วันต่อมาฮาร์ดินตื่นเช้าตามปรกติของคนนอนน้อยมากพร้อมกับสั่งอาหารมารอเรียบร้อยแล้วเหลือแค่ปลุกเธอให้ตื่นเท่านั้นนั้นเอง ตอนนี้ก็เช้ามากเกินไปสำหรับคนป่วยเพราะพึ่งจะหกโมงเช้าซึ่งนี่เป็นเวลาที่เขามักจะออกกำลังกายเสมอเพื่อความแข็งแรงเตรียมร่างกายให้พร้อมบุกพร้อมลุยหากมีงานด่วนและเพนท์เฮ้าส์นี้มีทุกอย่างที่เขาต้องการไม่จำเป็นต้องไปฟิตเนสเหมือนคนทั่วไปให้วุ่นวาย
“เช้านี้มีความหมายดีจัง” เขาอดจะหอมแก้มเธอไม่ได้เลยมันเหมือนกับว่ามีแรงดึงดูดรุนแรงสักอย่างที่แผ่ออกมาตลอดเวลาแม้แต่ตัวเขายังไม่สามารถจะต้านทานได้
“อืม...เช้าแล้วเหรอ?” น้ำเสียงงัวเงียเอ่ยถามขณะซุกตัวเข้าผ้าห่มแสนอุ่น
“นอนต่อก็ได้อีกเดี๋ยวค่อยตื่น” วันนี้เธอมีเรียนเก้าโมงเช้ากว่าจะเลิกก็ประมาณห้าโมงเย็นเขาจะไปรับไปส่งเธอเองให้มั่นใจว่าไม่มีใครมายุ่งกับคนของเขาอีก
“ค่ะ” เธอบอกแค่นั้นก็หลับไป
“หลับง่ายจริงๆเลยนะ”
เวลาแปดโมงห้าสิบนาทีรถสปอตคันหรูราคานับห้าสิบกว่าล้านขับเข้ามาภายในมหาวิทยาลัยเอกชนเรียกสายตานักศึกษาหลายคนให้มองก่อนจะมาจอดด้วยซ้ำ
เวย์หันไปมองคนที่หน้านิ่งมากไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาดีมันแปลกๆที่มีคนมาส่งแบบนี้เมื่อคืนเรานอนเตียงเดียวกันด้วย
“ตั้งใจเรียน” ฮาร์ดินหันมาพูดสั้นๆ
“ค่ะ เย็นนี้หนูกลับหอนะ” เธอจำเป็นต้องบอกเพราะเดาไม่ถูกว่าเขาจะว่าอะไรรึเปล่า
“พี่ไม่ให้กลับจนกว่าแผลจะหายอักเสบไข้เราจะลดถึงจะให้อยู่หอพัก” เขาไม่ยอมอยู่แล้วเพราะถ้าให้เธอไปเขาก็ต้องอยู่ด้วยเพราะความเป็นห่วงจนทนห่างไม่ไหวและหากว่าเขาหงุดหงิดมันต้องหาที่ระบายออกมาผ่านความรุนแรง
“แต่ว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” นี่คือเรื่องจริงที่สุดที่เขาไม่ยอมรับกับเธอสักที
“เวย์เป็นเมียพี่นะ แล้วอย่าคิดหนีอีกครั้งเพราะว่าพี่ใจดีไม่เก่ง” เขาจับมือเธอเอาไว้ก่อนจะบอกและเปิดประตูให้เธอลงไปแค่นั้น
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” เธอปิดประตูรถแล้วยืนมองรถที่ขับออกไปไม่เร็วมากเพราะอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยจนลับสายตาแล้วถึงเดินเข้าไปในตึกที่เรียน
ความรู้สึกโล่งนี้มันคืออะไร?
หลายคนมองเธอด้วยสายตาแปลกๆสาเหตุคงมาจากรถที่เธอนั่งมาเมื่อเช้านี้ละมั้งจนมาถึงช่วงบ่ายที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปรกติ เธอฟังอาจารย์สอนสลับกับการมองนาฬิกาข้อมือไปด้วย เธอคิดถึงพี่ดินแต่ไม่กล้าจะโทรไปรบกวนและเธอไม่มั่นใจว่ารู้สึกอะไรกับเขากันแน่
ฮาร์ดินขับรถมาออฟฟิศตามปรกติของคนว่างงานมากเกินไปตั้งแต่จัดการงานล่าสุดจบแบบสวยงามและตอนนี้เขาโคตรว่างมันเลยน่าเบื่อมากแต่พ่อก็สั่งให้อยู่เฉยๆแทนออกไปจับปืนฆ่าใครสักคนคงจะอยากให้พักบ้างเพราะในบรรดาพวกเราคือคนที่ทำงานตลอดเวลาไม่หยุดพักไม่เคยผ่อนคลายตัวเองและไม่เคยปล่อยให้ตัวเองมีเวลาว่างเกินอาทิตย์ด้วยซ้ำ
ตอนนี้พ่อให้บริหารงานอื่นที่ห่างจากลูกปืนแล้วให้ไอ้แคชไปทำงานอื่นซึ่งทำเสร็จเรียบร้อยตอนนี้คงไปรอรับเด็กของมันแล้วแหละ เขาเห็นว่ามันรักของมันมานานแล้วก็ยังทำเรื่องโง่ๆมาหลายครั้งเพียงเพราะคำว่ารัก
ไอ้โทนี่ไปเที่ยวภาคเหนือกับเมียเพราะว่าเมียอยากไปแค่นั้นเองเเต่มันไม่เคยยอมรับว่ารักทั้งที่เขากับไอ้แคชดูออกว่ามันรักเมียมากขนาดไหน ตอนนี้เหลือแค่ความรู้สึกของเขาที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่เพราะว่าไม่สามารถหยุดคิดถึงเวย์ได้เลยทั้งที่เมื่อก็นอนกอดแนบแน่นไม่ปล่อยให้หลุดออกจากอ้อมแขน
บางทีนี่คงเป็นบทเรียนที่ยากที่สุดในชีวิตแล้วก็ได้
รับมือกับความรู้สึกบิดเบี้ยวไม่ใช่เรื่องง่าย!
“นายครับป้ายทะเบียนรถมันเป็นของปลอม” วินเดินเข้ามาแต่บอกไม่ถูกว่าสายตาแข็งกระด้างนั้นพอใจรึเปล่า
“อืม ส่งคนตามเวย์ห่างๆแล้วก็ตามไอ้คนที่มันกล้าใส่ร้ายกูด้วย” เขาบอกเรียบๆในขณะที่มือกำลังกดแป้นพิมพ์ดูงานที่มีคนส่งอีเมลมาแต่ว่าเหมือนเป็นงานหลอกมากกว่า
แบล็คอายมีศัตรูเยอะมากแม้ว่าจะไม่ได้ไประรานใครแต่ถ้ามีคนมาหาเรื่องก็ไม่พลาดที่จะจัดให้สมอยากของมันเหมือนอย่างตอนนี้ที่มีคนมาหาเรื่องให้เขาเพิ่ม
“เราตรวจกล้องวงจรปิดที่หอแล้วครับ”
“แล้ว?”
“มีคนพยายามทำให้น้องเวย์กลัวแล้วยังแอบเข้าห้องน้องเวย์ด้วย ผมว่ามันต้องการให้น้องเวย์หวาดระแวงนายมากกว่าจะทำอะไรรุนแรง มันน่าจะใช้น้องเวย์เป็นเครื่องมือทำอะไรสักอย่าง” วินรายงานเพิ่มแล้วส่งภาพจากกล้องวงจรปิดให้
“โอเค สืบต่อไปฉันว่ามันต้องมีจุดประสงค์มากกว่านั้นแน่” มันต้องการใช้เวย์เป็นเครื่องมือแน่นอนอยู่เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ตรงดิ่งไปที่เธอขนาดนั้นหรือถ้าจะฆ่าจริงก็ง่ายมากสำหรับเด็กขี้กลัวไม่มีพิษภัย ปรกติเขาก็ชอบเล่นเกมด้วยสิแล้วนี่คงเป็นเกมระหว่างเขากับใครสักคนที่เดินพันด้วยชีวิตอีกครั้ง
“ครับนาย”
ถึงเวลาเลิกเรียนเวย์นั่งเล่นกับเพื่อนต่างคณะที่บังเอิญเอากีต้าร์มาด้วยเลยร้องเพลงกันสนุกเฉยๆในที่ระหว่างรอคนมารับทั้งที่น่าจะรีบกลับหอแต่นั่นเพราะเธอรู้ว่าเขาคงตามไปที่หอแน่นอนเลยอยู่ตรงนี้ดีกว่า
“เวย์เมื่อเช้าใครวะ?” เอ็มเดินมานั่งข้างส่งน้ำอัดลมให้แล้วถามด้วยความสงสัย
“ไม่บอก ได้ข่าวว่ากุ๊กไก่ขอไลน์เอ็มเหรอ?” เธอหันกลับไปถามแล้วเหมือนว่าบังเอิญที่เอ็มมองเธออยู่แล้วใกล้มากจนจมูกแทบชนกัน
“อืม หึงเหรอ?” เอ็มยักคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วเอียงคอมองเวย์ใกล้มากขึ้นด้วยแววตาแพรวพราวตั้งใจหว่านเสน่ห์
“หึงไรเป็นเพื่อนกันเว้ย!” เธอตอบชัดเจนแบบนี้ทุกครั้งไม่ว่าจะพี่วีหรือเอ็มแต่กับบางคนเธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงจะเข้าใจสักทีความรู้สึกตอนนี้สักที
“แล้วเป็นมากกว่าเพื่อนไม่ได้เหรอ?” เอ็มก้มหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้น
“เล่นบ้าๆอีกแล้ว! เพื่อนคือเพื่อนเว้ย!” เธอดันหน้าเอ็มออกแต่ก่อนที่ทุกคนจะสนใจมากกว่านี้หูก็แว่วได้เสียงรถแล่นด้วยความเร็วเข้ามาจอดใกล้ๆจนน่ากลัว
เอี๊ยด...
ฮาร์ดินเดินลงจากรถไปหาเมียทันทีและเมื่อกี้เขาเห็นนะว่ามีคนพยายามจะจีบเธออีกแล้วซึ่งเขาไม่ยอมแน่นอน
“เวย์ขึ้นรถ” เขาบอกแต่ไม่มองหน้าเธอเพราะจุดสนใจเขาคือไอ้หัวทองข้างๆเธอต่างหากละ
“ค่ะ งั้นกลับก่อนนะเอ็ม” เขาทำเสียงดุมากมองเธอตาขว้างอีกแล้วใครจะกล้าขัดละ
“มันเป็นใคร?” เขาถามเสียงแข็งแต่ว่าเธอไม่ตอบขึ้นรถไปเฉยเลย
เขาหันกลับไปมองเด็กกลุ่มนั้นอีกครั้งแล้วจ้องมองไอ้หัวทองเป็นพิเศษเพื่อเตือนให้รู้ว่าเวย์เป็นคนของใครแล้วเดินขึ้นรถไป ไอ้นี่มันสนใจเวย์แค่มองตาเขารู้และจะตัดความหวังมันไม่ให้เหลือซากเลยคอยดูสิ
อะไรที่เป็นของเขาใครก็ห้ามมายุ่ง!
“พี่ถามว่ามันเป็นใคร?” เขาถามเธออีกครั้งแต่ว่าเธอกลับถอนหายใจแทนคำตอบ
“เพื่อนค่ะ พี่ดินมีอะไรรึเปล่า?” แสดงว่าเขาเห็นตอนเอ็มแกล้งเธอสินะเลยอารมณ์ไม่ดี หรือว่าเขากำลังหวงเธองั้นเหรอถึงได้ดุขนาดนี้
“เพื่อน! พี่ไม่โง่นะ!!” เขาแค่นเสียงอย่างตลกทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องตลกสักนิด
“ใช่ค่ะ แล้วพี่จะหัวร้อนทำไม?” น้ำเสียงเขามันชัดเจนอยู่แล้วว่ากำลังไม่พอใจอย่างมาก
“เพราะมันอยากได้เมียพี่ไง!!” เขาตะคอกเสียงดังอยากจะจอดคุยแต่นี่มันทางด่วนจอดไม่ได้
“เฮ้อ…หนูว่าเราต้องหาอะไรทำให้พี่หายหัวร้อนแล้วแหละไม่งั้นคงได้ทะเลาะกับด้วยเรื่องไร้สาระแน่” เขาคิดว่าเธอเป็นเมียอย่างเดียวเลยทั้งที่ยังไม่ได้กันซะหน่อยแต่เขาก็ล่วงเกินเธอไปด้วยนี่ เธอไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแบบนี้จะเรียกว่าอะไรแต่มันต้องไม่ใช่แค่ความรักแน่ๆ
ในตอนนี้เหมือนเธอกำลังเดินเข้าหากองไฟเพื่อที่จะกระโดดลงไประเริงในความร้อนแรงของมันแล้ถูกแผดเผาให้มอดไหม้จนตายไปแค่นั้น เธอยังแทบไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำในขณะที่เขารู้จักเธอหมดทุกอย่าง
ต้องทำยังไงจะหนีจากเขาได้นะ!