ตอนที่ 5
หญิงสาววางโทรศัพท์ลง จากนั้นก็ลุกเดินไปมาอยู่อย่างนั้นอาการเธอเหมือนคนกําลังคิดหนัก ก่อนจะเดินกลับมาหยิบโทรศัพท์ กดเบอร์เจ้าของโมเดลลิ่งอยู่หลายครั้งก็ลบทิ้ง เพราะเธอได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่กลับไปทํางานแบบนั้นอีก แต่เวลานี้ครอบครัวกําลังเดือดร้อน หลังจากที่เลิกกับปรเมศวร์ พลอยนภัสเสียใจแล้วก็พอดีกับแม่ของเธอป่วยหนัก เพื่อนจึงพาเธอไปรับงานเป็นพริตตี้ ในงานมอเตอร์โชว์ หลังจากนั้นเธอก็ทำงานนี้เรื่อยมา จนมีอยู่ครั้งหนึ่งที่โมเดลลิ่งรับงานโดยไม่ปรึกษาเธอ เธอจำใจไปงาน ๆ หนึ่งเป็นงานกินเลี้ยงของกลุ่มนักธุรกิจ โชคดีว่าตอนเกิดเหตุร้าย ๆ ขึ้น เพื่อนเธอไปช่วยไว้ทัน ไม่งั้นเธอคงเสร็จพวกหื่นกาม จากนั้นพลอยนภัสเลยเลิกติดต่อกับโมเดลลิ่งรายนี้ และไม่ทำงานแบบนี้อีกเลย
‘จะเอาไงดี’ หญิงสาวลุกเดินไปมาหน้าตาเคร่งเครียด แล้วตัดสินใจโทรกลับไปหาป้า เพื่อให้ท่านเจรจากับโรงพยาบาลว่าขอเวลาสักระยะ
“จะใครโทรหาเหรอ ดูสีหน้าเธอเครียดจัง” ปรเมศวร์ถามขึ้น
“ฉันอยากให้ป้าไปเจรจากับทางโรงพยาบาลว่าให้ เวลาอีกหน่อย ตอนนี้ฉันหาเงินไม่ได้จริงๆ”
“เขาไม่ยอมเจรจาหรอก เธอรับข้อเสนอฉันเถอะ เรื่องจะได้จบ ๆ ไป!”
“ฉันถามตรง ๆ นะ ถ้าคุณให้เงินฉันยืม แล้วฉันยังไม่มีให้คืน ฉันต้องนอนกับคุณหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นฉันขอไม่รับ”
“ฉันไม่ได้ต้องการเพียงแค่เช็กซ์จากเธอ ถ้าฉันต้องการแค่นั้นฉันซื้อเอาไม่ดีกว่าเหรอ แต่ฉันต้องการความรักจากเธอ......... พลอยนภัส”
“แล้วถ้าฉันไม่ได้เหลือความรักให้คุณล่ะ ฉันรักคนที่มีภรรยาแล้วไม่ได้หรอก มันผิดศีลธรรม”
“เอาเป็นว่าตอนนี้เธอรับเงินฉันไปก่อน อย่างอื่นฉันไม่เร่งรัดเธอ” พูดจบเขาก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
“เปิด QR code สิ ฉันจะโอนให้” หญิงสาวมองหน้าเขา แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกจริง ๆ เธอถอนหายใจเสร็จก็เปิด ให้เขาสแกน QR code เพื่อโอนเงินให้เธอทันที ยอดที่โอน 200,000 บาท”
“มันมากเกินไป ฉันโอนเงินคืนดีกว่า”
“เก็บไว้เถอะ แม่เธอยังไม่ได้ออกโรงพยาบาล เดี๋ยวก็มีค่าใช้อื่น ๆ อีก แล้วถ้าไม่พอก็บอกฉันนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ว่าแต่วันนี้จะให้ฉันไปส่งที่บ้านหรือเปล่า”
“อืม!.. ก็ได้ค่ะ แต่ว่าฉันขอจัดกระเป๋าแป๊บหนึ่งนะคะ”
“ไปสิ..เดี๋ยวฉันรอ”
ในห้องพักของเธอ พลอยนภัสพยายามตั้งสมาธิเพื่อเก็บกระเป๋าของตนให้เสร็จ เธอไม่อยากคิดเกี่ยวกับเรื่องปรเมศวร์ ไม่อีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอมีเรื่องมากมายที่จะต้องให้คิด เรื่องเกี่ยวกับการรักษาของมารดา เมื่อเธอรูดซิปปิดกระเป๋าใบใหญ่ที่สุดลง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ” พลอยนภัสรับสาย ขณะที่ลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ออกไปยังโถงทางเดิน
“เสี่ยมีข่าว คิดว่าหนูคงอยากฟัง” เสี่ยชัชนั่นเอง
หญิงสาวยืดตัวขึ้น แล้วทิ้งกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ตรงประตู
“ดิฉันมีเรื่องหลายอย่างที่จะทำตอนนี้ คงไม่มีเวลาฟังหรอกค่ะ” คำพูดนี้ทำให้เสี่ยเลือดขึ้นหน้าพลอยนภัสปฏิเสธความรักความหวังดีจากเขา สรรพนามที่คุยกันก็เลยเปลี่ยนไปทันที
“มันเป็นเรื่องของน้องชายเธอ พลอยนภัส เธอตั้งใจฟังให้ดีนะ”
“ทำไมหรือคะเกิดอะไรขึ้นหรือ” เธอถามด้วยอาการสงสัย
“น้องชายเธอถูกจับคดีมีย***าไว้ในครอบครอง”
เธอเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเล็กๆ และเอนหลังพิงโซฟา
“ฉันคิดว่าน้องชายเธอถูกยัดข้อหา”
“ถ้าเธอยอมรับข้อเสนอของฉัน ฉันก็ยินดีช่วยเคลียร์ให้”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ”
“ถ้าหนูยังจำข้อตกลงของเราได้ ฉันก็คงไม่ต้องทวนซ้ำ” เสี่ยชัชยิ้มที่มุมปากด้วยความเจ้าเล่ห์ คราวนี้หวังว่าคงได้ตัวเธอมาครอบครองเป็นแน่ มือของพลอยนภัสสั่นเทา ขณะที่เธอถือโทรศัพท์แนบอยู่กับหู
ไม่น่าจะเป็นเพชรไปได้ น้องชายเธอไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มเด็กเกเร เขาเป็นเด็กดี ยังเด็กมากด้วยซ้ำ จนเกือบจะเรียกได้ว่าทึ่ม
“ฉันเชื่อว่าเขาไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนค่ะ..ต้องมีอะไรเข้าใจผิดแน่ ๆ” เธอพูดอย่างอ่อนแรง ยกมือขึ้นกอดอกเหมือนกับจะสู้กับความเยือกเย็นที่แล่นเข้ามาจับหัวใจ
“หนูจะรู้ได้ยังไง เมื่อหนูไม่ได้อยู่กับเจ้าเพชรตลอดเวลา”
“พวกตำรวจจับได้ว่าเขาโยนของกลางทิ้ง และวิ่งหนีจากที่เกิดเหตุ”
“ไม่ใช่แน่ ๆ ค่ะ...เพชรไม่ทำแบบนั้น...” แล้วน้ำเสียงของเธอก็ขาดห้วง ขณะที่ภาพของเพชรน้องชายได้หวนกลับมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งนำของขวัญวันเกิดมาให้เธอ เมื่อช่วงปิดเทอมที่ผ่านมา หลังจากที่โรงเรียนเลิกแล้ว เธอยังมองเห็นกระดาษสีขาวกับโบว์ไหมสีสวย ที่ทิ้งไว้บนหัวเตียง
“ฉันจะไปคุยกับตำรวจเจ้าของคดีเองค่ะ” พลอยนภัสกัดริมฝีปากล่าง
“อันที่จริงโทษก็ไม่ได้หนัก เพราะเป็นเยาวชน ก็คงจะมีการลงโทษอย่างเบาที่สุด แต่เพชรจะต้องมีประวัติและเสียอนาคตแน่ ๆ ถ้าเธอต้องการให้ฉันช่วยก็โทรบอกละกัน”
“พลอย..ใครโทรมาอีก” เสียงถอนหายใจของพลอยนภัส ทำให้ปรเมศวร์อดห่วงไม่ได้
“มีเรื่องอะไรอีก บอกฉันมา..พลอย” หญิงสาวกลืนน้ำลาย เมื่อรู้สึกเหมือนว่าหัวใจของเธอแทบจะเต้นออกมานอกอก เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางที่น้องชายเธอจะทำอย่างที่เสี่ยชัชว่ามาเลย
“คุณเมศวร์คะ เพชรน้องชายฉันเขาถูกจับคดีครอบครองยาเสพติด...”
“อะไรกัน ..เป็นไปได้ยังไง”
“มันเป็นไปแล้ว และฉันก็ไม่อยากเชื่อเลย!”
“เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปสถานีตำรวจนะ ใจเย็น ๆ ก่อนนะ”
หญิงสาวยังคงส่ายหน้า มันไม่เป็นความจริง เธอไม่มีวันเชื่อจนกว่าจะได้พูดคุยกับน้องชายของเธอ
“ฉันจะต้องไปพบเขาค่ะ พาฉันไปที่สถานีตำรวจด้วยนะคะคุณเมศวร์ กรุณาพาฉันไปเดี๋ยวนี้เลย”
“เธอไม่ต้องกังวลไป เพราะถึงอย่างไรตำรวจจะต้องสอบปากคำของเขาก่อน” พลอยนภัสหลับตาแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“คุณช่วยพาฉันไปหาน้องชายด้วยนะคะ คุณเมศวร์”
“ฉันรู้ว่าเธออยากจะช่วยน้องชาย...แต่เธอต้องตั้งสติแล้วก็ใจเย็น ๆ วันนี้เธอเจอเรื่องปวดหัวพร้อมกันตั้งสองเรื่อง รับรองฉันจะช่วยเธอเอง” อีกครั้งที่ความเงียบเป็นคำตอบของอีกฝ่าย ความเงียบที่นานกว่าครั้งแรก หนักหน่วงกว่า จนกระทั่งเธอได้ยินเสียงเขาถอนใจอีกครั้ง
“คุณพักผ่อนก่อน ระยะทางยังอีกไกลกว่าจะถึง”
เมื่อรถไปจอดที่หน้าโรงพัก เขายื่นมือมาให้เพื่อรับเธอลงจากรถ หญิงสาวไม่อยากรับแต่ก็ปฏิเสธเขาไม่ได้ เธอไม่อยากเสียเวลาต่อต้านเขาในตอนนี้ หญิงสาวอึกอักที่จะจับมือเขา รู้สึกถึงนิ้วของเขาที่สัมผัสมา
“มือเธอเย็นเฉียบเลย” ปรเมศวร์พูด ขณะที่เธอก้าวไปยืนที่ริมทางเท้า
“ฉันตื่นเต้นน่ะ” เธอสารภาพ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล ตอนนี้มันเริ่มมืดแล้ว สีหน้าของเขาดุดัน
“เธอคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเพชรใช่ไหม”
“ฉันแน่ใจว่าเพชรไม่ได้ทำ แต่ฉันกลัวแทนเขาค่ะ ถ้าหากตำรวจจะดำเนินคดีด้วยที่เขาต้องจำนนต่อหลักฐาน” หญิงสาวส่ายหน้า
“ฉันหวังว่าเรื่องนี้คงจะไม่เกิดขึ้นจริงนะคะ”
“แต่มันเกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้เราไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ทั้งสองมุ่งหน้าไปตรงทางเข้าสถานีตำรวจ ภายในโรงพัก ปรเมศวร์ได้รับความเคารพจากพนักงานในสถานีตำรวจทุกคน ตั้งแต่นายสิบที่นั่งโต๊ะเสมียนด้านหน้า ไปจนถึงสารวัตรทำความเคารพยิ้มแย้มต้อนรับปรเมศวร์กันเป็นแถว และหลังจากสิบนาทีในการต้อนรับอันอบอุ่นแล้ว สารวัตรกับปรเมศวร์ก็ปลีกตัวออกไปพูดคุยกันตามลำพัง ระหว่างนั้น พลอยนภัสรอคนทั้งคู่อย่างกระวนกระวาย ภาวนาให้ปรเมศวร์คุยกับสารวัตรเพื่อให้เธอเข้าไปพบน้องชายได้ตอนนี้ ในที่สุดปรเมศวร์ก็ออกมาเรียกเธอ