อาทิตย์ถัดมา บูรณิมาก็มาหาแม่ที่โรงพยาบาลรักษ์ เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้แม่มีอาการเหม่อๆ บางทีก็ใจลอยถามก็ไม่ตอบ แถมยังกินข้าวได้น้อยผิดปกติ ฉะนั้นเธอจึงลงทุนไปต่อคิวร้านอาหารโปรดของแม่ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเอาของกินมาส่งให้อีกฝ่าย เผื่อว่าแม่ของเธอจะเจริญอาหารขึ้นมาบ้าง ก็เข้าใจว่าแม่ทุกข์ใจเรื่องหนี้สินที่พ่อก่อไว้ แต่ก็อดเป็นห่วงสุขภาพของแม่ไม่ได้ ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไร เธอเองก็คิดมากไม่ต่างกัน หากแต่ชีวิตยังอยู่ก็ต้องสู้กันต่อไป ถ้าเรามัวแต่เอาใจไปผูกติดอยู่กับปัญหา พะวงอยู่แต่กับความทุกข์ ชีวิตก็จะไม่สามารถก้าวต่อไปได้
เอาอาหารส่งให้แม่แล้ว สาวน้อยก็อดที่จะกระซิบถามถึงอาการของนีราไม่ได้ เพราะนางแบบคนดังอยู่ในความดูแลของแผนกที่แม่เธอทำงานอยู่พอดี หลังจากคุยกับแม่สักพักก็มีเคสด่วนเข้ามา แม่รีบปลีกตัวไปทำงาน ส่วนเธอก็มุ่งหน้าลงลิฟต์ไปยังร้านกาแฟตรงใต้ตึก
กะว่าจะไปหาอะไรอร่อยๆ กินในระหว่างรอนลินนิภา นอกจากจะมาหาแม่แล้ว วันนี้เธอยังมีนัดกับเพื่อนรักที่นี่ด้วย ขณะกำลังนั่งรอกาแฟและขนมหวานที่สั่ง มือถือก็มีเสียงแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า ครั้นก้มลงมองหน้าจอก็ปรากฏว่าคนที่ส่งข้อความมาคือเอวาริน นายจ้างงานพิเศษของเธอ
‘ยายกระปุกตั้งฉ่าย อยู่โรง’บาลรักษ์ใช่ไหม’
ข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาทำให้สาวน้อยแก้มป่องทำตาโต เงยหน้าขึ้นมองซ้ายขวา แต่ก็ไร้เงาของคนที่ว่า ก่อนจะก้มลงพิมพ์ข้อความตอบกลับรัวๆ
‘พี่เอวารู้ได้ไงอะ’
‘ก็ฉันเห็นใครไม่รู้ตัวขาวๆ อวบๆ เดินดุ๊กดิ๊กไปขึ้นลิฟต์’
‘งื้อออออ…พี่เอวาอยู่หนายยยย’
‘ตรงโถงหน้าประชาสัมพันธ์’
‘เดี๋ยวบี๋ไปหาค่า’
หลังจากนั้นไม่ถึงห้านาทีเธอก็ได้กาแฟและขนมที่สั่ง คนที่ในมือเต็มไปด้วยของกินพะรุงพะรังรีบเดินมุ่งหน้าไปยังโถงประชาสัมพันธ์ ทันใดนั้นขาเรียวที่ก้าวไปข้างหน้าก็พลันชะงัก เมื่อชนเข้ากับใครบางคน ร่างอวบเกือบจะหงายหลังล้มลงกระแทกพื้นอยู่แล้ว หากมือแกร่งของคนตัวสูงที่หัวเธออยู่แค่ระดับอกไม่คว้าท่อนแขนเรียวเอาไว้เสียก่อน เดชะบุญที่เธอไม่ล้มลงก้นจ้ำเบ้าให้ขายหน้า และที่สำคัญของกินในมือยังอยู่รอดปลอดภัยสบายหายห่วง
แต่ไม่รู้อีกฝ่ายคว้าแขนเธออีท่าไหน สงสัยแรงไปมั้ง ร่างอวบๆ ถึงได้ถลาเอาหน้าไปซุกอกกว้างอย่างจัง ทำเอาคนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับหลุดอุทานตาโต รีบลนลานดันตัวออกจากร่างใหญ่ ในวินาทีที่เจ้าของใบหน้าแดงก่ำกำลังจะอ้าปากอึกอักขอบคุณด้วยความกระดากสุดฤทธิ์ อีกฝ่ายก็ดันโพล่งขึ้นเสียก่อน
“เดินระวังหน่อยสิ”
น้ำเสียงดุๆ ที่ดังขึ้นเหนือศีรษะทำให้หญิงสาวเม้มปาก แล้วเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นว่าเป็นจักรพรรดิที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ก็ไหนข่าวบอกว่าเขาประสบอุบัติเหตุพร้อมภรรยากับลูกสาวอาการสาหัส
“ขะ…ขอบคุณค่ะ”
หลังจากท่อนแขนเรียวถูกปล่อยออกจากอุ้งมือใหญ่บูรณิมาก็เอ่ยตะกุกตะกัก อยู่ใกล้เขามากขนาดนี้ทำเอาเธอรู้สึกประหม่า หายใจไม่ทั่วท้อง และทำตัวไม่ถูกไปเสียดื้อๆ
อีกทั้งเห็นหน้าเขาทีไร พลอยนึกถึงแต่คำว่า ‘พ่อหนูหล่อที่สุด’ ของผีเด็กตัวอวบ
ความฝันสุดพิลึกพิลั่นทำให้เธอนึกกระอักกระอ่วน มองหน้าเขาไม่เต็มตาเมื่อต้องเผชิญหน้ากัน หนำซ้ำเจ้าผีเด็กตัวแสบยังมากระซิบล้อข้างหูเธอในคืนหนึ่ง ว่าเธอกลัวใจตัวเอง
กลัวใจตัวเองเนี่ยนะ?
บ้าไปแล้ว!
เธอไม่ได้คิดอะไรกับคนแก่จอมเย็นชาหน้าตายตรงหน้าเสียหน่อย
“คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ”
แล้วคนบอกตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับเขาก็โพล่งขึ้น เพราะอะไรไม่รู้เธอถึงบ้าหลุดปากถามออกมาแบบนั้น ทั้งที่ไม่ได้สนิทสนมกัน แถมรู้จักแค่ผิวเผิน และคำถามของเธอก็ทำให้เท้าของอีกฝ่ายชะงัก
“หืม?”
“เอ่อ…ฉันเห็นในข่าวบอกว่าคุณอาการสาหัส แต่ไม่รู้ว่าคุณออกจากโรง’บาลแล้ว”
“สนใจติดตามข่าวฉันด้วย?”
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย พลอยให้เธอใบ้รับประทานและทำหน้าไม่ถูก
“…”
“เป็นห่วงฉันหรือไงเด็กน้อย?”
คำถามทื่อๆ และสายตาเย็นชาอ่านยากคู่นั้น ส่งผลให้คนตัวเล็กหน้าร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนต้องรีบก้มหน้างุด แล้วอุบอิบแก้ตัวพัลวัน
“เปล่าซะหน่อย ฉัน…ฉันเป็นห่วงพี่นีราต่างหากล่ะ”
จักรพรรดิไม่พูดอะไร ทำเพียงยักไหล่ ส่วนนัยน์ตาคู่นั้นก็ยังคงไร้อารมณ์และยากจะหยั่งถึงความรู้สึก ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ามุ่งหน้าไปยังลิฟต์ โดยมีบอดี้การ์ดเดินตามหลังสามคน และน้ำคำที่แว่วมาให้ได้ยินก็ทำให้บูรณิมาหูผึ่ง
“ได้เบาะแสคนร้ายแล้วครับ”
“ชัวร์ไหม”
“ค่อนข้างชัวร์ครับ”
“งั้นไปสืบมาให้แน่ใจ อย่าเพิ่งบุ่มบ่ามทำอะไร”
อยากรู้นัก ว่าใครกันนะ ที่คิดจะทำร้ายนีรา โดยเฉพาะลูกสาวของหล่อน เด็กน้อยตาดำๆ ก็ยังคิดจะทำร้ายได้ลงคอ ส่วนจักรพรรดิน่ะเหรอ เห็นแบบนี้ก็รู้แล้วล่ะว่าหนังเหนียวตายยาก
จากนั้นบูรณิมาก็เดินมาหาเอวารินที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงโซฟาชุดรับแขกของโรงพยาบาล มือขวาถือกาแฟลาเต้ ส่วนมือซ้ายถือถุงขนมที่ไปเหมามาจากร้านกาแฟ
“สวัสดีค่า พี่เอวา”
ทันทีที่มาถึงสาวน้อยก็ยกมือที่ยังคงถือของกินพะรุงพะรังไหว้ ท่าทางใสซื่อของยายตัวกลม แก้มป่อง ขาวโอโม่ หน้าอกและสะโพกใหญ่เกินตัว ดูๆ ไปเหมือนนางเอกหนังเอวี ทำให้นางแบบสาวหุ่นดีคลี่ยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะพยักพเยิดให้คนที่เพิ่งมาถึงนั่งลง
“ยังชอบกินขนมเหมือนเดิมเลยนะ ยายกระปุกตั้งฉ่าย” น้ำคำสัพยอกเอ่ยขึ้นหลังจากที่สาวน้อยนั่งลงในฝั่งตรงข้าม และวางของกินที่ถือติดมือมาลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“ก็แหม…มันอร่อยนี่นาพี่เอวา”
คนตัวอวบแต่ไม่ถึงกับอ้วนเอ่ยเสียงอ่อย แล้วยังมีหน้ากระวีกระวาดหยิบขนมในถุงส่งให้อีกฝ่ายพร้อมฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี แต่หล่อนก็ส่ายหน้า แล้วเอ่ยอย่างหมั่นไส้
“ย่ะ ยายเด็กช่างกิน ไหนบอกว่าอยากหุ่นดีไง”
“ก็อยากแหละ แต่มันอดกินไม่ได้ค่า” เจ้าตัวอุบอิบ แล้วคว้าแก้วลาเต้เย็นมาดูดอึกใหญ่ ท่าทางไร้เดียงสาและไม่เป็นผู้ใหญ่สมวัยยี่สิบสามทำให้เอวารินส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ
“แต่หุ่นอวบๆ น่าฟัดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันแหละ เวลาใส่ชุดชั้นในของฉันถ่ายแบบจะได้ดูดึงดูดใจ”
เจ้าของแบรนด์ชุดชั้นในยี่ห้อดังเอ่ยบอกอย่างจริงจัง และนั่นก็ทำให้คนที่เป็นลูกจ้างแบบรับงานเป็นจ๊อบๆ ไป หน้าแดงซ่านด้วยความขัดเขิน
“นี่ไม่อวบแล้วค่า อ้วนสุดๆ” คนที่คิดว่าตัวเองอ้วนเสมอมาเอ่ยแย้งหน้ามุ่ย
“แบบนี้ไม่อ้วนหรอก เขาเรียกอวบกำลังดี อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกผาย หุ่นสะบึมแบบนี้ผู้ชายคนไหนเห็นก็อยากฟัดกันทั้งนั้นแหละ ฉันยังอิจฉาเธอเลย”
“ว่าแต่…พี่เอวามาทำอะไรที่กรุงเทพฯ คะ ปกติช่วงนี้น่าจะคิดงานคอเล็กชั่นใหม่อยู่ที่เชียงใหม่ไม่ใช่เหรอ”
คนที่ค่อนข้างสนิทกับนายจ้างเอ่ยถาม อีกทั้งต้องการเบี่ยงประเด็นการพูดถึงรูปร่างอันน่ากระดากอายของเธอ
“ฉันมีถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร วันนี้ว่างเลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยมนีรา แต่เสียดายที่เขาห้ามเยี่ยม”
เอวารินเอ่ยตอบขณะยกขาเรียวเสลาขึ้นไขว่ห้างด้วยมาดนางพญา กวาดตามองรอบๆ แวบหนึ่ง แล้วเอ่ยถาม “แล้วเธอล่ะ มาทำอะไรที่นี่ ไม่เขียนนิยายหรือไง”
“บี๋มาหาแม่ แล้วก็มีนัดกับเพื่อนด้วยค่ะ”
“นัดเจอเพื่อนที่นี่เนี่ยนะ?”
“อือ เพื่อนบี๋มาพบจิตแพทย์ค่ะ”
“ถ้าจำไม่ผิด แม่เธอเป็นหัวหน้าพยาบาลอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
เอวารินเริ่มเปรยๆ เข้าเรื่อง
“ใช่ค่ะ แม่เป็นหัวหน้าวอร์ดดูแลคนไข้วิกฤต”
คราวนี้คนฟังตาโต
“งั้นแม่เธอก็มีโอกาสได้ดูแลนีราน่ะสิ”
“ค่ะ แม่บอกว่าพี่นีราฟื้นแล้ว แต่ยังไม่ออกจากห้องไอซียู” สาวน้อยยกมือขึ้นป้องปากกระซิบกระซาบ แล้วขยิบตาให้ “อันนี้เป็นความลับสุดยอดนะคะ อย่าเม้าท์ไป”
“สงสารเพื่อนฉันจัง ทำไมถึงได้ซวยขนาดนี้ก็ไม่รู้” เอวารินทำหน้าเศร้า
“นั่นสิคะ คนสวยใจดีอย่างพี่นีราไม่น่าจะต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้เลย”
“แล้วถ้าฉันอยากเข้าไปเยี่ยมนีรา แม่เธอพอจะช่วยได้ไหม” นางแบบสาวหยั่งเชิง
“คงไม่ได้หรอกค่ะ แม่บอกว่าพี่นีราอาการหนักจริงๆ ได้ยินว่าตอนเช้าคุณพัดชาก็จะมาเยี่ยมเหมือนกัน แต่ทางโรงพยาบาลห้ามเยี่ยม เขาโวยวายเสียงดังจนโรง’บาลแทบแตกแน่ะ”
พัดชาที่ถูกกล่าวถึงก็คือหนึ่งในเพื่อนสนิทของนีรา
“งั้นเธอช่วยถามแม่เธอได้ไหม ว่าพอจะหาทางให้ฉันเข้าไปเยี่ยมนีราได้หรือเปล่า ฉันมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับเขา มันสำคัญมากจริงๆ” ท่าทางร้อนใจของรุ่นพี่สาวทำให้คนถูกรบเร้าลำบากใจ
“เอ่อ…บี๋จะลองคุยกับแม่ให้ แต่ไม่รับปากนะคะ ว่าจะสำเร็จหรือเปล่า”
“อืม ขอบใจ แล้วฉันจะรอฟังข่าวนะ ถ้าได้เรื่องยังไงรีบโทรบอกด้วยล่ะ ฉันใช้เบอร์เดิมนั่นแหละ” นางแบบสาวว่าพลางผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กำลังจะกล่าวลา ทว่าเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“บู้บี้! เรามาแล้ว!”
เอวารินมองผู้มาใหม่อย่างแปลกใจ ก่อนจะลดหน้าลงไปถามบูรณิมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นั่นเพื่อนเธอที่ว่ามาพบจิตแพทย์ใช่ไหมยายกระปุกตั้งฉ่าย”
“ช่ายค่า พี่เอวามีอะไรหรือเปล่าคะ หรือว่ารู้จักกับเพื่อนบี๋”
“เปล่าๆ” นางแบบสาวส่ายหน้ารัวๆ แล้วเอ่ยเป็นเชิงลา “ถ้าได้เรื่องยังไงก็อย่าลืมโทรไปบอกฉันด้วยนะ แล้วเจอกันตอนถ่ายแบบชุดชั้นในคอเล็กชั่นใหม่ ฉันไปล่ะ”
ทิ้งท้ายไว้เท่านั้น เจ้าของร่างสะโอดสะองในชุดแซกสั้นรัดรูปสีดำก็เดินยักย้ายส่ายสะโพกผ่านหน้าคนที่กำลังก้าวมาหาบูรณิมาไปอย่างไม่เหลือบแลมอง
“โห! หุ่นดีเวอร์! อิจฉาอะ”
ท่าทางตาโต อ้าปากค้าง และมองตามรุ่นพี่สาวของเธอไปจนสุดสายตา ทำให้บูรณิมาหลุดหัวเราะคิก ด้วยไม่คิดว่าสาวห้าวอย่างนลินนิภาจะนึกอิจฉาสาวสวยหุ่นดี
“เธอก็หุ่นดีนะ ถ้าเลิกแต่งตัวเหมือนทอม” วาจาสัพยอกทำให้นลินนิภาแสร้งทำหน้าบึ้ง ก่อนจะโผเข้าไปกอดเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายเดือน
“หุ่นดียังไงก็ไม่สู้คนหุ่นอวบน่าฟัดอย่างเธอหรอก คนอะไรเนื้อตัวนุ่มนิ่มน่ามันเขี้ยวที่สุด” ว่าแล้วก็ทั้งกอดทั้งฟัดจนเจ้าของร่างอวบอิ่มนุ่มนิ่มหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้
“เออ…ว่าแต่ เขามาทำอะไรเหรอ ทำไมดูหน้าเศร้าๆ”
“เขามาเยี่ยมพี่นีราน่ะ”
“แต่เขาห้ามเยี่ยมไม่ใช่เหรอ”
“ฮื่อ…ก็นั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้พี่เขาดูเศร้าๆ เขาเป็นห่วงพี่นีรามาก อีกอย่างก็เห็นว่ามีเรื่องสำคัญอยากคุยกับพี่นีราด้วย ก็เลยจะขอให้แม่เราช่วยให้ได้เข้าไปเยี่ยมพี่นีรา”
บูรณิมาเอ่ยอย่างซื่อๆ ก่อนที่คนฟังจะสวนกลับทันควัน
“แล้วแม่เธอว่าไง?”