คีรินอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ปิดลงมาถึงต้นขาเช่นเดิมเพราะนอนสบาย ด้านในนั้นเป็นกางเกงตัวเล็กที่หายเข้าไปในชายเสื้อ ร่างบางเดินออกจากห้องมองเฮียขุนที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์เล็ก ๆ ด้านหน้าครัวในเวลาสี่ทุ่มเกือบห้าทุ่ม
หลังกลับถึงห้องช่วงสามทุ่มเขาก็ให้อีกฝ่ายเข้าไปอาบน้ำก่อนเผื่อจะมีงานต้องทำส่วนตัวเองนำของมาเก็บเอาไว้ ของที่จะเอาไปบ้านเด็กกำพร้านั้นไม่ได้แตะต้องมันเลย นำของที่ซื้อมาเพิ่มมาเก็บแทน ไม่ว่าจะเป็นชุดใหม่ ของใช้บางส่วน เปลี่ยนกลิ่นน้ำหอม หรือของกินบางอย่าง
กลับเข้ามาในห้องเพื่อจะไปอาบน้ำก็เห็นอีกฝ่ายทำงานอยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียดเช่นเมื่อวานนี้ แต่พอออกจากห้องน้ำก็ไม่เห็นใครในห้องอีกแล้วจึงเดินมาดูด้านนอก ไม่คิดว่าจะนั่งก๊งเหล้าอยู่ เดิมทีคีรินตั้งใจจะเดินกลับเข้าห้องนอนไปหากอีกฝ่ายไม่หันมาเจอก่อน ร่างบางจึงเดินไปหาตัวร้ายอย่างเลี่ยงไม่ได้
“อกหักหรอครับ” สุดท้ายก็ตัดสินใจเอ่ยถามเสียงแผ่ว กลัวโดนต่อยก็โดน แต่ถามว่าอยากเสือกมั้ย แน่นอนว่าอยาก เห็นอีกฝ่ายยกเหล้ากรอกปากถี่ขนาดนี้คงไม่พ้นเรื่องอกหักแน่ ๆ
ในหัวคีรินคิดสิ่งใดอยู่ไม่มีใครรู้ ขุนเขาเหลือบมองร่างบางพร้อมเลิกคิ้วอย่างงุนงง
“ใครอกหัก” เหล้าอีกแก้วยกกรอกลงคอหลังถามเสร็จ ไม่รู้ว่าแก้วที่เท่าไหร่แล้วหากแต่ใบหน้ายังปกติเพราะขุนเขาคอแข็งเสียยิ่งกว่าอะไร ต่างจากคนตรงหน้าที่ย่นจมูกหลายครั้งเพราะได้กลิ่นเหล้า
“ก็เห็นเฮียกินเหล้านี่ครับ”
“วันนี้งานเยอะ แต่ตอนนี้มีคนมาช่วยแล้วเลยดื่มนิดหน่อย มานี่มา” แขนเล็กถูกดึงเข้าไปใกล้จนตัวยืนอยู่ระหว่างขาอีกฝ่าย ขุนเขานั่งอยู่บนเก้าอี้ ขณะที่คีรินทร์ยืนอยู่จึงทำให้ระดับของใบหน้าเท่า ๆ กัน
ร่างสูงมองคู่นอนตัวเองนิ่ง ๆ เขาเป็นคนตัวใหญ่ทั้งจากกรรมพันธุ์และการออกกำลังกายมาอย่างหนัก แต่คีรินทร์ตัวเล็กเหมือนพี่นารา หากเขายืนบังซ่อนคีรินทร์เอาไว้ก็คงไม่มีใครมองเห็นเช่นตอนนี้ เส้นผมบางส่วนที่บดบังใบหน้าถูกเขาเกลี่ยออกอย่างนุ่มนวลโดยมีเจ้าตัวยืนมองอยู่นิ่ง ๆ ไม่ได้ว่าอะไร
ไม่นานเด็กเสี่ยตัวประกอบก็ถูกตัวร้ายสวมกอดเบา ๆ คีรินเองก็ยืนนิ่งให้กอด ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน อาจเพราะรับรู้ว่าตัวร้ายจะเครียดหนักหรือเปล่า เขาอยู่ที่นี่สองวันไม่นับคืนเร่าร้อนของอีกฝ่ายกับคีรินคนเดิมก็เห็นทำงานหนักทั้งสองวันเลย
มือบางยกขึ้นลูบแผ่นหลังกว้างเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ ไม่รู้ว่าบ่าแข็งแรงที่เขากำลังซบอยู่แบกอะไรไว้บ้าง ดูเหมือนจะมากมายจนแสดงความเหนื่อยล้าออกมาให้เห็น ทั้งสองกอดกันอยู่อย่างนั้นไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทว่าขุนเขากลับรู้สึกสบายใจแปลกๆ
“นอนพักก่อนมั้ยครับ ทำงานเหนื่อย ๆ มีเวลาพักเฮียควรพักนะ” น้ำเสียงเจือด้วยความเป็นห่วงเอ่ยบอกคนในอ้อมกอด ร่างสูงผละออกมามองใบหน้างดงามตรงหน้านิ่ง ๆ
“จูบหน่อย”
“ไม่เอา เหม็นเหล้า” มือบางผลักอีกฝ่ายออกเพราะกลิ่นเหล้าหึ่งจนเขาที่ไม่ค่อยกินเหล้าแทบจะเมาตาม ขุนเขายังคงกอดเอวบางเอาไว้ยิ้ม ๆ ตาคมมองแก้มใสที่เริ่มแดงเรื่อมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างชอบใจ
คีรินทร์น่าแกล้งชิบหาย
“จูบค่อยไปนอน”
คนน้องชั่งใจอยู่นานก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ไม่รู้เลยว่ามุมปากร่างสูงขยับยกขึ้นก่อนจะโน้มใบหน้ากดจูบเบา ๆ โดยที่คนในอ้อมกอดยังตัวแข็งทื่ออยู่
คีรินทร์วันแรกที่อยู่ด้วยกันก็เป็นอย่างนี้ ปากหยักขบเม้มริมฝีปากล่างคนน้องเบา ๆ เพื่อหยอกล้อ พอคีรินทร์เปิดปากก็ละเมียดละไมแลกจูบกันไปมา
ร่างบางจูบตอบตัวร้ายด้วยท่าทีเงอะงะเพราะไม่เก่งทั้งยังไม่เคยจูบใครเลย มือจับเสื้ออีกฝ่ายเอาไว้แน่นขณะที่มือหนาเลื่อนขึ้นมาจับต้นคอเขาให้เอียงรับจูบที่เริ่มหนักหน่วงขึ้น ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้องยังไงไม่รู้
คีรินไม่รู้ว่าจะวางมือไว้ตรงไหนดีขณะที่ร่างสูงวางมือบนเอวและหลังคอเขาอย่างชำนาญ มือบางวางบนตัวเฮียขุนก็มีแต่มัดกล้ามจนต้องชักมือกลับ วางหน้าขาก็น่าอายเกินไป สุดท้ายจึงจับบ่าตัวร้ายเอาไว้ในขณะที่ถูกเจ้าตัวกลั่นแกล้งจนแทบหมดเรี่ยวแรง
ยามลิ้นร้อนสอดเข้ามาในปากเขาทั้งยังเลียริมฝีปากไปมายิ่งทำให้คีรินหลับตาปี๋ไม่กล้ามองหน้า สายตาหยาดเยิ้มเหมือนจะกินกันได้ขนาดนั้นจะทำเขาตายได้
“อือ พอแล้วครับ เหม็นเหล้า” ในที่สุดทั้งสองก็ผละออกจากกัน ขุนเขามองใบหน้าแดงก่ำคนน้องด้วยความเอ็นดู มือหนายังคงจับเอวบางเอาไว้เผลอบีบเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ อยากก้มลงไปจูบอีกก็โดนตีแขนหนึ่งที ท้ายที่สุดจึงยอมถอยออกมาอย่างเสียดาย
“รินทร์ไปนอนก่อนเฮียก็ได้ เก็บของเสร็จจะตามเข้าไป ว่าแต่พรุ่งนี้ให้คนขับรถให้มั้ย ของเยอะจะได้ไปสะดวก”
“ก็ได้ครับ” ใบหน้าแดงก่ำพยักหน้าหงึกหงักเหมือนคนไม่มีสติ
“ถูกจูบแล้วว่าง่าย”
//เพี้ยะ//
ฝ่ามือฟาดลงบนท่อนแขนตัวร้ายไปอีกหนึ่งทีรีบเดินหนีเข้าห้องไปด้วยใบหน้าแดงเถือกเหมือนจะระเบิด ปล่อยร่างสูงยืนหัวเราะพออกพอใจอยู่คนเดียวขณะล้างแก้วเก็บขวดเหล้าให้เรียบร้อย
ไม่คิดเลยว่าคีรินทร์จะน่ารักขนาดนี้ ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความเครียดที่สั่งสมมาทั้งวันตอนนี้เลือนหายไปแทบหมดสิ้น ปากหยักยิ้มออกมาได้ด้วยความสุข ปิดไฟห้องครัวเดินยิ้มเข้าห้องไปหาร่างบางที่หนีเข้าไปก่อน
เข้ามาก็เห็นคนน้องนอนหันหลังเอาผ้าห่มคลุมหัวอยู่บนเตียงแล้ว ขุนเขาเข้าห้องน้ำครู่หนึ่งก็ออกมา ตอนนี้ยังไม่ดึกเหมือนเวลาเขาทำงาน แต่พอกินเหล้าเข้าไปก็รู้สึกง่วงเหมือนกัน มือหนากดปิดไฟก้าวขึ้นเตียงไปนอนข้าง ๆ อีกคนก่อนเอื้อมไปโอบเอวบางที่หลับไปแล้วให้พลิกตัวกลับมาซุกอกเขา
สุดท้ายแล้วทั้งสองก็หลับใหลไปพร้อม ๆ กันในเวลาช่วงเที่ยงคืน
คีรินเจอตัวร้ายสองวันแล้วก็ยังไม่ถูกเฉดหัวทิ้งสักที
แปดนาฬิกาเปลือกตาก็เปิดขึ้นรับแสงแดดที่ส่องกระทบเข้ามา ที่ระเบียงเหมือนมีเสียงนกดังอยู่ก่อนจะเงียบไปเหมือนต้องการบินมาเพื่อปลุกเจ้าของห้องเท่านั้น คีรินวาดมือไปตามเตียงก็ไม่พบตัวร้ายให้กอดแล้วจึงเริ่มรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้ วันนี้ต้องไปบ้านเด็กกำพร้า แม้จะไม่มีเวลาตายตัวแต่ไปสายคงไม่ดี เขาไม่อยากให้เด็ก ๆ หรือแม่ครูรอ
เวลาสิบนาฬิการ่างบางก็เข้ามาอยู่ในรถที่ตอนนี้กำลังแล่นอยู่บนถนนแล้ว คนที่เฮียขุนวานให้มาขับรถให้เขาคือคุณตาณ คีรินจำได้ว่าผู้ชายคนนี้รักตัวร้ายเหมือนลูกคนนึง มีฉากหนึ่งกลางเรื่องที่กระโดดเข้ามารับกระสุนแทนจนต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเดือนเกือบเดินไม่ได้ตลอดชีวิต
ทั้งยังช่วยสะสางงานมากมายให้ ตามไปปกป้องตัวร้ายแทบทุกที่ไม่ว่าจะทำดีหรือทำเรื่องแย่ ๆ อยู่ก็ตาม ปากก็ห้ามปราม แต่ร่างกายก็รอจังหวะเข้าไปช่วยหรือรับอาวุธแทนตลอด คิดแล้วก็รู้สึกนับถือคนตรงหน้าจริง ๆ คีรินใช้เวลาบนท้องถนนทบทวนเรื่องราวในนิยายจนสายตามองเห็นป้ายคาเฟ่ที่รู้จัก
“ขอผมซื้อขนมไปฝากเด็ก ๆ ได้มั้ยครับ” ขับมาไม่นานเสียงหวานก็เอ่ยถามสารถีวันนี้ ร้านเค้กร้านที่จะถึงเป็นร้านที่เขากินบ่อย ๆ ตอนนี้มีเงินแล้วจึงอยากซื้อไปฝากเด็ก ๆ คนละชิ้นก็ยังดี
“ได้ครับคุณรินทร์” ชายวัยสี่สิบกว่าพยักหน้ารับก่อนชะลอรถแวะร้านเค้กด้านหน้าให้เด็กหนุ่มโดยไม่มีทีท่ารำคาณแสดงออกมาให้เห็น เพราะการขับรถให้คุณรินทร์สบายกว่าทำงานกับคุณขุนเป็นไหน ๆ วันนี้เขาจึงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ อยากไปไหนเขาพาไปได้หมด
ร่างบางให้คุณตาณรออยู่ที่รถก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์ติดมือมา ทว่าเดินมาไม่นานก็เจอคนรู้จักเสียแล้ว
“รินทร์”
“เฮียขุน” คีรินหยุดเดินหันมองตัวร้ายกำลังจะถามไถ่สายตาก็เหลือบไปเห็นคนในร้านเข้าพอดี เป็นนายเอกของเรื่องนี่นา แสดงว่าคืนนี้เขาจะถูกเฉดหัวทิ้งแล้วหรอเนี่ย พอคิดถึงเรื่องนี้ใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่ก็นิ่งไปโดยไม่รู้ตัว
แต่ขุนเขาที่มองอยู่ตลอดเห็นทุกอย่างทั้งใบหน้าร่าเริงและใบหน้าเศร้าหมองที่คีรินทร์แสดงออกมา ไม่รู้ทำไมกลับรู้สึกลุกลี้ลุกลนยังไงไม่รู้ ดูเหมือนรินทร์จะรู้ว่าเขานัดเอวามาเจอ
“มาคุยงานกันเฉย ๆ เอวาเป็นคนรู้จัก” ร่างบางได้สติเงยหน้ามองตัวร้ายอย่างงุนงง อีกฝ่ายกำลังอธิบายให้เขาฟังหรอ แล้วอธิบายทำไมกัน
“ครับ รินมาซื้อเค้กไปฝากเด็กๆ เดี๋ยวก็ไปแล้ว” คีรินเอ่ยขึ้นเพราะอยากออกไปจากตรงนี้ไว ๆ ถ้าวันนี้จะถูกเฉดหัวทิ้งแสดงว่าเขาต้องรีบไปหาข้อมูลหรือวางแผนอนาคตตัวเองต่อแล้วว่าจะเอายังไงดี แต่สำหรับร่างสูงที่ไม่รู้ความคิดในหัวกลับยิ่งลุกลี้ลุกลนกว่าเดิม
“เดี๋ยวตอนเย็นเฮียไปหา”
“ครับ” ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วว่าจะไปหา คุณจะเอาเงินไปฟาดหัวผมนี่แหละ คุยกันอีกสองสามประโยคทั้งสองก็แยกกัน คีรินเดินไปหน้าร้านเพื่อสั่งเค้ก ตัวร้ายเข้าไปในร้านที่มีนายเอกนั่งรออยู่ ใช้เวลาไม่นานตัวประกอบใช้แล้วทิ้งก็กลับไปถึงรถเพื่อเดินทางต่อไปบ้านเพียงรัก
หลังจากแยกกับคีรินทร์ขุนเขาก็เดินเข้ามาในร้าน มองเอวาที่นั่งอยู่มุมร้านเหม่อลอยมองออกไปด้านนอก อีกฝ่ายโทรมาทั้งยังร้องไห้เรียกให้เขามาเจอ แม้ตอนนั้นจะประชุมอยู่แต่เพราะน้ำเสียงร้อนรนในที่สุดเขาก็มาถึงที่นี่ในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เสียงรองเท้าเข้ามาใกล้เรียกสติดาราหนุ่มให้หลุดจากภวังค์ เอวามองคุณขุนเขาด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับแดงก่ำเหมือนพึ่งผ่านการร้องไห้มาหมาด ๆ เมื่อเช้าเขาเข้าบริษัทไปหาพี่คริสเพื่อเอาอาหารเช้าไปให้ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่กับเด็กที่เคยคั่วอยู่ ไม่รอให้ทั้งสองรู้ตัวร่างบางก็มาอยู่ที่นี่แล้ว
พี่คริสอยู่กับคนอื่นได้เขาเองก็อยู่กับคนอื่นได้เหมือนกัน
“วามีอะไรรึเปล่า” ร่างสูงนั่งลงตรงข้าม หันมองคนในร้านที่กำลังยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปพวกเราเอาไว้อย่างไม่ชอบใจ พยายามไม่ให้ความสนใจหันกลับมามองคนตรงหน้าที่คิดว่าจะมีเรื่องด่วนกลับเห็นรอยยิ้มสดใสกลับมาแทน
“คือวาแค่อยากเลี้ยงขนมพี่ขุนครับ”
“วา” ขุนเขาเหมือนจะบังคับน้ำเสียงตัวเองไม่ดีเช่นเดิมแล้ว เมื่อครู่เขาประชุมอยู่อย่างที่บอกไป แต่เพราะกลัวเกิดเรื่องอะไรร้ายแรงเลยมาถึงที่นี่ได้ สายตาเฉียบคมเหมือนใบมีดพร้อมจะเชือดเฉือนคนมองได้ทำให้เอวารู้สึกตัวว่าตัวเองทำอะไรไม่คิด ลืมว่าอีกฝ่ายคือประธานบริษัทที่มีงานมีการทำ
“คือ วาขอโทษ เพราะวันนี้เห็นพี่คริสอยู่กับคนอื่น เอ่อ วาก็เลย” เสียงจิ๊ปากทำให้เอวาชะงักมองพี่ขุนทันที
ขุนเขารู้สึกเหมือนฟางเส้นสุดท้ายขาดผึ่งลงในที่สุด เขาถ่อมาถึงที่นี่เพื่อให้อีกฝ่ายเล่นตลกอะไรอยู่ แม้ว่าเอวาจะเป็นคนที่เคยชอบอยู่หลายเดือนแต่เขาไม่ได้ใจดีกับเรื่องแบบนี้เท่าไหร่นัก เขาเป็นคนทำงานหนักที่ตอนนี้ไม่ได้ทำงานเพราะเอวาอยากประชดแฟน
“วาเรียกพี่มาเพื่อทำอะไรแบบนี้ประชดคริสเตียนหรอ รู้มั้ยว่าพี่ไม่ตลกด้วย”
“พี่ขุน วาขอโทษ” เอวาร้อนรนขึ้นมาเพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ เขาคิดว่าพี่ขุนจะดีใจที่เราได้นัดกันเสียอีก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
ขุนเขามองเอวาร้องไห้นิ่ง ๆ ไม่รู้ตัวเลยว่าแววตาที่ใช้มองร่างบางตรงหน้าเปลี่ยนไปทีละนิด มองเอวานั่งตัวสั่นโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ทั้งไม่ได้รู้สึกสงสารเลยแม้แต่นิดเดียว นั่งเงียบอยู่นานมือถือเขาก็สั่นรอบที่สิบตั้งแต่ขับรถออกมาที่นี่
“พี่ไม่มีเวลามาเล่นกับเราแล้ว ลุกขึ้น จะไปส่ง” เสียงเข้มเอ่ยออกมาก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ เอวาเงยหน้ามองคนพี่ทั้งน้ำตา สายตาแข็งกร้าวที่กำลังจ้องเขาอยู่ทำเอาหัวใจดาราดังกระตุก นี่คือครั้งแรกที่เอวารู้สึกตัวว่ากำลังทำผิด ปกติไม่เคยมีใครใช้สายตาตำหนิมองเขาเลย
“วาขอโทษ”
ขุนเขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น ในใจกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองให้ได้มากที่สุดเพราะยังไงคนตรงหน้าก็เป็นดารา รอบๆข้างก็กำลังยกมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปอยู่ตลอด ก่อนจะบอกให้คนน้องไปรอที่รถเขาจะไปส่ง ส่วนตัวเองเดินไปจ่ายเงินให้จึงค่อยตามออกไป
รถหรูแล่นออกจากคาเฟ่ชื่อดังในเวลาต่อมาเมื่อเจ้าของรถเดินออกจากร้านไปได้ไม่นาน เหล่าแฟนคลับหรือผู้คนที่รู้จักเอวาต่างพากันหยิบมือถือขึ้นมากดดูรูปที่ถ่ายเอาไว้พร้อมโพสต์ลงบนแอคเคาน์ส่วนตัวว่าวันนี้ได้เจอดาราดัง ไม่นานโซเชี่ยลก็เริ่มมีการพูดถึงกันเป็นวงกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามที่เอวาต้องการ
รวมถึงคนในรถคันหนึ่งเองก็ยกมือถือขึ้นโทรหาผู้เป็นนายเช่นกัน
“ที่นี่ดีขึ้นมากแล้วค่ะคุณริน เพราะมีหนูผิงช่วยเหลืออยู่ตลอดระยะเวลาสามปีมานี้ค่ะ” น้ำเสียงใจดีเอ่ยบอกคุณรินที่มาบริจาคของทั้งเงินให้แก่เด็ก ๆ ในวันนี้ด้วยรอยยิ้มแม้ใบหน้าจะมีความเศร้าหมองหลงเหลืออยู่
คีรินเดินตามแม่ครูตามทางเดินมองดูภายในบ้านเงียบ ๆ เขาและคุณตาณแจกของให้เด็กๆ และมอบเงินให้แม่ครูเรียบร้อยแล้วในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง
ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกเศร้าใจ เพราะเขายังไม่ได้ตาย ความรู้สึกที่สูญเสียหรือได้พบเจอทุกคนจึงไม่มีให้เห็น เหมือนหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาเช่นปกติ แต่เป็นเด็ก ๆ และแม่ครูแทนที่กำลังเศร้าเสียใจอยู่ แม้จะรู้สึกสงสารจับใจแต่ก็ทำสิ่งใดไม่ได้
“นั่นไงคะคุณรินหนูผิงที่แม่พูดถึง ผิงนี่คุณรินที่มาบริจาคของให้เด็ก ๆ ที่แม่บอกเรา” มือเหี่ยวย่นผายมือมาที่เด็กหนุ่มข้างกายแนะนะให้ผิงรู้จัก หนูผิงคือเพื่อนของคีริน ตั้งแต่ที่คีรินป่วยเป็นเจ้าชายนิทราหญิงสาวก็ช่วยดูแลบ้านเพียงรักให้ทั้งเรื่องเงินและมาหาเธอบ่อย ๆ
ส่วนคีรินที่หลับไปกว่าสามปีก็ไปอยู่ที่บ้านหนูผิงเพราะมีแม่บ้านช่วยดูแลจนเสียชีวิตเมื่ออาทิตย์ก่อน เรียกได้ว่าเด็ก ๆ ทุกคนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก็เพราะเด็กสาวคนนี้ที่ช่วยเหลือ
ผิงเดินยิ้มมาแต่ไกลมองผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อเหมือนเพื่อนของเธอ วันนี้เธอพาคนไปเก็บของที่ห้องเช่าของเพื่อนมาเก็บไว้ที่นี่ สามปีที่ผ่านมาไม่ได้แตะต้องของในห้องเลยยกเว้นของกินที่อาจจะเน่าเสียเพราะจะเป็นลางร้ายหากเก็บห้องทั้งที่คนยังไม่ตาย
แต่สุดท้ายมันก็ตายจากเธอไปอยู่ดี ไอ้รินนี่นะ
“สวัสดีค่ะคุณริน”
“สวัสดีครับ พอดีผมมาบริจาคของให้เด็ก ๆ กำลังจะกลับพอดี ยินดีที่ได้รู้จักคุณผิงนะครับ” เด็กหนุ่มมองหญิงสาวอายุเกือบสามสิบปีด้วยรอยยิ้ม หว่าผิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเองก็มีสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างจากคนอื่น ๆ เลย
สามปีที่ผ่านมาเหมือนเพื่อนเขาจะผอมลงกว่าเดิมไม่รู้เขาเป็นต้นเหตุหรือเปล่า คีรินมองไม่นานก็ถอนสายตากลับมาเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดไปในทางลบ
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ เรียกพี่ว่าพี่ผิงก็ได้ พี่น่าจะแก่กว่า” หว่าผิงเอ่ยอย่างเก้อเขินที่ต้องพูดคำว่าแก่แบบนี้ คีรินยิ้มรับเรียกอีกฝ่ายว่าพี่เต็มปากเต็มคำ ทั้งสามคุยกันต่ออีกหลายประโยค ส่วนมากจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็ก ๆ ซึ่งคีรินอยู่อยู่ก่อนแล้ว
แต่เรื่องที่พึ่งรู้วันนี้ก็มีอยู่ เช่นเรื่องรองเท้าที่เคยส่งมาให้พวกเขาครั้งแรกหลายคนยังใส่มันอยู่ ตอนซื้อเขาซื้อขนาดใหญ่กว่าเท้าเผื่อไว้ พอจะซื้อให้อีกรอบก็มาตายก่อน ไม่คิดว่าตอนนี้เด็ก ๆ ยังใส่อยู่ไม่ยอมทิ้งแม้พี่ผิงจะซื้อคู่ใหม่ให้แล้วก็ตาม
ทั้งสามพูดคุยกันอยู่นานร่างบางก็เหลือบไปเห็นว่าคุณตาณยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาบ่อย ๆ ลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายเป็นเลขาอาจจะมีงานรออยู่ ในที่สุดเขาก็ต้องขอตัวกลับแล้วจริง ๆ ยังไงซะวันหน้าก็ต้องได้เจอกันบ่อย ๆ
“ขอบคุณแทนเด็ก ๆ นะคะ เดินทางปลอดภัยค่ะคุณริน” หว่าผิงกล่าวลาอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ทำไมวิธีการพูดของคุณรินเด็กหนุ่มอายุยี่สิบสองปีถึงเหมือนไอ้รินนักแต่ยังไงก็แค่เหมือนเท่านั้น อาจเพราะเธอเสียใจมากจึงรู้สึกแบบนั้น
คีรินล่ำลาแม่ครู ผิงและเด็ก ๆ ก่อนจะหันหลังเพื่อเดินทางกลับ แม้จะคิดถึงแต่ก็กลัวจะหลุดปากพูด ทั้งพวกเขาพึ่งผ่านงานศพมาไม่กี่วันสภาพจิตใจยังไม่ดีนักสังเกตจากสีหน้า และคิดว่าอยู่ในฐานะคีรินคนนี้จะดีกว่า ทำความรู้จักกับพวกเขาใหม่อีกรอบก็ไม่เป็นไร
จังหวะที่คีรินเดินออกมาเด็กคนนึงก็วิ่งเข้าไปถามพี่ผิงว่าไปไหนมา ผิงหันมองแม่ครูก่อนยิ้มแหย
“ผิงไปทวงเจ้าแม่มาค่ะแม่ครู 28 แล้วยังไม่มีแฟนเลยไปขอใหม่แทบทุกปี” มือบางรีบอุดปากตัวเองทันควันกลัวหลุดหัวเราะ ไอ้ผิงเป็นคนไปขอพรแต่ตอนนี้สามปีแล้วยังไม่มีผัว แต่เขาที่ยืนรออยู่ข้าง ๆ ดันได้ก่อนแล้ว นี่แผนกจดบันทึกของเจ้าแม่เขียนชื่อคนขอผิดรึเปล่าหรือยังไงกัน
ด้านเลขาตาณที่อาสาเข้าไปเอาเอกสารใบแสดงความขอบคุณให้คุณรินทร์ก็เดินมาถึงรถตามหลังเด็กหนุ่มมาถึงได้ไม่นาน ร่างสูงเข้าไปนั่งฝั่งคนขับหลังจากเปิดประตูให้คุณรินทร์เสร็จก่อนจะยื่นกระดาษหลายแผ่นให้เจ้าตัวไป
“คุณรินทร์ครับ อันนี้ใบแสดงความขอบคุณครับ”
“ขอบคุณครับ” ร่างบางรับมาเปิดอ่านด้วยรอยยิ้ม เป็นจดหมายและใบแสดงความขอบคุณที่เด็ก ๆ เขียนให้กับมือหลายแผ่น อีกแผ่นเป็นเอกสารที่นำไปลดหย่อนภาษีซึ่งเขาไม่ได้สนใจมันเท่าข้อความจากเด็ก ๆ
“แต่เหมือนเด็ก ๆ จะเขียนชื่อผิดนะครับ” คุณตาณหันหน้ามาพูดกับคนของเจ้านายขณะรถจอดติดไฟแดง คีรินได้ยินจึงก้มลงอ่านชื่อในกระดาษ เขาเขียนชื่อเล่นตัวเองลงไปแต่ทำไมคุณตาณบอกว่ามันผิด
“ดูเหมือนเด็ก ๆ จะลืมใส่ทอทหาร รอเรือและตัวการันต์ครับ” ตาณกล่าวอธิบายพลางชี้ตรงชื่อบนกระดาษให้เจ้าของชื่อดูจากนั้นจึงหันกลับไปขับรถต่อ ไม่ทันได้เห็นสีหน้าตกใจของคีรินเลย
ร่างบางถึงกับอึ้งกินชั่วขณะ อยู่มาตั้งสามวันพึ่งรู้ว่าร่างนี้ชื่อไม่ได้เขียนว่าคีรินเหมือนเขา แต่เป็นคีรินทร์หรอกหรอ ตายแล้ว ยังดีที่ยังไม่เคยเขียนชื่อเล่นให้ใครอ่าน ไม่อย่างนั้นคงโป๊ะแตกไปแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ รินทร์จะเก็บไว้ในแฟ้มไม่ได้ใช้งาน”
“ครับ” คุณตาณพยักหน้าหันไปสนใจถนนเช่นเดิม มือบางจึงเก็บกระดาษขอบคุณลายมือเด็ก ๆ ไว้ในแฟ้มอย่างดีกลัวมันยับ ไม่นานรถก็เคลื่อนตัวแล่นออกจากซอยเล็ก ๆ เข้าสู่ถนนใหญ่เพื่อไปส่งคีรินทร์ที่คอนโดก่อนสารถีในวันนี้จะขับรถต่อไปที่บริษัท
ขุนเขา ปรินทร์ เศรษฐ์ถิรคุณ
ขุนเขา หมายถึง ภูเขา
ปรินทร์ หมายถึง ผู้เป็นใหญ่กว่าคนอื่น
เศรษฐ์ถีรคุณ หมายถึง มีคุณธรรมมั่นคงและประเสริฐยิ่ง
คีรินทร์ คีรินทร ศรัณย์วรัศ
คีรินทร์ หมายถึง ภูเขาใหญ่
คีรินทร หมายถึง เจ้าแห่งภูเขา
ศรัณย์วรัศ หมายถึง เป็นที่พึ่งอันประเสริฐ
เลขาตาณวัยสี่สิบสองปี
ตาณ หมายถึง ที่พึ่ง ป้องกันภัย
นิยายไรท์อ่านง่าย สบายๆ แต่ทุกชื่อของตัวละครมีความหมายบ่งบอกตัวตนนะคะ แต่อ่านง่ายแน่นอน สบายๆ
โรงละครเล็ก
ผิง : ผัวก็มีเพราะกูขอให้ น้ำแดงก็เงินกู ยังมาล้อกูอีก // เหลือบมองเจ้าแม่
เจ้าแม่ :
สปอยล์หล่น
“ได้ข่าวว่าคืนนี้พี่สาวกับพี่เขยมันจะเดินทาง ฝากไปส่งพวกมันด้วยละกัน เอาให้ถึงนรกหละ”