ตอนที่ 9

1135 คำ
“กรี๊ดดดดดดด ไอ้บ้า! นี่นายออกไปไกลๆ ฉันเลยนะ ไปสิ กรี๊ดดดดดด....” เสียงแหลมเล็กและปรี๊ดในหูมากของฟ้าลดาดังกระหึ่มในตอนเช้าของวันต่อมา และที่หล่อนร้องก็เพราะว่าตัวเองมานอนอยู่ในอ้อมแขนของเอกกวี เอกกวีรีบตื่นขึ้นมาทันที เพราะขี้หูเต้นระริก เขายกมือขึ้นปิดหู และมองเจ้าของเสียงอย่างโมโห “นี่คุณจะกรี๊ดหาพระแสงอะไรไม่ทราบครับคุณหนูฟ้าลดา” “นาย... นายทำอะไรฉัน?” หล่อนต่อว่า หน้าตาแดงก่ำ “เมื่อคืน ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามข้ามเขตมา แล้วทำไมฉันถึงไปอยู่ในอ้อมแขนของนายได้ นี่แสดงว่านาย... นาย....” ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “แม่คุณแม่ทูนหัว แหกตาดูสิว่าใครกันแน่ที่ล้ำเส้นน่ะ” “...” หล่อนรีบก้มลงมอง ก่อนจะเบิกตากว้าง และเต็มไปด้วยความอับอาย เมื่อพบว่าตัวเองเป็นคนเข้าไปในฝั่งของเอกกวี “ฉัน...” หล่อนรีบกระโจนกลับเตียงฝั่งของตัวเองทันที และพยายามแก้ตัว “ฉันคงละเมอ แต่... แต่นายก็ไม่ควรจะกอดฉันแบบนั้น มันผิดผีรู้ไหม” คนตัวโตกระแทกลมหายใจออกมา “ผมนอนหลับ ผมไม่มีสติอะไรทั้งนั้น บางทีที่ผมกอดคุณก็อาจจะเป็นเพราะผมคิดว่าคุณคือหมอนข้างก็ได้” “ยังไงนายก็ผิด” “ผมไม่ผิด” เขาว่าและก้าวลงจากเตียง “ผมจะเข้าห้องน้ำ และกรุณาอย่าส่งเสียงรบกวน” หล่อนรีบลนลานลงจากเตียง และถลันไปที่ห้องน้ำแซงหน้าทันที “เสียใจด้วย ฉันต้องเข้าห้องน้ำก่อน” “แต่ผมลงจากเตียงก่อน” หล่อนยิ้มหยัน “แต่ฉันมาถึงห้องน้ำก่อน ชัดเจนไหม นายเอกกวี” ชายหนุ่มถอนใจและเดินกลับไปนั่งบนเตียง “ครึ่งชั่วโมงนี่คือเวลาสำหรับคุณ” หล่อนไม่ตอบแต่เชิดหน้าใส่ และเดินหายเข้าไปทันที เอกกวีถอนใจแล้วถอนใจอีก “นี่นรกส่งคุณมาหรือไงนะฟ้าลดา ถึงได้ทำให้ผมปั่นป่วนขนาดนี้” “นี่นาย... ไปอาบน้ำได้แล้ว ฉันเสร็จแล้ว” ฟ้าลดาเดินเข้ามาสะกิดคนที่เผลอหลับไปอีกครั้ง เอกกวีสะดุ้งตื่น เขาลุกพรวด และถามหล่อน “นี่ผมเผลอหลับไปหรือนี่” “น่าจะใช่” หล่อนตอบและเดินไปทรุดตัวนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อที่จะชโลมสารพัดครีม ชายหนุ่มยกมือขยี้ตา มองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดที่สว่างมากเกินไปทำให้เขาแปลกใจ ดวงตาคมกล้าตวัดมองนาฬิกาที่ผนังห้อง ก่อนที่เขาจะช็อก เก้าโมงสิบห้านาที!!! เขารีบหันควับไปหาคนที่กำลังพอกหน้าทาครีมอย่างอารมณ์ดีทันที “คุณเพิ่งออกจากห้องน้ำใช่ไหม” “อืม” ฟ้าลดาตอบ และก็ขะมักเขม้นทาครีมต่อไป “ผมบอกว่าให้คุณครึ่งชั่วโมง” “อืม” เขาโมโห เดินเข้าไปหาหล่อน “แต่คุณใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงสี่สิบห้านาที?!” “อืม แล้วไง” หล่อนทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และทาครีมต่อไป เอกกวีโมโหจนเลือดขึ้นหน้า “นี่คุณขัดคำสั่งผม คุณทำให้ผมต้องรอคุณนานมากเลยนะ” “ก็ใครใช้ให้นายหลับไปล่ะ” “นี่คุณ!” “เอาน่า อย่ามัวแต่โมโหฉันเลย รีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวไปทำงานเที่ยงนะ” หล่อนหัวเราะชอบใจ ตรงกันข้ามกับเอกกวีที่โมโหจนตัวแทบแตก เขายืนขบเขี้ยวเคี่ยวฟันอยู่อึดใหญ่กว่า จึงกระแทกเท้าเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ฟ้าลดาหัวเราะเบาๆ กับชัยชนะครั้งนี้ “ฝีมือมันคนละชั้นกันยะ นายเอกกวี” ที่โต๊ะอาหารเช้า... ไม่เช้านักหรอก เพราะมันเกือบสิบโมงแล้ว เอกกวีหน้าบูดบึ้ง หงุดหงิดเป็นที่สุด ตรงกันข้ามกับฟ้าลดาที่รู้สึกมีความสุขเป็นที่สุด “ทำไมตื่นสายนักล่ะเอก” คนที่ตักอาหารใส่ปากชะงัก ก่อนจะปรายตามองผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดเต็มอย่างโมโห “ไม่มีอะไรหรอกครับ” “แน่ใจนะเอก” อังกาบยังอดเป็นห่วงลูกชายไม่ได้ “ถ้ามีอะไรก็บอกแม่นะ” “ไม่มีอะไรจริงๆ ครับ ผมคงแค่ไม่ชินที่ต้องยอมใช้ห้องร่วมกับผู้หญิงประสาทน่ะครับ” เพล้ง! ฟ้าลดาวางช้อนลงกับจานเสียงดัง และมองหน้าเอกกวีอย่างเอาเรื่อง “นายว่าใครเป็นโรคประสาทไม่ทราบยะ!” “พูดลอยๆ ใครอยากรับก็รับไปสิครับ” หล่อนกัดปากแน่น เป็นไปได้อยากยกจานอาหารเทราดเขาเป็นที่สุด “ฉันจะฟ้องคุณพ่อ” “ตามสบายเลย เอาที่คุณสบายใจนั่นแหละ” เมื่อถูกท้าฟ้าลดาก็จัดการให้ตามคำขอ หล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดต่อสายหาบิดาทันที “คุณพ่อคะ ไอ้คนบ้าที่นี่มันรังแกฟ้าค่ะ” หล่อนรีบฟ้อง และคิดว่ายังไงซะบิดาก็ต้องเข้าข้าง แต่นี่โลกมันพลิกตลบกลับด้านหรือไงนะ เพราะบิดากลับเข้าคนอื่น “คุณพ่อ?!” หล่อนร้องอย่างขัดใจ “ฟ้าไม่ยอมนะ ยังไงฟ้าก็ไม่มีทางทนให้คนบ้าที่นี่โขลกสับหรอก ฟ้าจะกลับบ้าน จะกลับไปอยู่ที่บ้านของเรา” “หนึ่งเดือน หลังจากนั้นค่อยกลับมา” “คุณพ่อคะ” “อย่าขัดคำสั่งพ่อ ไม่อย่างนั้นพ่อจะให้พ่อเอกยึดโทรศัพท์มือถือของลูกด้วย ฟ้าลดา” “คุณพ่อ!” “แค่นี้นะ แล้วไม่ต้องโทรมาหาอีก อ้อ แล้วบอกแววด้วยให้กลับมากรุงเทพฯ ในวันนี้” หล่อนเบิกตากว้างหน้าซีดเผือด “ไม่นะคะคุณพ่อ แววจะต้องอยู่กับฟ้า” “ฟ้าต้องอยู่คนเดียว ให้แววกลับมา” “คุณพ่อ! คุณพ่อใจร้าย” บิดาของหล่อนพูดจบก็ตัดสายทิ้งทันที หล่อนขว้างโทรศัพท์มือถือลงกับพื้นจนแตกกระจายด้วยความโมโห กลีบปากเม้มแน่น “มีแต่เรื่องบ้าๆ ทั้งนั้นเลย!” จากนั้นก็วิ่งหนีกลับขึ้นห้อง แววรีบวิ่งตามไป “คุณหนูคะ คุณหนู...” เอกกวีเบ้หน้าอย่างเอือมระอา อังกาบเองก็รู้สึกไม่สบายใจเลย “คงตามใจกันตั้งแต่เกิด ตอนนี้เลยกลายเป็นนางฟ้านางสวรรค์ไปแล้ว ใครขัดใจอะไรไม่ได้เลย” ชายหนุ่มบ่นอย่างเบื่อหน่าย “ก็ช่วยๆ ขัดเกลานิสัยน้องหน่อยนะพ่อเอก ถือซะว่าแม่ขอร้องก็แล้วกัน” “ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่าจะสามารถช่วยได้แค่ไหน ถ้ามันเป็นแค่สันดานก็คงพอช่วยได้บ้าง แต่หากเป็นสันดอนผมก็จนปัญญาจะขุดครับ” “น้องยังเด็ก น่าจะยังฝึกได้อยู่” เอกกวีไม่พูดอะไรออกมาอีก เพราะเขาเบื่อหน่ายเป็นที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม