ด้านคนที่อยู่คอนโดในตอนนี้กำลังเดินมาที่ครัว พี่ภูตัวน้อยตัดสายไปแล้วหลังจากคุยกันเกือบสามชั่วโมง ตอนนี้สี่โมงเย็นใกล้จะครึ่งแล้ว ภูผาบอกเขาว่าอยากกินข้าวผัดห่อไข่ จากตอนแรกคีรินทร์จะทำกะเพราไข่ดาวง่าย ๆ กินจึงเพิ่มข้าวห่อไข่ ไข่ยัดไส้และผัดผักเข้าไปด้วย
หลังคุณตาณมาส่งตอนบ่ายเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย สุดท้ายจึงเดินเล่นไปจนถึงซุปเปอร์มาเก็ต หยิบตระกร้าเดินเลือกข้าวของมาทำอาหารและของกินเล่นเช่นขนมหรือนมมาเยอะพอสมควรก่อนจะเดินกลับ มาถึงคอนโดเก็บของเสร็จพี่ภูก็วิดีโอคอลมาพอดี ทั้งบ่ายจึงหมดไปกับการคุยกับเด็กน้อย
ตอนนี้ร่างบางกำลังง่วนอยู่กับอาหาร คีรินทร์ชอบทำอาหารมากความสนใจทั้งหมดจึงอยู่ที่อาหาร ทีวีเครื่องใหม่เปิดไปด้วยขณะกำลังล้างข้าวนำไปหุงเอาไว้ เตาไฟฟ้ามีสองอันเขาก็ใช้ทั้งสองอัน ไข่ยัดไส้มีรสหวานเผื่อหลานตัวร้ายจะชอบกิน ส่วนผู้ใหญ่ก็กินได้ทุกจาน
ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยในเวลาหกโมงเย็นแต่ทั้งสองก็ยังไม่มา คีรินทร์ไม่ได้คิดอะไรเพราะเข้าใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามนิยาย เก็บข้าวของล้างจานเสร็จก็เข้าห้องน้ำไป ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ออกมาด้วยเสื้อตัวใหญ่และกางเกงขาสั้นเหมือนเดิม
เดินเก็บข้าวของอีกครู่หนึ่ง เพราะห้องใหญ่และคีรินทร์ไม่ได้จ้างแม่บ้าน เห็นเฮียขุนบอกว่าเป็นเขาที่บอกเองว่าไม่ชอบให้ใครเข้ามาที่ห้องยกเว้นเฮียขุน ไอ้รินคนนี้จึงต้องทำความสะอาดบ้านเองอย่างที่เห็น แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไรเพราะไม่ได้ทำงานทำการ เวลาจึงมีเหลือเฟือ
คอนโดมีห้องนอนอยู่สองห้อง ห้องน้ำสามห้องรวมห้องน้ำเล็กๆ ด้านนอก แต่ตอนนี้ห้องนอนอีกห้องกลายเป็นห้องทำงานไป ซึ่งทั้งเขาและเฮียขุนเองก็ไม่เคยใช้ห้องนั้นทำงานเลย นั่งทำงานในห้องนอนตลอด วันนี้ไหนๆ ก็จะถูกเฉดหัวทิ้งแล้วจึงเดินสำรวจห้องหับสักหน่อย ยังไงซะถึงเขาจะทิ้งเราไปแต่คอนโดนี้ก็เป็นของเรา
“จะขายหรือเก็บไว้ดี” ปากเล็กพึมพำขณะเปิดประตูเข้าไปดู อาจจะอยู่สักเดือนระหว่างหาที่อยู่ใหม่หรือหางาน มีเงินก็ใช่ว่าจะไม่ทำงาน ที่ทำงานกับที่พักต้องเกี่ยวข้องกันดังนั้นต้องหางานก่อนถึงจะหาที่พัก มองสำรวจห้องเสร็จก็กลับมายังห้องนอน โน้ตบุ๊คถูกเปิดขึ้นเพื่อค้นหาหลายสิ่งหลายอย่าง
ระหว่างรอทั้งสองมาถึงเขาก็จะหาที่ทางของตัวเองไปพลางๆ คอนโดห้องนี้ราคากว่าหกล้าน หากขายจะได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งคือสามล้าน ย้ำว่าอย่างน้อยเท่านั้น แต่เด็กคนนี้เรียนบริหารมา ในหัวจึงมีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัวว่าปล่อยเช่าสักปีสองปีจะดีกว่า
ห้องใหญ่ทำเลดีขนาดนี้ปล่อยเช่าเดือนละหมื่นห้าสองหมื่นก็น่าจะได้ ดีไม่ดีอาจจะได้มากกว่านั้น ตามองรายละเอียดงานที่อยู่บนหน้าจอ ในหัวก็ขบคิดเรื่องการปล่อยเช่า ถ้าปล่อยเช่าแล้วมีคนเช่านั่นก็คือเขาจะมีเงินเข้ากระเป๋าเดือนละไม่ต่ำกว่าหมื่นห้าแล้ว มองไปทางไหนก็มีแต่รวย รวย รวย
ดูข่าวสารในทวิตเตอร์สักหน่อยดีกว่า เพราะไม่เห็นทั้งสองมาสักทีคีรินทร์ก็เริ่มร้อนใจแล้ว มือถือเครื่องสวยถูกเปิดเข้าที่ไหนสักที่ที่สามารถติดตามข่าวสารได้ซึ่งที่แรกคือทวิตเตอร์
“โอ้ ติดเทรนด์เลย” คลิปของดาราหนุ่มหน้าสวยกับพ่อรูปหล่ออย่างตัวร้ายปรากฏอยู่เต็มแท็ก ซึ่งตอนนี้ในนิยายมีบรรยายเอาไว้ ว่าทั้งสองพบเจอกันโดยบังเอิญ ประจวบกับเอวาที่เห็นคนรักอยู่กับคนอื่น ขุนเขาจึงอยู่เป็นเพื่อนคุยจนกว่าอีกฝ่ายจะดีขึ้น
คำพูดชี้ชะตาคีรินทร์นั้นออกมาจากปากเอวานั่นคือประโยค ผมเกลียดคนที่มีคู่นอนมาก โดยเฉพาะคนที่จะมาจีบผมแต่ยังมีคู่นอนหรือเคยมีคู่นอนมาแล้วในอดีต นี่คือคำพูดที่ทำให้ขุนเขาถ่อมาถึงที่นี่เพื่อเฉดหัวเขาออกจากการเป็นคู่นอน แต่พอวันต่อมาเอวากับคริสเตียนดันถูกพบเห็นว่าไปเดทกันถึงต่างประเทศ
//แกรก// เสียงประตูด้านนอกดึงสติร่างบางได้ทันที หน้าจอโน้ตบุ๊คถูกปิดลงรวมถึงมือถือกลัวอีกฝ่ายจะมาเห็นรีบลุกออกจากห้องไปแต่ก็ไม่ทัน ทันทีที่เปิดประตูห้องนอนก็เห็นร่างสูงยืนอยู่พร้อมกับร่างเล็กในอ้อมแขน แต่ทำไมบรรยากาศถึงเป็นแบบนี้
คีรินทร์มองภูผาที่หลับไปแล้วโดยที่มีน้ำตาอาบแก้มและจมูกแดง เงยหน้ามองตัวร้ายอีกฝ่ายก็ไม่ต่างกันเลย ดวงตาแดงก่ำแสดงถึงความเจ็บปวดจนเขารับรู้ได้ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในบทบรรยายไม่มีตอนไหนที่มีฉากนี้อยู่
“เฮียขุน ทำไม”
“รินทร์ เลี้ยงเขาช่วยเฮียได้มั้ย พ่อแม่ภูผาประสบอุบัติเหตุยังไม่พ้นขีดอันตรายเลย” ขุนเขาพยายามเปล่งเสียงออกมาให้ดังที่สุดแม้จะไม่มีแรงแล้วก็ตาม ใบหน้าหล่อเหลายามนี้กำลังแสดงออกถึงความเจ็บปวด
ชิบหาย คีรินทร์ช็อคไปชั่วขณะที่ตัวร้ายพูดจบ นี่มันเรื่องอะไรกัน
เด็กน้อยถูกวางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาก่อนใบหน้าเล็กจะถูกผ้านุ่ม ๆ ชุบน้ำเช็ดจนสะอาด จากนั้นก็เช็ดตามตัวเล็กน้อยจะได้ไม่เหนียวตัว
คีรินทร์มองใบหน้าภูผาอย่างนึกสงสาร แค่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่เจ็บมากกว่าตอนตัวเองล้มก็ร้องไห้จนหลับไปขนาดนี้แล้ว หากรู้ว่าความจริงทั้งสองเจ็บจนจะตายไม่รู้จะร้องไห้หนักขนาดไหน มือบางดึงผ้าห่มห่มให้ขณะภูผาพลิกตัวอย่างอ่อนโยนกลัวเด็กน้อยจะตื่น
ร่างบางยืดตัวขึ้นมองคนที่กำลังนั่งอยู่ปลายเตียง คนเล็กเสร็จแล้วยังเหลือคนโตต้องดูแล เพราะมีเขาเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เจ็บปวดมากเช่นทุกคนที่อยู่รอบกาย มองไหล่กว้างที่เคยยืดตรงแข็งแกร่งตอนนี้กำลังสั่นไหว เฮียขุนบอกเขาว่าทั้งสองถูกไล่ยิงจนรถเกิดอุบัติเหตุและตอนนี้หมอกำลังช่วยกันรักษาอยู่
เรื่องราวก่อนหน้านั้นหรือต้นเหตุเขาไม่รู้เพราะคีรินทร์ไม่ใช่คนในครอบครัว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาช็อคที่สุด พี่นาราที่เคยคุยกันและสามีมีโอกาสรอดแค่ไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์ ถ้าในนิยายมีบอกเอาไว้ก่อนให้เขาได้เตรียมใจหรือแก้ไขได้ทันก็คงจะดี
แต่มันไม่มีบอกให้เขารู้ล่วงหน้านี่สิ
เท้าก้าวเดินเข้าไปใกล้คนที่นั่งอยู่ปลายเตียงมากขี้น มองใบหน้าเจ็บปวดเหมือนกำลังอดทนอดกลั้นจนร่างกายเกร็ง มือเรียวเล็กวางบนบ่าสั่นไหวลูบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
“เฮียขุน มีรินทร์อยู่ตรงนี้นะ”
“ฮึก” มือสั่นเทาโอบกอดเอวบางเข้ามาซบปล่อยน้ำตาออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ขุนเขาอดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว คำพูดของคีรินทร์เหมือนตัวกระตุ้นที่ทำให้เขากล้าร้องไห้ออกมา
พี่สาวที่รักมากกว่าชีวิตตัวเองและพี่เขยที่ช่วยเหลือเขามาตลอดเหมือนพี่ชายคนนึงประสบอุบัติเหตุในวันเดียวกัน ไม่มีเวลาให้เตรียมตัว ทุกอย่างเหมือนฟ้าผ่าลงมาตรงหน้า
นารากับพี่วัสแทบไม่เคยมีศัตรูที่ไหนเลย เพราะความสะเพร่าของเขาด้วยที่วางใจถึงขนาดปล่อยให้ทั้งสองไปกันเพียงสองคน แม้จะเพราะนาราไม่ชอบคนเยอะหรือคนเดินตามหากเขาเอ่ยปากสักคำแน่นอนว่าทั้งสองต้องรับฟัง
“เฮียสงสารหลาน”
“รินทร์อยู่ตรงนี้ เฮียขุนรินทร์อยู่ตรงนี้นะ” น้ำเสียงปลอบโยนพยายามเอ่ยขึ้นหลายครั้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกกอดแรงขึ้นจนรู้สึกเจ็บ คนที่กำลังโอบกอดเขาอยู่ตอนนี้ร่างกายสั่นเทาจนน่าสงสาร แม้ไม่มีเสียงร้องไห้สะอื้นแต่คีรินทร์ก็รู้ว่าอีกฝ่ายเจ็บปวดมากเพียงใด
แม้แต่เขาเองก็น้ำตาไหลเพราะรู้สึกสะเทือนใจ เมื่อวานได้เจอพี่นาราอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่ดีคนนึง ไม่คิดว่าวันนี้จะเกิดเรื่องร้ายขึ้น เขาที่อ่านนิยายจนจบไม่เคยรู้เลยว่าทั้งสองจะต้องประสบอุบัติเหตุอาการหนักขนาดนี้
มีทางรอดไม่ถึงห้าเปอร์เซ็นต์มันแทบจะปลุกความหวังคนรอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แม้แต่เขายังไม่รู้เลยว่าต้องพูดประโยคไหนให้เฮียขุนมีกำลังใจหรือรู้สึกดีขึ้น เพราะคีรินทร์เองยังกลัวว่าทั้งสองจะไม่รอด
เหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะรถจะคว่ำคือทั้งสองถูกไล่ยิงช่วงขาออกจากตัวเมืองไม่ไกลขณะกำลังไปงานเลี้ยงหนึ่งที่ภูเก็ต เฮียขุนบอกว่าพี่นารากับสามีชินกับการเดินทางกันเองเช่นเวลาไปเที่ยวต่างประเทศดังนั้นจึงไม่มีใครตามไปด้วย ทั้งพวกเขาทั้งสองคนยังไม่เคยทะเลาะกับใคร ธุรกิจของเศรษฐ์ถิรคุณเป็นธุรกิจใสสะอาด ดังนั้นทุกคนจึงไม่เคยคิดว่าวันนึงจะถูกไล่ยิงแบบนี้
แล้วใครทำ
อย่าบอกนะว่าพระเอก ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวขณะมือกำลังลูบแผ่นหลังปลอบตัวร้ายที่กอดเอวเขาร้องไห้อยู่ คีรินทร์พยายามคิดหาตัวละครที่มีอยู่ว่าใครน่าจะเป็นคนทำ
จากการคาดเดาพูดตรง ๆ ว่าต่อให้เป็นพระเอกเขาก็คิดว่าจะเป็นพ่อคริสเตียนคนนี้ที่ทำ หากเป็นเรื่องจริงนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ตัวร้ายตามฆ่าพระเอกก็ได้ แล้วทำไมถึงต้องทำขนาดนี้กัน
คงไม่ใช่เพราะเรื่องที่ทั้งสองเจอกันที่คาเฟ่วันนี้หรอกนะ
เชี่ย ถ้าเป็นจริงมันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรอ แล้วถ้าหมอรักษาไม่ได้ภูผาต้องสูญเสียพ่อแม่ไปเพราะเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ บทบรรยายว่านิสัยเทาๆ ตามธุรกิจที่ทำก็ไม่คิดว่าจะเทาขนาดนี้ แต่ยังไงเสียก็ยังไม่มีคำตอบแน่ชัด อาจจะเป็นคนอื่นก็ได้ เขาแค่ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น