บทที่ 7 ผิงไม่ได้แต่งแล้วใครแต่ง

2564 คำ
ขุนเขากอดคนน้องอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย เหมือนน้ำตาไม่อาจกักเก็บเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว มันไหลออกมาไม่หยุดหย่อนจนรู้ตัวว่ากำลังทำเสื้อคีรินทร์เปียก ทันทีที่คุณตาณวิ่งมาบอกเขากับภูผาก็ตรงไปที่โรงพยาบาลไม่ได้บอกใครก่อนโดยเฉพาะคีรินทร์ ตอนนี้พ่อแม่ยังอยู่ที่อเมริกากำลังเดินทางกลับก็เป็นคุณตาณที่โทรหา เขาและภูผาไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรแล้วยกเว้นนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉิน แม้คุณหมอกำลังช่วยเหลืออยู่แต่อีกฝ่ายก็บอกให้เขาทำใจเอาไว้เพราะโอกาสที่จะรอดน้อยจนแทบไม่มี ภูผาร้องไห้ออกมาอย่างหนักเมื่อเริ่มเข้าใจว่าคุณแม่คุณพ่อกำลังเจ็บ เจ็บมากกว่าตอนหกล้มล้านเท่า หลานชายเขาร้องไห้จนหลับไป นี่คือเรื่องที่ขุนเขาเจ็บปวดจนเหมือนจะตาย ภูผาเป็นเด็กร่าเริงไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน ร่างบางในอ้อมกอดขยับไปมาในที่สุดเขาก็ยอมปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระแม้น้ำตาและความเสียใจยังปล่อยออกมาไม่หมด ขุนเขาไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็นนอกจากครอบครัวที่เคยเห็นตอนเด็ก แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว ปล่อยน้ำตาออกมาให้คีรินทร์ดูอย่างไม่นึกอาย เขาเจ็บปวดจนไม่กล้าแม้แต่จะอยู่คนเดียว ทั้งคนน้องยังคงเป็นคนเดียวที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ คนที่ผละออกยังไม่ไปไหน ไม่นานคีรินทร์ก็คุกเข่าลงตรงหน้าในขณะที่เขาก้มหน้าลงต่ำมากกว่าเดิม ไม่นานมือบางก็จับมือหยาบกร้านที่มีแผลจากการชกกำแพงจนเลือดออกไปดูทั้งน้ำตา แผลนี้ขุนเขาไม่แม้แต่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แทบลืมไปเลยว่าตามร่างกายเขามีบาดแผลหากคีรินทร์ไม่จับมือเขาไปดู “ให้รินทร์ทำแผลให้มั้ย” ร่างบางกำลังจะลุกขึ้นเพื่อไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลกลับถูกมือหนาดึงกลับไป “อยู่กับเฮีย รินทร์อย่าไป ฮึก” “ครับไม่ไปแล้ว” คีรินทร์หยุดการกระทำทุกอย่าง ร่างบางถูกจับไปนั่งบนหน้าขาให้เฮียขุนกอดอยู่แบบนั้น คราวนี้เราทั้งสองกอดกันได้แน่นกว่าเดิม ใบหน้าเจ็บปวดซบลงกับไหล่เล็ก ๆ ของคู่นอนร้องไห้ออกมาอีกครั้ง คีรินทร์ทำอะไรไม่ได้นอกจากลูบแผ่นหลังอีกฝ่ายเพื่อปลอบโยน “เฮียกลัวเค้าสองคนไม่รอด” “ตอนนี้อยู่ในมือหมอแล้ว เราต้องคิดบวกนะครับ” คีรินทร์ไม่รู้จะปลอบยังไง ทั้งสองกอดกันอยู่แบบนั้นจนร่างสูงดีขึ้น ขุนเขาผละออกจากคนน้องทั้งน้ำตา คีรินทร์จึงได้โอกาสเข้าไปเปลี่ยนเสื้อตัวใหม่เพราะตอนนี้มันเปียกจนรู้สึกไม่อยากใส่มันแล้วซึ่งขุนเขาก็พยักหน้ายอมให้ไป คีรินทร์ถือเสื้อเข้ามาเปลี่ยนในห้องน้ำด้วยความเร่งรีบ ไม่ถึงหนึ่งนาทีร่างบางก็ออกไปเพราะกลัวว่าตัวร้ายจะทำอะไรที่เขาคิดไม่ถึงเข้า ตอนนี้สภาพจิตใจอีกฝ่ายน่าเป็นห่วงจริงๆ พอออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นเฮียขุนนั่งอยู่ที่เดิมจริง ๆ “เฮียขุน อยู่ไหนครับ” คีรินทร์วิ่งไปที่ระเบียงก่อนเป็นที่แรก โล่งใจไปเปราะหนึ่งที่ไม่มี จากนั้นจึงวิ่งออกไปด้านนอก ร่างบางหยุดชะงักอยู่หน้าห้องนอนมองตัวร้ายกำลังเดินมาทางนี้พอดี ในมือถือขวดเหล้าและแก้วเหล้าเอาไว้ทั้งน้ำตา คีรินทร์จึงถอยให้อีกฝ่ายเดินเข้าห้องไม่ได้เอ่ยสิ่งใด กินเหล้าดีกว่าคิดสั้น อย่างน้อยเขาก็ยังรับมือได้ ขุนเขาเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่โต๊ะทำงาน มือข้างหนึ่งวางข้าวของที่ถือมาส่วนอีกข้างลากเก้าอี้อีกตัวให้คีรินทร์นั่งจากนั้นก็เปิดขวดเหล้าเริ่มกินทันที วิธีนี้อาจจะเป็นวิธีที่ไม่ดีแต่แล้วอย่างไร เขาไม่สามารถเอาความกลัวออกจากหัวได้เลย เมาแล้ววูบหลับไปคงเป็นวิธีเดียวที่ช่วยเขาได้ “ให้เฮียกินเถอะ ไม่งั้นไม่มีทางนอนหลับจริง ๆ” “ครับ” คีรินทร์พยักหน้าอย่างเข้าใจไม่ได้ห้าม นั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวร้ายยกเหล้ากรอกปากครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่อย่างนั้น มือหนายังคงจับมือเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อยเลยทั้งยังมองคีรินทร์อยู่บ่อย ๆ เหมือนกลัวเขาจะหายไปอย่างไรอย่างนั้น กว่าห้าทุ่มร่างสูงก็เหมือนพร้อมจะนอนแล้ว เหล้าหมดไปเกือบขวด คีรินทร์ดึงอีกฝ่ายลุกขึ้นยืนอยู่นิ่ง ๆ ผ้าผืนหนึ่งชุบน้ำเช็ดตามใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาไม่ต่างจากภูผาเลยจนสะอาด คงเหลือไว้เพียงใบหน้าเศร้าหมองที่ตอนนี้แดงก่ำจากเหล้าเพิ่มเข้าไป ขุนเขาปล่อยให้คนน้องทำทุกอย่างให้เพราะเขาไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรแล้ว ทั้งตอนนี้ยังเมาจนตาแทบปิดอยู่รอมร่อ ไม่นานก็ถูกมือเล็กดึงไปที่เตียง มือเล็กๆ แข็งแรงกว่าเขาในตอนนี้เสียด้วยซ้ำไป ร่างบางนั่งอยู่ข้างเตียงจนเฮียขุนหลับไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ตอนนี้เที่ยงคืนสี่นาทีคีรินทร์จึงลุกไปเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นขวดเหล้า แก้วเหล้ารวมถึงกระเป๋าเสื้อผ้าของภูผาที่ตัวร้ายนำมาด้วย วันนี้ยังไม่มีเวลาเปิดดูคงต้องเอาไว้พรุ่งนี้เช้า ระหว่างที่เก็บของอยู่มือถือเฮียขุนก็สั่น คีรินทร์เห็นว่าเป็นคุณตาณจึงเสียมารยาทกดรับสาย “สวัสดีครับ” “คุณรินทร์หรอครับ” “ครับ เฮียขุนพึ่งหลับไปเองครับคุณตาณ” “งั้นผมฝากเค้าด้วยนะครับ ทางนี้ผมจะจัดการเอง ทั้งสองพ้นขีดอันตรายแล้วแต่ร่างกายต้องรักษาต่อไปครับ” ปลายสายฝากฝังให้เด็กหนุ่มช่วยบอกผู้เป็นนายให้เพราะไม่อยากให้คุณขุนคิดมากไปกว่านี้ อย่างน้อยได้รับรู้ตั้งแต่ตื่นนอนยังดีกว่ารู้หลังจากนั้น ไวเท่าไหร่ก็ยิ่งดีต่อสภาพจิตใจ คีรินทร์แทบอยากปล่อยโฮออกมาแทนเฮียขุนเพราะความโล่งใจที่ทั้งสองพ้นขีดอันตรายแล้ว ที่ผ่านมาทุกอย่างมันเศร้าหมองจนคีรินทร์อึดอัดอยากร้องไห้ตามระหว่างปลอบโยนคนอื่น “รินทร์จะบอกเฮียขุนนะครับ คุณตาณเองก็อย่าหักโหมมากนะครับ” “ขอบคุณครับคุณรินทร์” หลังจากวางสายคีรินทร์ก็ออกมาด้านนอก อาหารสามอย่างไม่มีใครแตะต้องแม้แต่เขาตอนนี้ก็กินไม่ลง ถึงจะอารมณ์ดีขึ้นบ้างแล้วก็กินไม่ลงอยู่ดี สุดท้ายก็เก็บไว้ในตู้เย็นเอาไว้อุ่นกินวันพรุ่งนี้พร้อมหยิบนมหนึ่งกล่องกินรองท้อง ขบคิดเรื่องนี้จนปวดหัว ถ้าเรื่องนี้เป็นพระเอกที่ทำคือแย่จนเขาพูดไม่ออก คนสองคนจะตายแหล่ไม่ตายแหล่เพราะความหึงหวงบ้าบอนั่นมันแย่เกินกว่าจะเรียกว่าพระเอกเสียอีก “ไอ้ผิงไม่ได้แต่งตอนนี้แน่ ๆ” เขามั่นใจว่าผิงไม่ได้แต่งและไม่เคยอ่านเจอ แสดงว่าเรื่องราวพวกนี้เป็นบทอิสระแล้วแต่ตัวละครจะใส่มันเข้ามาในเรื่อง ตอนนี้อย่าไปคิดถึงเรื่องออกจากที่นี่หรือหอบเงินไปใช้ชีวิตที่อื่นฉ่ำๆ เลย เขาไปไม่ได้จริงๆ ดูสองคนในห้องสิ แตกสลายหมดแล้ว เก็บของกินนมเสร็จก็เดินเข้าไปในห้อง เข้าห้องน้ำครู่หนึ่งก็ออกมาพร้อมนอนแล้ว ร่างบางขึ้นไปบนเตียง ตำแหน่งการนอนตอนนี้คือภูผานอนอยู่ตรงกลาง อีกฝั่งเป็นเฮียขุนและเขานอนตรงที่ว่าง แม้โคมไฟจะถูกปิดจนภายในห้องมืดสนิทแล้วก็ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงร่างบางถึงหลับไหลตามทั้งสองคนไปได้ เสียงนกร้องที่ระเบียงปลุกคนหลับใหลให้ตื่นขึ้นมา ตื่นขึ้นมารับรู้ว่าเรื่องราวเมื่อวานนี้ไม่ใช่ความฝัน ขุนเขานอนนิ่ง ๆ ไม่ขยับไปไหน คิดอะไรหลายอย่างจนสายตาเหม่อลอยอย่างไม่รู้ตัว เจ็บปวดขนาดไหนแต่วันนี้เขาต้องกลับไป พ่อแม่น่าจะกลับมาถึงไทยแล้ว เขาเองก็ต้องไปสะสางเรื่องราวมากมายช่วยทั้งสองคน ตกลงกันว่าใครจะจัดการงานที่บริษัท ดูแลเรื่องคนเจ็บทั้งสองคนหรือหาตัวคนร้าย ใบหน้าหมองหม่นหันมองคนบนเตียงที่ขยับยุกยิกเปลี่ยนท่านอน ข้างกายมีภูผานอนหลับอยู่ ส่วนอีกคนนั้นว่างเปล่าคงเหลือไว้เพียงร่องรอยการนอน นาฬิกาบนผนังบอกว่าตอนนี้หกโมงเช้าเข้าไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องขุดตัวเองขึ้นจากเตียงอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ทันทีที่ขุนเขาลุกขึ้นจากเตียงประตูห้องก็เปิดออก เป็นคีรินทร์ที่เดินเข้ามา “ตื่นแล้วหรอครับ วันนี้รินทร์ทำข้าวต้ม กินซักหน่อยนะครับ จะได้มีแรง” ตาคมมองคนน้องเดินเข้ามาหาพร้อมผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งยื่นมาตรงหน้าเขา ที่ราวแขวนนั้นมีชุดทำงานแขวนอยู่ด้วยสภาพเรียบร้อยพร้อมสวมใส่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร “ขอบคุณนะ” “ยินดีครับ” ใบหน้างดงามไม่ได้ยกยิ้มออกมาแต่จับมือเขาแล้วลูบเบาๆ เหมือนกำลังส่งผ่านกำลังใจโดยไม่ต้องพูด “เฮียขุน คุณตาณโทรมาบอกว่าทั้งสองพ้นขีดอันตรายแล้วครับ ตอนนี้เหลือแต่รักษาร่างกาย อย่างน้อยเช้านี้ก็ไม่ได้แย่เหมือนเมื่อวานใช่มั้ยล่ะครับ พรุ่งนี้ทั้งสองก็ต้องดีขึ้นกว่าวันนี้และเมื่อวานแน่ ๆ” “ขอบคุณนะ” ใบหน้าหล่อเหลายามนี้เหมือนจะดีใจและร้องไห้พร้อมๆ กันเมื่อได้ยินสิ่งที่คนน้องเอ่ยบอก เป็นเช้าที่ดีอย่างที่รินทร์บอกจริง ๆ อย่างน้อยก็ดีกว่าประโยคที่ว่าทั้งสองตายจากทุกคนไปแล้ว จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น “ครับ” คีรินทร์ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเฮียขุนมีสีหน้าดีขึ้นมากหลังจากที่รู้ว่าทั้งสองปลอดภัย ขุนเขารับผ้ามาถือไว้เดินเข้าไปในห้องน้ำ จากท่าทางเชื่องช้าเหมือนคนไม่มีชีวิตชีวาก็ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเมื่อคืนทั้งร้องไห้อย่างหนักไหนจะเหล้าที่อีกฝ่ายกินเข้าไปอีก ร่างบางดึงผ้าห่มห่มให้ภูผาก่อนเดินออกไปด้านนอกระหว่างนี้ วันนี้เขาตื่นเช้ากว่าปกติเพราะนอนไม่ค่อยหลับ อาบน้ำเสร็จก็ออกมาทำอาหารอยู่ที่ครัวไม่อยากรบกวนคนในห้อง หยิบถ้วยมาวางตักข้าวต้มที่พึ่งทำเสร็จใส่ลงไป กว่าเฮียขุนจะอาบน้ำเสร็จคงหายร้อนไปได้มากพอสมควร ส่วนของภูผานั้นเขายังไม่ตักเพราะอีกฝ่ายยังหลับอยู่ เตรียมอาหารเสร็จก็เดินกลับเข้ามาในห้อง เจอตัวร้ายอาบน้ำเสร็จพอดีกำลังแต่งตัว คีรินทร์มองดูแล้วสงสารจับใจ ทุกอย่างดูเชื่องช้าไรชีวิตชีวาไปหมด แม้จะดีขึ้นแต่ก็ช้าจนตอนนี้ใกล้จะเจ็ดโมงเช้าแล้วสุดท้ายก็อดยื่นมือเข้าช่วยเหลือไม่ได้ เอื้อมจับจับเนกไทเอาไว้เชิงสั่งให้เจ้าตัวปล่อยมือออกซึ่งขุนเขาก็ปล่อยมืออย่างเชื่อฟัง “รินทร์ทำให้” “ขอบคุณนะ” คีรินทร์มองใบหน้าเศร้าหมองที่เอ่ยขอบคุณเขาหลายครั้งแล้วตั้งแต่ตื่นมา ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จแต่คีรินทร์ยังไม่ผละออกไปในทันที มือบางเอื้อมไปลูบแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ “มีรินทร์อยู่ตรงนี้ คุณกลับมาจะเจอรินทร์ ถ้าไม่ไหวก็กลับมาก่อนเข้าใจมั้ยครับ” มุมปากหยักกระตุกเล็กน้อย ทั้งสองขยับเข้ามาโอบกอดกันโดยที่ไม่ได้นัดกันไว้ก่อนเหมือนรู้ว่าต่างคนต่างต้องการอะไร ใบหน้าคมคายสูดดมกลิ่นของคีรินทร์ฟอดใหญ่ เมื่อรู้สึกผ่อนคลายลงบ้างแล้วจึงผละออกจากกัน เดินตามคนน้องไปกินข้าวด้านนอก ข้าวต้มหอมกรุ่นหนึ่งด้วยวางอยู่ตรงหน้า ขุนเขาพยายามกินให้ได้มากที่สุดแม้จะไม่รู้สึกถึงรสชาติของมันเลยก็ตาม ขณะที่ร่างสูงกำลังกินข้าวคีรินทร์ก็นั่งอยู่ข้างๆ บนตักมีกล่องพยาบาลอยู่และมือขวาของเฮียขุนที่วางอยู่เช่นกัน เพราะเวลาจำกัดจึงต้องทำแผลไปกินข้าวไปแม้อีกฝ่ายจะบอกว่าไม่เป็นอะไรก็ตาม มือบางล้างแผลใส่ยาให้จนเสร็จด้วยความนุ่มนวลจนขุนเขาแทบไม่รู้สึกอะไรเลย เสร็จแล้วก็นำสำลีและกล่องยาไปเก็บ เวลาแปดโมงตรงก็ต้องออกจากห้องแล้ว ขุนเขาเดินเข้าไปหาภูผาครู่หนึ่งเพื่อดูหลานขณะที่คีรินทร์กำลังเก็บถ้วยข้าวต้มที่พร่องไปเพียงครึ่งถ้วยเท่านั้น ไม่นานเฮียขุนก็เดินออกมาพร้อมจะออกไปทำหน้าที่ต่อแล้ว “ตอนเย็นบางทีเฮียอาจจะไม่ได้มาหารินทร์กับหลาน” “ไม่เป็นไรครับ แต่อย่าหักโหมนะครับ” ตัวร้ายพยักหน้าก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยมีคีรินทร์ยืนส่งจนอีกฝ่ายเดินเข้าลิฟต์ไปแล้วจึงค่อยปิดประตู ขุนเขาปาดน้ำตาที่เล็ดลอดออกมาก่อนถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องดำเนินต่อไม่ว่าเขาจะมีความสุขหรือกำลังเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม เดินมาถึงหน้าคอนโดก็มีรถขับเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเหมือนรออยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงเก็บความโศกเศร้าที่หลงเหลืออยู่บนใบหน้าจนหมดตั้งแต่ประตูลิฟต์เปิดออก หลงเหลือไว้เพียงใบหน้าเรียบนิ่งขณะเข้าไปนั่งในรถที่ลูกน้องเปิดประตูให้ “นายครับ” “ใคร” ขุนเขาเอ่ยแทรกขึ้นมาไม่รอให้ลูกน้องพูดอะไรเสียเวลามากกว่านี้ อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผู้เป็นนาย จากดวงตาเศร้าหมองแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่สามารถฆ่าคนได้ทันทีที่รับมาอ่านดู ตาคมมองรายละเอียดในกระดาษหมดทุดบรรทัด มือที่ถูกทำแผลเอาไว้กำเข้าหากันแน่นจนรู้สึกว่าแผลกำลังตึงและเจ็บ “คุณคริสเตียนจริง ๆ ครับ” “ตอนนี้ปะป๊าหม่าม้าหายเจ็บแล้วครับ แต่แผลยังไม่หายคุณหมอเลยให้อยู่รักษาแผลก่อน” “ต้องอยู่กับคุณหมอหรอพี่รินทร์” “ใช่ครับ คุณหมอกลัวปะป๊าหม่าม้าพี่ภูดื้อเลยให้อยู่กับคุณหมอจนกว่าแผลจะหาย” “จริงด้วย ปะป๊าหม่าม้าดื้อเหมือนพี่ภูนี่นา คิกคิก” สุขนิยมจริงๆ นะคะ นิยายไรท์สายสุขนิยมแน่นอน แต่คงหลังจากนี้ไป ตอนนี้ตั้งหม้อต้มมาม่าไปก่อนนะ สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม