“ไม่!”
เมื่อแววกล่อมฟ้าลดาไม่ได้ผล อังกาบจึงหันมากล่อมเอกกวีบ้าง
“ให้น้องอยู่ไปเถอะเอก เราเป็นผู้ชายนอนที่ไหนก็ได้อยู่แล้วนี่ จริงไหม”
“ไม่จริงครับ”
แววกับอังกาบหันหน้ามองกัน และถอนใจออกมาพร้อมๆ กัน
“ผมรบกวนแม่บอกเด็กให้ขนข้าวของของผมกลับมาด้วยนะครับ”
“นี่ไม่ได้นะ แค่ของๆ ฉันก็เต็มห้องแล้ว”
“แล้วไง ในเมื่อห้องนี้มันเป็นของผม ผมก็จะเอาข้าวของที่มีผู้หญิงประสาทขนออกไป กลับเข้ามา มันผิดตรงไหนไม่ทราบครับ”
“มันผิดตรงที่ฉันรังเกียจนายยังไงล่ะ”
เอกกวีหัวเราะเยาะ เดินมาหยุดที่ขอบเตียง และท้าวสะเอวจ้องหน้าหญิงสาว
“รังเกียจมากนักก็ออกไปสิครับ ผมจะได้อยู่สบายๆ เหมือนเมื่อก่อน”
“ไม่ ฉันไม่ออก ฉันชอบห้องนี้”
เขาถอนใจพรืด รู้สึกเบื่อหน่ายผู้หญิงน่ารำคาญอย่างฟ้าลดาเป็นที่สุด
“งั้นก็อยู่ด้วยกันแบบนี้แหละ ดูสิว่าใครจะเป็นฝ่ายยอมแพ้และออกไปก่อน”
หล่อนเชิดหน้าสูง ดวงตาเต็มไปด้วยความอวดดี “คนแพ้น่าจะเป็นนายนั่นแหละ”
“เดี๋ยวก็คอยดูแล้วกัน”
สองคนประสานสายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร อังกาบ กับแววถอนใจนับครั้งไม่ถ้วน
“คุณหนูคะ อาหารมาแล้วให้เอาไว้ที่โต๊ะกินข้าวเลยดีไหมคะ”
“เอาวางไว้ในห้องนี้แหละ”
“ไม่ได้แม่คุณ ในห้องนี้ต้องปลอดกลิ่นอาหาร”
“แต่ฉันจะกินในนี้”
“ก็บอกว่าไม่ได้ยังไงล่ะ”
แววกับอังกาบเริ่มเห็นสงครามปะทุขึ้นก็รีบแยกตัวออกไปทันที เพราะรู้ดีว่าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ สองคนนั้นยังคงฟาดฟันกันไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเช่นเดิม
“นี่นายกล้าขัดใจฉันหรือไง”
หญิงสาวกระโดดลงจากเตียง และถลาจะไปคว้ากล่องอาหารที่แวววางเอาไว้ให้ก่อนจะออกไปจากห้องพร้อมกับอังกาบ แต่ก็ไม่ทันการณ์เพราะมือใหญ่คว้าไปเสียก่อน
“นี่เอาคืนมานะ”
เอกกวียิ้มเยาะ มองกล่องอาหารสลับกับใบหน้าสวยหวานต่างจากนิสัยลิบลับของฟ้าลดา
“ผมจะถามอีกครั้งเดียว จะไปกินข้าวนอกห้องหรือเปล่า”
หล่อนไม่ตอบ พยายามจะคว้ากล่องอาหารคืน แต่เขาที่สูงมากกว่ายกกล่องอาหารขึ้นเหนือศีรษะ หล่อนจึงกลายเป็นคนแคระที่พยายามจะสอยแอปเปิ้ลไปโดยปริยาย
“เอาคืนมานะ ไอ้คนบ้า”
“ตอบมา จะเอาไปกินข้างนอกใช่ไหม”
“ไม่ใช่ ฉันจะกินในนี้ จะเอาไปนอนกินบนเตียง และก็เล่นมือถือไปด้วย ชัดไหม”
เขาหัวเราะออกมา แต่แววตาของเขากลับลุกเป็นไฟ “ชัดครับ ชัดมากๆ เลย”
“งั้นก็เอาคืนมาสิ”
หล่อนคิดว่าเขาจะคืน แต่เขากลับโยนออกไปนอกหน้าต่างแทน หล่อนรีบถลาไปเกาะขอบหน้าต่าง มองเห็นกล่องอาหารลอยละลิ่วตกลงไป ก่อนจะแตกกระจายอยู่ที่พื้นดิน
น้ำตาแห่งความโมโหทะลักออกมา และหล่อนก็หันกลับมามองเขาด้วยสายตาจะกินเลือดจะกินเนื้อ เขาไหวไหล่น้อยๆ อย่างไม่แยแส และจะเดินไป แต่หล่อนพุ่งเข้าหา และทุบเขาเต็มแรง
“ไอ้บ้า! แกกล้าทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง ไอ้คนเลว ไอ้ทุเรศ ไอ้คนเถื่อน!”
เอกกวีไม่อยากจะได้ชื่อว่ารังแกผู้หญิง แต่มือเล็กของฟ้าลดาหนักเอาการเลยทีเดียว เขาจึงต้องรวบแขนทั้งสองข้างเอาไว้ และตวาดลั่น
“หยุดบ้าได้แล้ว!”
“ทำไมฉันต้องหยุด ในเมื่อนายทำลายอาหารของฉัน”
“นั่นเพราะคุณดื้อกับผมเอง”
เขาผลักหล่อนออกห่าง พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้สุดกำลัง เนื้อตัวของเจ้าหล่อนนุ่มนิ่ม และหอมกรุ่นเหลือเกิน
“แล้วทำไมฉันจะดื้อกับนายไม่ได้ ไอ้คนเฮงซวย”
“ก็เพราะผมจะเป็นเจ้านายคุณนับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปยังไงล่ะ”
“ว่าไงนะ!”
เขายิ้มเลือดเย็น ดวงตาเป็นประกายคมกล้า
“นี่มันคือความต้องการของคุณพ่อของคุณหนู ฟ้าลดา”
หล่อนเม้มปากแน่น ความอวดดียังอัดแน่นเต็มร่างกาย
“ฝันไปเถอะว่าฉันจะยอมให้นายกดขี่ข่มเหงได้ง่ายๆ คนอย่างคุณหนูฟ้าลดาไม่เคยยอมใครหน้าไหนอยู่แล้ว”
เขาไหวไหล่กว้าง และเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเบ้หน้าเมื่อเห็นมีแต่เสื้อผ้าของฟ้าลดาเต็มตู้
“ผมจะแบ่งที่ให้คุณครึ่งหนึ่ง ดังนั้นมาขนของที่เหลือออกไปซะ”
หล่อนเชิดหน้า ทำเป็นไม่สนใจ และเดินกลับไปนั่งบนเตียงอีกครั้ง
“ผมบอกคุณแล้วนะ ฟ้าลดา”
“ใช่ นายบอกแล้ว แต่ฉันไม่ทำตาม มีอะไรหรือเปล่า”
หล่อนคิดว่าที่เขานิ่งเงียบไปเพราะยอมแพ้ แต่ที่ไหนได้ เขาคว้าเสื้อผ้าราคาแพงระยับออกมาจากตู้ และเดินไปเหวี่ยงทิ้งนอกหน้าต่าง
“ไอ้... บ้า!”
หล่อนรีบถลาไปที่ขอบหน้าต่าง เสื้อผ้าสวยๆ ลงไปนอนกองรวมอยู่กับเศษอาหารที่ร่วงลงไปก่อนหน้า มองด้วยความเสียดายเป็นที่สุด
“นาย... กล้าดียังไงมาทำแบบนี้”
“ผมเตือนคุณแล้วนี่”
เขายิ้มเยาะ พลางก้มลงเปิดลิ้นชัก
“จีสติงของคุณด้วยเอาไปเก็บไว้ที่อื่น ผมให้คุณแค่ลิ้นชักเดียว”
“อย่าเอามือสกปรกของนายมาแตะต้องของๆ ฉันนะ”
“หึ คิดว่าผมอยากแตะต้องนักหรือไง มาขนออกไปให้หมด หรือไม่ก็รอดูมันตกลงไปที่พื้นดินเหมือนเสื้อผ้าของคุณ”
เขาสบตาหล่อน และเต็มไปด้วยความจริงจัง หล่อนเกลียด เกลียดผู้ชายคนนี้ที่สุด
“ไอ้... ไอ้บ้า!”
หล่อนกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ แต่ก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนอีก เพราะเกรงว่าจีสติงและบราเซียร์จะหล่นลงไปกองกับพื้นอีกอย่าง
เอกกวียืนกอดอกมองฟ้าลดาขนจีสติงจำนวนกว่าร้อยตัวออกไปจากลิ้นชักด้วยความเอือมระอาใจ
“อย่าลืมบราของคุณด้วย”
หล่อนหันไปตวาดแว๊ดใส่ทันที “ฉันรู้แล้วยะ ไม่ต้องมาย้ำหรอก”
ฟ้าลดาเดินกระฟัดกระเฟียดหอบจีสติงและบราเซียร์กลับไปหยัดใส่กระเป๋าเดินทางของตัวเองอย่างขัดอกขัดใจเป็นที่สุด
คอยดูเถอะ พรุ่งนี้หล่อนจะต้องฟ้องบิดา จะให้บิดามาเล่นงานไอ้คนนิสัยป่าเถื่อนอย่างนายนี่ให้ได้ คอยดูสิ
“พอใจแล้วใช่ไหมยะ”
หล่อนรูดซิปกระเป๋าเดินทางเสร็จ ก็หันมาจ้องเขาตาเขียวปั๊ด
“ยัง”
“ว่าไงนะ?”
“ผมคงจะพอใจมากกว่านี้ ถ้าคุณเปลี่ยนลายผ้าปูเตียง”
“ฝันไปเถอะยะ ฉันชอบคิตตี้ ฉันจะนอนบนผ้าปูที่นอนลายคิตตี้แสนสวย ส่วนนาย... นอนกับพื้นไปเลย”
“ฝันไปเถอะครับ”
“นี่นายหมายความว่ายังไงยะ”
หล่อนมองเขาด้วยความหวาดระแวง แม้ตานี่จะหล่อน่าปล้ำแค่ไหน แต่เขาก็ป่าเถื่อนเกินกว่าที่หล่อนจะลุ่มหลงได้
“เตียงก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง”
“ไม่นะ!”
เขาหัวเราะร่วน “คนอย่างผม ถึงจะเป็นแค่ชาวไร่ชาวนาเป็นกรรมกรในสายตาของคนเมืองอย่างคุณ แต่ผมก็ไม่เคยยอมให้ใครเอาเปรียบ”
หล่อนได้แต่อ้าปากพะงาบตกใจ นี่ไอ้บ้าคนนี้จะขึ้นมานอนบนเตียงเดียวกับหล่อนอย่างนั้นเหรอ
“เป็นตายยังไงฉันก็ไม่มีวันยอมนอนร่วมเตียงกับนายหรอก”
“งั้นก็ดีครับ เชิญคุณนอนกับพื้นตามสบาย”
“ไอ้...”
หล่อนพยายามคิดคำด่า แต่คิดไม่ออก ทำได้แค่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงเท่านั้น
เอกกวียิ้มเยาะ พลางถอดแจ็คเกต และดึงเสื้อยืดสีขาวออกทางศีรษะ โชว์แผงอกกว้างที่เต็มไปด้วยเส้นขน หล่อนมองตาโต ก่อนจะรีบสลัดหัว และกลบเกลื่อนด้วยการด่าทอ
“นี่อย่ามาแก้ผ้าต่อหน้าฉันนะ”
“ปกติผมอยู่ในห้องก็มักจะทำแบบนี้”
“แต่ตอนนี้ฉันอยู่ด้วย นายจะต้องทำตัวสุภาพ ห้ามแก้ผ้าเรี่ยราดแบบนี้เข้าใจไหม”
เขาหัวเราะ และเดินเข้ามาหา หัวใจสาวเต้นแรงระรัวจนแทบจะทะลุออกมานอกอก เมื่อคนที่เปลือยเปล่าท่อนบนมาหยุดตรงหน้า ผิวสีแทนน้ำผึ้ง เรียบตึง และเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ เส้นขนสีเข้มหยิกคอดขึ้นยุบยับเต็มไปหมด โอ้... ตายแล้ว ทำไมหล่อนถึงได้รู้สึกพอใจแบบนี้ล่ะ ไม่... ไม่... หล่อนจะไม่รู้สึกอะไร ไอ้หมอนี่ป่าเถื่อนจะตาย
“ไม่เข้าใจครับ”
ว่าแล้วพ่อเจ้าประคุณก็สลัดกางเกงยีนส์ออกจากตัว หล่อนรีบยกมือขึ้นปิดตาทันที และกรีดร้อง
“ไอ้บ้า! ไปแก้ผ้าในห้องน้ำนู้น ไปสิ”
เอกกวีหัวเราะร่วน “ถ้าอยากอยู่ในห้องนี้ คุณก็ต้องรับพฤติกรรมของผมให้ได้”
หล่อนหรี่ตามองผ่านร่องนิ้ว และพอเห็นเขาอยู่ที่เดิมก็หลับตาลงอีกครั้ง
“นี่อย่าบอกนะว่านายจะแก้ผ้าแบบนี้ทุกคืน”
“ผมแก้ผ้านอนทุกคืนอยู่แล้ว”
“ไม่นะ ห้ามทำเด็ดขาด”
“แต่ที่เด็ดกว่านั้นก็คือ ผมมักจะช่วยตัวเองช่วงก่อนที่จะหลับด้วย อาทิตย์หนึ่งก็สักสี่ห้าวันนั่นแหละ อ้อ ลืมบอกไป ผมครางด้วยนะตอนใกล้จะเสร็จน่ะ”
คนตัวเล็กหน้าแดงก่ำ ลดมือลงจากใบหน้าอย่างลืมตัว
“ไอ้คนลามก!”
“อ้อ แล้วอีกอย่างผมเป็นคนหื่นกามด้วยนะจะบอกให้”
หล่อนสั่นเทา แต่ก็พยายามควบคุมตัวเอง ตอนนี้สั่งให้สายตามองแต่ด้านบน ไม่มองลงล่างเลย เพราะรู้ดีว่าถ้ามองลงล่างแล้วจะเห็นอะไร
“ก็ลองมาทำอะไรฉันดูสิ ฉันฆ่านายแน่”
เอกกวีหัวเราะสะใจ เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของหญิงสาว
“ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ คืนนี้ผมอาจจะกินตับคุณจนไม่เหลือก็ได้”
เขาพูดจบก็หมุนตัวเดินผิวปากเข้าไปในห้องน้ำ ในขณะที่หล่อนกำลังนั่งหน้าซีดสลับแดงอยู่บนเตียง
“ไอ้... ไอ้คนลามก ไอ้คนบ้า!”