ่งเจี๋ย : หาเรื่องให้คนปวดหัวเป็นเพื่อนอีกแล้วนะไรท์!!!!!!!!!!!!!!