ตอนที่ 6
“ตำรวจให้คุณเข้าพบน้องชายแล้ว คุณอยากจะถามอะไรเขาก็ได้ แต่คุณต้องเข้าใจว่าตำรวจมีหลักฐานแน่นเพียงพอที่จะจับเขาได้” ชายหนุ่มจ้องเธอเขม็ง ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นจะปิดลง โทษของยาเสพติดมันหนักเหลือเกิน นี่ก็เป็นอีกความกลัวหนึ่งของเธอ
“ฉันเข้าใจค่ะ” เธอกระซิบ ทั้งสองถูกพาเข้าไปยังห้องทำงานเล็กๆ และระหว่างที่เพชรกำลังรอพี่สาวอยู่ พลอยนภัสก็หมุนแหวนที่สวมอยู่ตรงนิ้วกลางไปมา นี่เป็นแหวนที่คุณพ่อมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่ออายุครบสิบห้า เธอมักจะเรียกมันว่าแหวนนำโชค และตอนนี้เธอหมุนมันเล่น สวดมนต์ขอให้โชคช่วย
ในที่สุด ประตูห้องก็เปิดออก สารวัตรก้าวเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่ม พลอยนภัสตกใจแทบสิ้นสติที่เห็นเขาถูกล็อกกุญแจมือ แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกไป สารวัตรผู้นั้นก็ไขกุญแจมือให้กับเด็กผู้นั้น แล้วดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาให้เขา เพชรโผเผนั่งลงบนเก้าอี้ เด็กชายคอตกก้มหน้าลงมองพื้น
“เพชร” หญิงสาวเรียกชื่อเขาเบาๆ เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่อย่างน้อยที่สุด เธอก็ได้เห็นหน้าของเขาแล้ว น้องชายเธอกำลังร้องไห้ แก้มของเขาเลอะไปด้วยน้ำตา จมูกแดงก่ำ
“พี่พลอยครับ..” เขาเรียกชื่อเธอตะกุกตะกัก หัวใจของเธอหล่นวูบ การที่ได้เห็นน้องชายในสภาพนี้ ทำให้หญิงสาวหัวใจสลาย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรจะพูดอะไรในเวลานี้ ก่อนที่พ่อจะเสีย เธอรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะดูแลเพชรเป็นอย่างดี ราวกับเขาอ่านใจเธอออก เด็กหนุ่มส่ายหน้า
“ผมไม่ได้ทำนะครับ พี่พลอย ผมสาบานว่าไม่ได้ทำ ไม่ใช่ผมครับ ไม่ใช่ผม” เธอเข้าไปปลอบน้องชาย เพราะเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยหรือเปล่า เธอไม่สามารถให้สัญญาอะไรกับน้องชายได้ทั้งนั้น
“ไม่ได้ทำ!! แล้วของกลางที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุล่ะ...”
“ไม่ใช่ผมของผมครับ” เด็กหนุ่มมองเธอ ดวงตาชื้นไปด้วยน้ำตา
“ผมแค่อยากช่วยพี่ หาเงินไปรักษาแม่ ผมรับจ้างขนกระเป๋า ผมขอโทษครับพี่พลอย” ปรเมศวร์มองพลอยนภัสกับเด็กชายผู้นั้นไปมา
“ใครเป็นคนจ้างเธอเพชร” ปรเมศวร์ถามขึ้น เพชรกัดกรามแน่น แต่นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ผมบอกคุณไม่ได้ครับ”
“ทำไมถึงบอกไม่ได้”
“ผมพูดไม่ได้ครับ” จากนั้นเขาก็ก้มหน้า ไหล่คู่นั้นค้อมลงอีกครั้ง พลอยนภัสโน้มตัวไปข้างหน้า
“เพชร ถ้าหากว่าเธอรู้ว่าใครจ้าง จะช่วยลดโทษได้นะ” พลอยนภัสพยายามตะล่อมถามน้องชาย
“ถ้าผมบอกพี่แล้ว พี่ก็จะต้องอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างจากผมหรอก” เพชรสะอื้นออกมาแรง ๆ เด็กหนุ่มก้มหน้าต่ำลงไปอีก น้ำตาหยดลงบนพื้นมากมาย
พลอยนภัสหายใจเข้าลึกๆ เธอพอจะเดาได้ว่าน้องชายหมายถึงใคร เสี่ยชัชต้องมาทวงหนี้แล้วให้น้องชายเธอทำงานใช้หนี้โดยการขนย***าเป็นแน่ เพราะเขารู้ก่อนเธออีกว่าเพชรโดนจับ หญิงสาวหันไปทางปรเมศวร์
“ฉันอยากคุยกับคุณค่ะ”
“ได้สิ”
ทั้งสองเดินออกไปนอกห้อง แล้วยืนกันที่โถงทางเดินแคบ ๆ เธอเล่าให้ปรเมศวร์ฟังทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องหนี้สินที่ทางครอบครัวของเธอที่ติดหนี้เสี่ยชัช พอเสี่ยชัชไม่ได้ตัวเธอจึงมุ่งเป้ามาที่น้องชายแทน โดยให้เพชรทำงานขนยาบ้า
“ฉันว่าเสี่ยชัชอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ค่ะ” เธอพูดด้วยความมั่นใจ
“แต่ทำไมเพชรไม่ยอมบอกละ ว่าเป็นเสี่ยชัช” ปรเมศวร์ถามพลาง เบิกตากว้าง
“คุณพอจะช่วยเรื่องนี้ได้มั้ยคะ ฉันสงสารน้อง ไม่อยากให้เพชรเสียอนาคตตั้งแต่เด็ก ๆ ”
ภาพของเพชรผุดขึ้นมาในมโนนึกของพลอยนภัส เธอมองเห็นใบหน้าที่ซีดเหมือนขี้เถ้าของน้องชาย น้ำตาไหลพรากหยดลงบนพื้นซีเมนต์ขณะ ก้มหน้าลงต่ำ
“ฉันจะลองยื่นประกันตัวเพชรดู แต่ไม่แน่ใจว่าตำรวจจะยอมให้ประกันตัวหรือเปล่านะ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอเชิดหน้าขึ้น
“แต่เรื่องโทษจะหนักหรือเบาก็ไปว่ากันที่ศาล” ปรเมศวร์ก้มลงมองพลอยนภัส ชายหนุ่มคิดว่ามันไม่ยากเลยอย่างน้อยเพชรก็เป็นเยาวชนโทษก็คงไม่รุนแรงมากนัก และยิ่งถูกบังคับด้วยแล้วโทษก็ยิ่งน้อยลงไปอีก
“หลานของฉันก็เสียพ่อกับแม่ของแกไปเหมือนกัน” เขาพูดออกมาด้วยความยากลำบาก
“มันไม่ยุติธรรมสำหรับเด็กที่จะต้องเสียพ่อแม่ไปเมื่ออายุยังน้อยๆ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว”
“ถ้าคุณจะบอกว่าให้ฉันช่วยเรื่องสอนพิเศษหลานคุณฉันยินดีช่วยค่ะ”
“ขอบคุณครับ..พลอย”
“แต่ถ้าหากว่าคุณทำอะไรสักอย่าง เปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง ทำให้มันยุติธรรม...” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างเป็นปริศนา แต่เขาก็พอนึกออกว่าเธอหมายถึงอะไร
“ฉันทำไม่ได้หรอก”
“คุณทำได้ค่ะ” เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นจับแขนของเขาด้วยอาการวิงวอน
“ได้โปรดเถอะค่ะ..คุณเมศวร์ คุณช่วยฉันแล้วก็ช่วยเพชรด้วย ช่วยให้เพชรได้รับอิสรภาพ”
“เธอกำลังขอปาฏิหาริย์อยู่นะ” เธอจับแขนของเขาแน่น
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็มอบปาฏิหาริย์ให้กับฉันสิคะ คุณเมศวร์ ถ้าหากว่าจะมีใครสักคนที่ทำได้ คนคนนั้นคือคุณค่ะ คุณทำได้ทุกอย่าง คุณทำได้เสมอมานี่คะ”
ปรเมศวร์ก้มลงมองใบหน้าที่สวยงามของอีกฝ่าย ลุ่มหลงในแก้มสีชมพูและริมฝีปากสีกุหลาบยามค่ำคืน อารมณ์ที่ปรากฏในดวงตาคู่นั้นบอกถึงความเมตตาสงสาร และเชื่อมั่นว่าเขาจะสามารถช่วยน้องชายของเธอได้
สายตาคู่นั้นบอกถึงความศรัทธามากมายที่เธอมีต่อเขา หญิงสาวมองเขาด้วยความไว้ใจที่สุดในโลก เธอมั่นใจว่าเขาจะแก้ไขสิ่งเหล่านี้ได้ทั้งหมด เขาจะต้องทำได้อย่างแน่นอน
ศรัทธาอันแรงกล้าของอีกฝ่ายทำให้เขาหายใจไม่ออก ไฟในตัวเธอทำให้เขาแน่นหน้าอกจนเจ็บ ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน นิรนาทไม่เคยมองเขาแบบนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถ” เขาพูดขึ้น แม้ว่าสมองกำลังทำงานอย่างหนักถึงความเป็นไปได้ที่จะปกป้อง เพชรน้องชายเธอให้พ้นไปจากเรื่องนี้ได้ มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ไม่ง่ายเอาเสียเลย เขารู้จักคนใหญ่คนโต เพียงแค่โทรศัพท์ไปคุยก็ได้แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นก็จัดการเลยค่ะ” เธอตอบคิ้วสีน้ำตาลเข้มขมวด
“มันเกินอำนาจของฉันที่จะทำได้” เขาตอบเหมือนกับจะซ่อนเล่ห์บางอย่างไว้จากพลอยนภัส ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ไร้เดียงสาหรือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ตรงกันข้าม พลอยนภัส อาจเรียกได้ว่าเป็นนักรบเสียด้วยซ้ำ