“นั่งลง”
ปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น หันหน้าหนีไปทางอื่น เผยถึงความดื้อดึงที่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีใสๆ ไร้เดียงสา ทำเอาคนมองนึกอยากกำราบปราพยศโดยไม่รู้ตัว
“บอกให้นั่งลง”
คนช่างสั่งเริ่มกดเสียงต่ำ
“แต่ว่า…”
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดว่าง่ายฟังคำผู้ใหญ่บ้าง”
ชิ! คำก็เด็ก สองคำก็เด็ก ตาแก่ช่างสั่งเอ๊ย!
คนถูกหาว่าเด็กทำหน้าง้ำ ปากคว่ำ แต่สุดท้ายก็จำต้องลดก้นลงนั่งที่เดิม ด้วยทนสายตาออกคำสั่งแกมกดดันของอีกฝ่ายไม่ไหว จริงๆ เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยว หรือเข้าใกล้เขาเลยสักนิด เพราะแค่เห็นหน้าของอีกฝ่ายก็รู้สึกแสลงใจ และทำตัวแทบไม่ถูก เนื่องจากเขาทำให้เธอพลอยนึกถึงความฝันที่ทั้งพิลึกพิลั่นและน่ากระดากนั่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
บูรณิมาทำเมินเพื่อนร่วมโต๊ะหน้าตาย แล้วหันไปสนใจขนมที่วางกองอยู่ตรงหน้า ไม่นานความน่ากินและกลิ่นหอมยั่วๆ ของเบเกอรี่ที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ ก็ทำให้ลืมตัวนึกว่านั่งอยู่คนเดียว
“หูยยยย…บลูเบอร์รีครัมเบิ้ลมัฟฟินก็น่ากิน ไดฟูกุสตรอว์เบอร์รีก็น่าอร่อย”
เสียงใสเอ่ยพลางจับกล่องขนมยกขึ้น ก่อนจะหันไปมองกล่องที่เหลือ
“ผักโขมอบชีสก็น่าหม่ำๆ โอยยยย…คุกกี้นมข้นหวานก็หอมยั่วน้ำลาย แล้วไหนจะยังชูครีมอีกล่ะ”
พูดไม่พอยังยกกล่องขนมขึ้นจรดจมูกด้วยท่าทางคลั่งไคล้อีกต่างหาก ก่อนที่จะเผลอปรายตาไปทางคนที่นั่งร่วมโต๊ะ แล้วพลันชะงัก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังกอดอกมองเธอนิ่งๆ ทำเอาคนที่ถูกแอบมองด้วยนัยน์ตาไหวระริกหน้าร้อนวาบ เม้มปากน้อยๆ ทำแก้มพอง ก่อนจะเก็บขนมกลับลงไปในถุง
“พอไหม?”
อยู่ๆ เสียงห้าวทุ้มก็โพล่งขึ้น ทำเอาเธอเลิกคิ้วทำหน้างง
“…”
“ขนมน่ะพอไหม”
นี่เขาประชดเธอหรือเปล่า
“ถ้าไม่พอ หรือว่ากินไม่อิ่ม เอาในนี้ไปเพิ่มได้นะ”
คนเดาอารมณ์ยากว่าพลางบุ้ยปากไปยังถุงขนมที่วางอยู่บนเก้าอี้ตัวข้างๆ
“ไม่เอาค่ะ”
สาวน้อยเอ่ยตอบหน้าเชิดๆ ส่วนเขาก็ทำเพียงไหวไหล่ แล้วหันไปสนใจหน้าจอไอแพดในมือ
บูรณิมากอดอกมองไปอีกทาง แต่สักพักก็ทนไม่ไหว ตัดใจไม่ขาด ก้มลงมองขนมตาละห้อย เพราะกลิ่นหอมยั่วใจชวนน้ำลายสอของมันทำให้จิตใจเธอว้าวุ่น
“ฮืออออ…เสียดายจัง น่าจะซื้อดาร์กช็อกบราวนี่มาด้วย”
เสียงอ่อยๆ พึมพำกับตัวเอง แต่ดูเหมือนว่าคนที่ทำตัวเหมือนไม่สนโลก ไม่แยแส และไม่แคร์ผู้ใด จะดันหูดีได้ยินซะงั้น เพราะหลังจากเธอเอ่ยขาดคำเสียงห้าวทุ้มก็แว่วขึ้นอีกครา
“ในถุงนี่ก็มี แบ่งไปสิ”
“ไม่เอาค่ะ ขอบคุณค่ะ”
บูรณิมาปฏิเสธไปตามมารยาท ก่อนจะก้มลงควานหามือถือในกระเป๋าผ้าสุดเก๋ เพราะเบื่อคนที่ผีเข้าผีออก เดี๋ยวหน้ายักษ์ เดี๋ยวส่งสายตาดุๆ มาให้ แต่สุดท้ายดันเอาของกินมาล่อซะงั้น
ฮึ! เอาของกินมาล่อ?
เธอไม่ใช่เด็กซะหน่อย
ถึงจะเลิฟการกินแบบเป็นชีวิตจิตใจ เธอก็ไม่ยอมรับของกินจากใครง่ายๆ หรอก โดยเฉพาะอีตาลุงหน้ายักษ์ที่มีอาการไวทองสองอารมณ์แปรปรวนประหนึ่งพายุเช่นเขา
“เด็กดื้อ…”
น้ำคำเชิงตำหนิลอยๆ และเสียงดุๆ ทำให้สาวน้อยแก้มป่องหันขวับไปขึงตาใส่เขาเร็วๆ อย่างใจกล้า ก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทาง จากนั้นก็ต่างฝ่ายต่างเงียบ
“หมูนุ่ม!”
เสียงเรียกทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็กยอดวิวและคอมเม้นท์นิยายตอนล่าสุดในมือถือช้อนดวงตากลมโตขึ้น ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ที่สนิทสนมกัน ซึ่งชอบเรียกเธอว่าหมูนุ่ม
“เฮียยยยย…ค้าาา”
ทันทีที่หนุ่มตี๋ร่างผอมสูงมาหยุดลงข้างๆ เขาก็เอ่ยถามไถ่ด้วยท่าทางเป็นกันเอง
“มารอพบพี่มะเดี่ยวเหรอ”
“ค่า”
“เก่งไม่เบานี่เรา ได้ทำโปรเจกต์ใหญ่ซะด้วย”
“ของมันแน่อยู่แล้ว บี๋ซะอย่าง”
ได้ทีคนถูกชมก็เชิดหน้าโอ่ยกใหญ่ ท่าทางชวนเอ็นดูปนมันเขี้ยวทำให้คชาหลุดหัวเราะน้อยๆ ยิ่งมองอีกฝ่ายยิ่งคันไม้คันมือเจ้าก้อนนุ่มนิ่ม อยากมีน้องสาวแบบนี้บ้าง
“ตั้งใจทำงานล่ะ แปลนิยายของจีนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ นะจะบอกให้” คชาเอ่ยเตือนหญิงสาวด้วยความหวังดี ก่อนจะจงใจก้มลงกระซิบกระซาบ “แถมพี่มะเดี่ยวยังเขี้ยวลากดินอีก”
เสียงหัวเราะคิกหลุดออกมาจากปากอิ่ม เมื่อได้ยินอีกฝ่ายนินทาบรรณาธิการหนุ่มใจหญิงผู้มากฝีมือ ก่อนจะขยิบตาเอ่ยเสียงใส ชนิดที่คนฟังยิ้มร่า
“รับรองจะไม่ให้เสียชื่อคนสอนภาษาจีนอย่างเฮียคะแน่นอนค่า”
“เด็กดี”
คชาว่าพลางลูบหัวน้องน้อยเบาๆ
“เฮียขา…”
เสียงหวานจ๋อย พร้อมอากัปกิริยาทำตาปริบๆ ทำให้คชาเริ่มจะรู้ทัน
“ว่าไงตัวยุ่ง จะอ้อนเอาอะไรอีกหือ”
“ขนมหนูล่ะ”
แม่คนช่างกินเริ่มไถ พร้อมแบมือ ช้อนนัยน์ตาอ้อนๆ ขึ้นมองหน้าคนที่ยืนค้ำหัวอยู่
“แล้วไอ้ที่วางเต็มโต๊ะอยู่ตรงหน้าเราเนี่ย ไม่ใช่ขนมหรือไง”
“แค่นี้จิ๊บๆ เรียกน้ำย่อย”
คนตัวนุ่มขยิบตาทำท่าน่ารักน่าเอ็นดู
“เกินไปแล้ว”
คชาหลุดขำพลางยีหัวรุ่นน้องที่ตัวเองเอ็นดูประดุจน้องสาวในไส้ เนื่องจากรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยหัดเขียนนิยาย อีกทั้งยังมาสนิทสนมกันตอนช่วงที่บูรณิมาเข้ามาเป็นหนึ่งในนักเขียนของสำนักพิมพ์ดารากาล ใจจริงเขาอยากจะดึงแก้มย้วยๆ ของอีกฝ่ายอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ เพราะนึกมันเขี้ยวจนแทบทนไม่ไหว แต่ติดตรงสายตาเข้มๆ นิ่งๆ ของคนที่นั่งกอดอกมองอยู่เงียบๆ ทำให้มือที่ตั้งใจยื่นออกไปในคราแรกหดเกร็งกลับมา
“กินเท่านี้ก็พอแล้วมั้ง”
“แต่น้องอยากได้จากเฮียนี่นา…นะนะ”
เธอทำตาปริบๆ อีกหนจนคนมองชักจะแพ้ลูกอ้อน
“ไหนว่าช่วงนี้อ้วนไง”
“เฮียอะ หยาบคาย ใครเขาให้พูดเรื่องอ้วนกับผู้หญิงกันเล่า”
ท่าทางกระเง้ากระงอดแสนงอนทำให้อีกคนยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
“เอ้า! ก็เราเป็นคนบอกเฮียเองไม่ใช่เหรอ ว่าตัวเองอ้วน”
คชาว่าพลางกลั้นยิ้ม
“ไม่รู้แหละ มามะ…เอาขนมมาซะดีๆ”
สาวน้อยทำแก้มพอง แบมือกระดิกนิ้ว คชาแสร้งทำเป็นถอนหายใจออกมาแรงๆ แต่ก็ยอมล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบดาร์กช็อกโกแลตที่บูรณิมาชอบนักชอบหนาออกมาส่งให้
“เอ้า…เอาไป ยายหมูนุ่มจอมไถ”
“เฮียน่าร้ากกกก…ที่ซู้ดดดดด”
สาวน้อยยิ้มจนตาหยี ขณะเอ่ยประจบเอาใจเสียงใสแจ๋ว ทำเอารุ่นพี่หนุ่มหลุดหัวเราะออกมา จากนั้นทั้งคู่ก็คุยกันอีกไม่นาน คชาเป็นฝ่ายเอ่ยขอตัว โดยอ้างว่าต้องรีบไปเคลียร์งานต่อให้เสร็จ เพราะรู้สึกกดดันกับสายตาของคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับบูรณิมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“เก่งนี่ ตัวเท่านี้อ่อยผู้ชายเป็นแล้ว”
ข้อกล่าวหาลอยๆ ทำให้สาวน้อยหันขวับไปมองคนช่างหาเรื่องตาขวาง ปากอิ่มเม้มแน่นด้วยความขุ่นเคือง เมื่อเห็นคิ้วหนาที่พาดเฉียงเหนือนัยน์ตาเย็นชาเลิกขึ้นคล้ายท้าทาย ก่อนจะตอบโต้เสียงแข็งๆ
“หนูไม่ได้ทำอย่างนั้นซะหน่อย”
“ก็เห็นๆ อยู่”
“สายตาหาเรื่อง”
บูรณิมาว่าพลางย่นจมูกอย่างไม่ชอบใจกับการถูกปรักปรำ
“หึ! เด็ก…เถียงคำไม่ตกฟาก”
“หึ! คนแก่…ชอบหาเรื่อง”
คำว่า ‘คนแก่’ ที่หลุดออกมาจากปากอิ่มทำให้เจ้าของร่างใหญ่หน้าตึง มองเธอดุๆ แต่บูรณิมากลับลอยหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และเลิกสนใจอีกฝ่ายในที่สุด
หลังจากนั้นสามวันถัดมา เธอก็ได้รับข่าวที่สุดแสนจะช็อก นีราประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับสามีและลูกสาวของหล่อน ทำเอาอดใจหายไม่ได้ ถึงแม้จะไม่ชอบขี้หน้าสามีของนีราก็เถอะ แต่ก็เพิ่งเห็นกันอยู่หลัดๆ ไม่น่าเชื่อว่าความโชคร้ายจะมาเยือนพวกเขาอย่างคาดไม่ถึง