ชายหนุ่มผู้ตื่นเพราะฝันร้ายเอื้อมมือไปปิดประตู ก่อนจะก้าวขายาวๆ มายืนอยู่บริเวณหน้าต่าง สายตาเฉียบคมดังพญาเหยี่ยวกวาดมองรอบๆ บริเวณข้างหน้าที่ยังมืดมิด ทว่า...ถ้าไม่ตาฝาดตาฟางเพลิงอัคคีคิดว่าเห็นสิ่งหนึ่งบินอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
“นกอินทรี...” เสียงพึมพำราวกับละเมอ
แต่มันก็หายไปเหลือเพียงพระจันทร์ที่ลอยเด่น มือหนาขยี้ตาตัวเองแล้วจับจ้องอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
“ตาฝาด...” ชายหนุ่มเอ่ยกับตัวเอง
ก่อนจะหวนนึกถึงนกอินทรีในความฝันที่คุณพ่อเคยบอกว่าชื่อเหยี่ยวเวหา เป็นสัตว์พิทักษ์ของมีค่าที่ไม่สามารถตีตราเป็นเงินได้ และชายหนุ่มก็รู้ว่าคุณแม่เนยครอบครองอยู่หนึ่งชนิดทุกคนเรียกว่า ‘หัวใจอินทรี’ แต่คุณปู่ทวดเคยเล่าให้คุณพ่อฟังว่ายังมีอีกสองอย่างที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดและใครจะเป็นคนครอบครอง
“หรือว่า...ที่เราเห็นจะเป็นเหยี่ยวเวหา”
ปี๊ดดดดดดดด เสียงที่ตอบกลับมาในห้วงความคิดนั้น เรียกความตกใจจนเพลิงอัคคีต้องหันมามองรอบๆ กายอีกครั้ง แต่ทุกอย่างก็ว่างเปล่า ร่างสูงใหญ่เลยผละจากหน้าต่างของห้อง ตรงดิ่งไปยังโต๊ะเล็กใกล้ๆ เตียง เอื้อมหยิบกรอบรูปคุณปู่ทวดมาถือไว้ในมือ
“ปู่ทวดครับ...หรือว่าปู่ทวดยังห่วงเรื่องของสองสิ่งนั้นอยู่” เหลนชายเอ่ยกับใบหน้าชราที่ปรากฏในกรอบรูปราคาแพง ราวกับคุยกับปู่ทวดอินทร์ที่มีชีวิตจริงๆ
“ผมสัญญาว่าจะตามหาให้พบครับ”
เพลิงอัคคีก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเอื้อนเอ่ยออกไปอย่างนั้น ประหลาดเหลือเกินชั่ววินาที ลมเย็นก็พัดพามาจนขนอ่อนสีน้ำตาลตั้งชัน ชายหนุ่มยิ้มถ้าหากว่าปู่ทวดต้องการอย่างนั้น เขาก็จะทำให้สำเร็จ
นั่งคิดอะไรต่อมิอะไรหลายอย่างจนตอนนี้เวลารุ่งสางก็เคลื่อนมาเยือน น้ำค้างใสๆ ยังติดอยู่บนยอดหญ้า คนนอนไม่หลับก็เลยตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ วิ่งออกกำลังกายบริเวณสวนหย่อมหน้าบ้านเรียกเม็ดเหงื่อและบริหารร่างกายให้แข็งแรงนับชั่วโมงเต็มก่อนจะเห็นพระอาทิตย์เปล่งแสงสว่างเคลื่อนทางทิศอุทัย
“เฟนย์ ตื่นแต่เช้าเชียวลูก” เสียงคุณย่าแพรวอ่อนหวานเพราะพริ้งเสมอ
“นอนไม่หลับครับคุณย่า” หลานชายตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างๆ ที่เกลื่อนบนใบห้า
“ตายแล้ว หลานย่าเป็นอะไร นอนไม่หลับอีกแล้วเหรอลูก”
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับคุณย่า สงสัยคิดถึงสาวๆ ที่ต่างประเทศ” สิ้นเสียงทุ้มคนเป็นย่าค้อนขวับ ถึงอยากจะมีเหลนมากมายขนาดไหน แม่เลี้ยงแพรวพัตราก็ไม่ปลื้มหลานสะใภ้ที่เป็นแหม่มผมทอง
“หลานทำงานหนักมากไปรึเปล่า ย่าว่าประเดี๋ยวย่าจะไปตามตาฟิวส์มาช่วยทำงาน เจ้าหลานคนนี้หนีย่าไปอยู่เรือนไม้ไม่ยอมกลับมาจะเป็นเดือนอยู่แล้ว พอย่าไปหาบ้านก็เงียบกริบ ถ้าเจอตัวนะย่าจะพามาขังไว้ไม่ให้ออกไปไหนอีกเลย”
“ย่าครับ...อีกไม่นานนายฟิวส์ก็กลับมาแล้ว ย่าแพรวของเฟนย์คิดถึงหลานคนเล็กใช่ไหมครับ”
หลานชายวาดท่อนแขนล่ำสันมาโอบกอดเอวที่เริ่มอวบๆ ของคนเป็นย่าแล้วยิ้มแป้นอยู่อย่างนั้น ส่วนแม่เลี้ยงแพรวพัตราที่ถูกหลานรักรู้ทันก็ได้แต่ค้อนให้วงใหญ่
“ก็ย่าคิดถึงตาฟิวส์” น้ำเสียงนั้นช่างเรียกรอยยิ้มทะเล้นหน้าเป็นจากเพลิงอัคคี
“ย่าไม่คิดถึงเฟนย์เหรือครับ”
“ย่าคิดถึงทั้งเฟนย์คิดถึงทั้งฟิวส์นั่นแหละก็มีหลานชายกับเขาสองคน อ้อยังมีอีกหนึ่งนายเก่งกล้าตัวดี หรือว่าเฟนย์จะมีเหลนให้ย่า...”
“เอ่อ...ย่าครับผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
คนเป็นย่ายังเอ่ยไม่ทันจบหลานรักสุดสวาทก็ชิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว แม่เลี้ยงแพรวพัตราได้แต่ส่ายหน้า พอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรหลานรักก็หนีไปซึ่งๆ หน้าอย่างนี้ทุกครั้ง รวมทั้งเจ้าหลานคนเล็กตัวดีนั่นก็เช่นกัน ถามถึงแฟนหรือหญิงที่ถูกใจเพียงครั้งเดียว หนีอุตลุดไปกบดานอยู่เรือนไม้สักโน่น
คนเป็นย่าที่เริ่มแก่ชราก็แค่อยากจะมีเจ้าตัวน้อยไว้วิ่งเล่นให้ชื่นหัวใจ ดูหลานรักทั้งสองคนช่างไม่ได้ดั่งใจเลยสักนิด แม่เลี้ยงแพรวพัตราได้แต่มองตามแผ่นหลังของหลานคนโตที่เห็นเดินลิ่วๆ มุ่งหน้าเข้าไปในเรือนอภิศิรานนท์ด้วยความหวัง หวังว่าจะทันได้อุ้มเหลนตัวน้อยก่อนจะลาโลกไป
“เฮ้อ...สองคนนี้จะมีเหลนให้ฉันไหมนี่”
ท่านบ่นเบาๆ ทำให้คนมาใหม่ต้องหยุดชะงัก ใบหน้านวลงามอมยิ้มอย่างชอบใจ
“คุณแม่อยากมีเหลนแล้วหรือคะ” เนย์ญรินทร์เอ่ยขึ้น
“อยากมีแล้วแม่เนย ลูกตาเฟนส์สักสามคน ลูกตาฟิวส์อีกสามคน ไร่ศิรานนท์ที่กว้างใหญ่ของเราก็คงจะครึกครื้นมากกว่านี้”
“เอาไว้เนยจะลองคุยกับลูกๆ ดูนะคะ แต่เนยยังไม่เคยได้ยินสองหนุ่มเล่าถึงสาวๆ ที่เจ้าตัวถูกใจเลยสักคน”
“แม่หาให้ดีไหมเนย...ลูกสาวท่านปลัดก็สวยทั้งสองคนเลยนะ หนูมัสยากับหนูมีนมีนา น่ารักไม่หยอกนะลูก”
แม่เลี้ยงแพรวพัตราอมยิ้มหน้าบานเมื่อหมายมั่นปั้นมือหาหลานสะใภ้ ส่วนคนเป็นแม่อย่างเนย์ญรินทร์ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ เพราะว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกและคนแรก สำหรับการจัดหาเนื้อคู่ตุนาหงัน
“คุณแม่จำฤทธิ์เดชของสองหนุ่มไม่ได้แล้วหรือคะ”
เท่านั้นแหละจากที่ยิ้มหน้าบานหุบฉับเร็วทันใจ ทำไมคนเป็นย่าจะจำไม่ได้ก็หมาดๆ เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา บุตรสาวของร้านทองและร้านเพชรในเมืองวิ่งหอบรองเท้าวิ่งออกจากไร่ไปแทบไม่ทันเมื่อเจอฤทธิ์ของสองหนุ่ม
“นั่นสิ แม่ก็ลืมไปเสียสนิท”
“เนยเชื่อว่าอีกไม่นานหรอกค่ะ คู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกัน”
“จ้า เข้าบ้านกันดีกว่านะลูก ต้องไปดูแม่ลำไยสักหน่อย เดี๋ยวอาหารเช้าจะเสร็จช้าหนุ่มๆ เขาจะบ่นหิว”
แม่เลี้ยงแพรวพัตราโอบเอวลูกสะใภ้ก้าวเข้าบ้าน แต่ในห้วงของความคิดก็ยังหมายมั่นว่าจะหาคู่ตุนาหงันให้หลานรักทั้งสองคนจนได้ นางเชื่อว่าต้องมีสักคนในแถบเมืองเหนือที่ถูกตาต้องใจหลานรักบ้าง และถ้าหากวันนั้นมาถึงนางก็จะมีเจ้าตัวเล็กเอื้อนเอ่ยเรียกขานว่า ‘ย่าทวด’ สมใจ