สามปีก่อน
“สนใจเหรอวะ?”
คำถามที่ดังขึ้นทำลายภวังค์ให้อันตรธานไปในชั่วพริบตา จักรพรรดิ มหาฤทธิไกรฤกษ์ อภิมหาเศรษฐีหนุ่มมาดขรึม วัยสามสิบหกปี บุคลิกน่าเกรงขาม หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม นัยน์ตาสีสนิมเย็นชาดุกระด้าง และว่างเปล่าประหนึ่งเวิ้งทะเลที่ยากแก่การคาดเดาอารมณ์ จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักลึกที่เหมือนติดจะเย้ยหยันอยู่เป็นนิจ รูปร่างสูงใหญ่ไหล่กว้างในชุดสูทอาร์มานีสีน้ำเงินเข้ม ค่อยๆ ละสายตาจากใครบางคน ขยับตัวนั่งไขว่ห้างด้วยท่วงท่าสบายๆ แล้วหันไปมองเพื่อนซี้ที่กำลังจ้องมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ นัยน์ตามีแววล้อเลียน
“เมื่อกี้มึงว่าไงนะ”
“ฮั่นแน่ แสดงว่าสนใจจริงๆ”
ภูผา เทวาสถาพร หนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อตี๋สไตล์เกาหลี ที่นั่งในฝั่งตรงข้าม เอ่ยสัพยอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ทำให้คิ้วหนาเหนือนัยน์ตาไร้อารมณ์เลิกขึ้นเล็กน้อย
“สนใจอะไร?”
“เอ้า! ก็สาวน้อยคนเมื่อกี้ไง”
“คนไหนวะ?”
คนถูกไล่บี้ยังคงทำหน้านิ่งคงเส้นคงวา
“ก็คนตัวเล็กๆ หุ่นอวบอิ่มปุ๊กปิ๊ก ที่เพิ่งเดินผ่านไปไง”
“นั่นเรียกว่าหุ่นอวบอิ่มเหรอ กูว่าตัวกลมมากกว่า แถมดูท่าว่าจะกินเก่งซะด้วย ไม่งั้นคงไม่ถือของกินพะรุงพะรุง หนำซ้ำยังมีเศษขนมติดตรงแก้มย้อยๆ นั่นอีก ดูยังไงก็เด็กกะโปโลชัดๆ”
“แหม! ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่จดจำรายละเอียดได้ซะแม่นยำเชียวนะมึง แสดงว่าสนใจจริงๆ แต่จะว่าไปก็ไม่แปลกหรอกที่มึงจะสนใจ เด็กอะไรหุ่นเหมือนนางเอกหนังเอวีญี่ปุ่นชะมัด”
พ่อหนุ่มเจ้าสำราญเอ่ยอย่างเพ้อๆ ตามประสาคนชอบมองของสวยๆ งามๆ
“ลืมไปแล้วหรือไง ว่ามึงกำลังจีบคุณเอวาเขาอยู่”
มาเฟียหนุ่มสวนกลับเสียงเรียบ สีหน้านิ่งสนิทและเฉยชา
“เออๆ ไม่ลืมหรอกน่า ผู้หญิงคนอื่นกูก็แค่มองพอเป็นอาหารตา ส่วนเอวาน่ะกูรักจริงหวังแต่งเว้ย ว่าแต่มึงก็อย่าลืมซะล่ะ ว่าตัวเองน่ะมีเมียแล้ว ห้ามมองผู้หญิงคนอื่นเหมือนลืมตัวแบบเมื่อกี้อีกเด็ดขาด”
ภูผาเอ่ยเตือนสติในตอนท้าย เพราะไม่เคยเห็นพื่อนรัก ‘เสียอาการ’ แบบนี้เลยสักครั้ง ถึงจักรพรรดิจะขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ แต่เวลาคบใครก็คบทีละคน พอมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วก็เลิกหมด ไม่เคยชายตาแลหญิงอื่นให้เมียต้องขุ่นข้องหมองใจ แต่วันนี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเผลอลืมตัวมองสาวน้อยหุ่นน่าฟัดที่เพิ่งเดินผ่านไม่วางตา
“แค่รู้สึกคุ้นหน้า”
คนโดนย้อนทำเพียงไหวไหล่เบาๆ จักรพรรดิรู้สึกเหมือนเคยเจอสาวน้อยคนที่เพิ่งเดินผ่านหน้าไปเมื่อครู่ที่ไหนสักแห่ง แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก แถมสมองยังเอาแต่ควานหาว่าเขาเคยรู้จักเธอหรือไม่
ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนเคยเจอ เคยเห็นหน้า เคยสัมผัส เคยใกล้ชิด
มันน่าประหลาดเอามากๆ
แม่ง! แค่เจอหน้า ทำไมต้องเอาแต่คิดเรื่องของยายเด็กนั่นด้วยวะ
“เฮ้ย! เด็กเลี้ยงมึงหรือเปล่าวะ”
“นั่นมันมึง ไม่ใช่กู กูไม่เคยเลี้ยงเด็ก กูไม่ชอบเด็ก”
มาเฟียหน้าตายสวนกลับทันควัน
“งั้นก็เป็นอดีตคู่ควง”
“จะต้องให้ย้ำอีกกี่หน ว่ากูไม่ชอบเด็ก ไม่เหมือนมึงที่ชอบพรากผู้เยาว์”
คราวนี้คนโดนไล่ต้อนเริ่มกดเสียงต่ำ ส่วนคนถูกหลอกด่าสองดอกติดๆ ทำเพียงไหวไหล่ไม่ยี่หระ
“ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมมึงมองเขา ‘ตาค้าง’ จังวะ”
“แค่มอง”
จักรพรรดิย้ำชัดในเจตนา ส่วนภูผาก็ต้องทำทีเป็นไหลไปตามน้ำ
“เออๆ แค่มอง…ก็ได้”
“บอกแล้วไง ว่าแค่รู้สึกคุ้นหน้า”
“จริงดิ”
ภูผาหรี่ตามองเพื่อนซี้เพื่อจับพิรุธ แต่คนอย่างจักรพรรดิมีหรือจะหลุดมาดเป็นหนที่สอง เขาขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชา เก็บอารมณ์เก่ง ไม่มีทางจะให้ความหงุดหงิดงุ่นง่านเพราะ ‘เด็กนั่น’ ที่กำลังบังเกิดหลุดลอดออกมาอีกหน
“อืม”
ปากตอบไปงั้น แต่กลับหลุดสบถในใจ
เวร! ก็แค่เด็กกะโปโลคนหนึ่งทำไมเขาต้องเก็บมาใส่ใจด้วยวะ
“ก็ดี จะได้ไม่เจอข้อหาพรากผู้เยาว์ และนอกใจเมีย”
“กูไม่เคยคิดจะนอกใจเมีย”
จักรพรรดิประกาศอย่างหนักแน่น พยายามสะกดอารมณ์กรุ่นๆ ในอก ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบแก้วกาแฟมาจิบด้วยท่วงท่าสง่างามจนน่าทึ่ง ทั้งที่จริงๆ แล้วภูผานั้นดูออกว่าอีกฝ่ายกำลังหงุดหงิด ไม่ว่าจะด้วยเรื่องที่โดนเขาล้อเลียน หรือเรื่องสาวน้อยคนเมื่อกี้ แต่อีกฝ่ายก็ยังเก็บอาการได้อย่างน่านับถือเสียจริงๆ
วันนี้บูรณิมามารับจ๊อบพิเศษที่สตูดิโอของเอวาริน นางแบบคนดัง ที่ผันตัวมาทำแบรนด์เสื้อผ้าและชุดชั้นในเป็นของตัวเอง ซึ่งช่วงนี้มีคอเลกชั่นใหม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน ‘เอวารี’ ฉะนั้นเอวารินจึงติดต่อให้เธอมาเป็นนางแบบให้
ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก
เธอเป็นนางแบบชุดชั้นในให้เอวาริน ไม่ได้เป็นนางแบบประจำ แต่จะรับเป็นจ๊อบๆ ไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะตอบรับข้อเสนอของอีกฝ่ายเมื่อเงินในบัญชีใกล้จะหมด
งานหลักของเธอคือการเป็นนักเขียนนิยาย บูรณิมาเริ่มยึดอาชีพนี้ หลังฟื้นจากการนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราเพราะประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส เธอหันมาเอาดีด้านการเขียนนิยายในช่วงฟื้นฟูร่างกาย เพราะพื้นฐานเป็นคนชอบอ่านนิยายควบคู่กับหนังสือเรียนอยู่แล้ว
อีกทั้งยังมีต้นทุนอยู่ก่อน เพราะเขียนนิยายลงอัพเดทในเว็บไซต์ให้คนอ่านตั้งแต่อายุสิบห้า เคยส่งผลงานไปให้สำนักพิมพ์พิจารณา กระทั่งผ่าน และได้รับการตีพิมพ์ออกวางจำหน่ายในร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ รวมทั้งขายในรูปแบบของอีบุ๊ค ฉะนั้นพอผันตัวมาเป็นนักเขียนเต็มตัวจึงมีฐานแฟนคลับอยู่มากพอสมควร ซึ่งนั่นก็เป็นใบเบิกทางชั้นเยี่ยม สำนักพิมพ์ต่างอ้าแขนรับ และต้องการผลงานของเธอ ถึงแม้จะเริ่มยึดอาชีพนี้ได้ไม่นาน แต่ประสบการณ์ที่สั่งสมมาตั้งแต่อายุสิบห้าก็ทำให้บูรณิมากลายเป็นนักเขียนหน้าใหม่ที่เนื้อหอมพอตัว
ส่วนเรื่องเรียนมหาวิทยาลัยก็จำต้องหยุด ซึ่งพ่อกับแม่เป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้ทั้งหมด จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเป็นมาเรียนที่บ้านแทน เนื่องจากสภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย และยังไม่พร้อมจะออกไปเจอใคร บูรณิมาสมัครเรียนที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาการตลาด โดยตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า อีกไม่เกินสามปีจะต้องจบหลักสูตรให้ได้ ฉะนั้นชีวิตของเธอจึงวนเวียนอยู่แต่กับเรื่องเรียน และเขียนนิยายเป็นหลัก
งานรองคือการเป็นนางแบบชุดชั้นในสุดวาบหวิว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ากระดากอายมากๆ จนเธอไม่กล้าปริปากเล่าให้ใครฟัง แม้กระทั่งพ่อกับแม่ อีกทั้งบอกให้เอวารินเก็บเรื่องนี้เป็นความลับสุดยอด ห้ามแพร่งพรายอย่างเด็ดขาด เพราะถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูนักอ่านของเธอชื่อเสียงนักเขียนนิยายอีโรติกสุดฮอตฉ่า ผู้ที่เก็บเนื้อเก็บตัว เป็นบุคคลลึกลับชวนค้นหา ไม่เคยออกสื่อ ไม่เคยลงรูปในโซเชียล คงได้ป่นปี้เป็นแน่แท้
เสียงเปิดประตูเข้ามาในห้องแต่งตัวโดยไม่ได้เคาะส่งสัญญาณเสียก่อน ไม่ได้ทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาใส่บราเซียร์สุดเซ็กซี่ชวนวาบหวามเงยหน้าขึ้นเลยสักนิด
“พี่เอวา ชุดนี้มันไม่โป๊ไปหน่อยเหรอคะ ไอ้บราลูกไม้เนี่ยก็สวยเซ็กซี่ดีอยู่หรอก แต่บี๋ว่ามันบางเกินไปจนแทบจะปิดเต้าไม่ได้ แถมจุกก็เหมือนจะโผล่ด้วย”
เสียงใสๆ เอ่ยเป็นเชิงชวนคุย ขณะก้มหน้าขยับบราที่กำลังสวมใส่ให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้านวลปลั่งขึ้นสีระเรื่อด้วยความกระดากอายกับความเซ็กซี่เกินจะรับไหวของบราเซียร์ตัวจิ๋ว อีกทั้งนึกปลงกับหน้าอกหน้าใจที่เหลือล้นของตัวเอง
วิจารณ์ไปเสียเยอะแต่เจ้าของแบรนด์กลับไม่หือไม่อือ ทำให้เธอฉุกใจคิด เงยหน้าพรึ่บขึ้น ก่อนจะหลุดอุทานหน้าตื่น เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาในห้องแต่งตัวหาใช่เอวารินแต่อย่างใด
“ว้าย!”