หลังจากทานข้าวที่คฤหาสน์ตระกูลโนชิมูริเสร็จ จาฟาร์ก็เตรียมตัวจะไปส่งยูมิที่บ้านเพราะเห็นว่ามันดึกมากแล้ว ให้เธอกลับเองหรือให้การ์ดของเขาไปส่งมันคงดูไม่ดีสักเท่าไหร่
“ไว้รอบหน้ามาทานข้าวด้วยกันอีกนะหนูยูมิ”
“ขอบคุณค่ะก้าซัง” ยูมิเอ่ยพร้อมส่งยิ้มให้อลิเซียเล็กน้อย
“ไปส่งน้องก็ขับรถดี ๆ ไม่ต้องซิ่งมาก”
“ไม่ต้องห่วงนะอาเรียว ถ้ามันซิ่งเดี๋ยวผมโบกหัวให้เอง” และแน่นอนว่ารามคิรินทร์พร้อมจะติดสอยห้อยตามคาเซนไม่ห่าง
“ผมกลัวมันจะบอกให้ผมขับเร็วกว่าเดิมมากกว่าโต้ซัง”
“คิดเหมือนกัน” อลิเซียเอ่ยอย่างปลง ๆ เพราะรามไม่ได้ต่างจากพ่อของตนสักเท่าไหร่
"ไปกันได้แล้วไป เดี๋ยวที่บ้านน้องจะเป็นห่วงไปมากกว่านี้"
"ลาก่อนค่ะคุณเรียวจิ ก้าซัง"
"เรียกก้าซังแต่ไม่เรียกโต้ซังซะงั้น"
"งั้นยูมิขออนุญาตเรียกโต้ซังนะคะ"
"ยินดี" เรียวจิเอ่ยตอบพร้อมส่งยิ้มให้ว่าที่ลูกสะใภ้เพียงเล็กน้อย เมื่อลากันเสร็จทั้งสามก็มาขึ้นรถโดยรามคิรินทร์นั่งด้านหลังและหญิงสาวนั่งข้างชายหนุ่ม
"เป็นไงมาที่นี่วันนี้?"
"ก็ดีค่ะ"
"เธอตอบได้แค่นี้เหรอ?" จาฟาร์เลิกคิ้วสูงเอ่ยถาม
"แล้วจะให้ตอบยังไงค่ะ ดีมากค่ะท่านแบบนี้เหรอ?"
"ฮ่า ๆ" เสียงญาติของเขาหัวเราะจนดูน่าอร่อย แต่แล้วเสียงก็ต้องเงียบลงเมื่อจาฟาร์ส่งสายตาดุ ๆ ผ่านกระจกมองหลัง
"กวนจริง ๆ นะ"
"ก็เราตอบแล้วคุณไม่พอใจ"
"เฮ้อ เอาเถอะ"
"เหนื่อยกับเราเหรอ?" ยูมิหันมองหน้าชายหนุ่มแล้วถามออกมา
"เปล่า"
"นึกว่าเหนื่อย"
"แล้วถ้าบอกว่าเหนื่อยจะทำไง?"
"ก็หาคนใหม่สิคะ เราเป็นแบบนี้"
"สมน้ำสมเนื้อฉิบหาย" รามพึมพำออกมาเบา ๆ และเป็นครั้งที่สองที่ได้สายตาพร้อมเฉือนเลือดเฉือนเนื้อของเขา
"ปกติทำงานอะไร?"
"ไม่ได้ทำค่ะ คุณน่าจะรู้อยู่แล้ว"
"เธอนี่มันรู้ดีไปทุกเรื่อง"
"คำนี้เราต่างหากที่ควรพูดกับคุณ รู้ดีไปซะทุกเรื่อง"
"ยูมิโกะ"
"เรียกเราทำไม?"
"เธอแม่ง" คาเซนหัวเสียจนต้องหันกลับมาสนใจถนนต่อ กลัวว่าถ้าชวนคุยมากกว่านี้จะได้บีบคอว่าที่เจ้าสาวของตัวเองจริง ๆ
"เคยมีแฟนมั้ย"
"คุณอยู่เงียบ ๆ หรือขับรถอย่างเดียวไม่ได้เหรอคะ"
"ตอบมาเถอะ"
"เคยค่ะ"
"ว้าว ไม่น่าเชื่อ"
"ทำไม เราเหมือนคนใส ๆ เหรอ?"
"เป็นคนญี่ปุ่นจริงมั้ย รู้จักภาษาไทยดีฉิบหาย"
"เราเคยเรียนแลกเปลี่ยน มีเพื่อนที่ไทย"
"อ๋อ" จาฟาร์พยักหน้ารับเบา ๆ ยูมิมีอะไรที่ทำให้เขาอยากรู้จักเธออีกมาก ไม่เหมือนใคร ไม่อ่อย ไม่เข้าหา กวนตีนด้วยซ้ำ
"ถ้าจะด่าเราในใจคุณช่วยเก็บสีหน้าให้ดีกว่านี้หน่อยได้มั้ย"
"รู้อีก"
"เฮอะ"
"แล้วเลิกกับแฟนทำไม?"
"คำถามนี้เราไม่ขอตอบ"
"ไม่ตอบก็ไม่ตอบ" จาฟาร์ไหวไหล่สบาย ๆ ราวกับว่าไม่ได้ต้องการอยากรู้ขนาดนั้น แต่ในใจก็ภาวนาให้เธอพูดมันออกมา
"แล้วคุณเคยมีแฟนมั้ย?"
"จะจีบฉันเหรอ?"
"เปล่าค่ะ ถามกลับตามมารยาทน่ะ"
"ฮ่า ๆ"
"ไอ้คิรินทร์"
"ก็กูชอบนี่หว่า ยูมิโกะเรามาเมคเฟรนกันมั้ย?"
"ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวก็เป็นญาติกันแล้ว"
"ฮ่า ๆ" จาฟาร์หัวเราะลั่นเมื่อรามคิรินทร์เจอกับตัวบ้าง
"แม่ง มึงเงียบไปเลยไอ้ฟาร์ เดี๋ยวกูให้เมียสอนหลักสูตรการเป็นภรรยาทายาทบราวน์ให้เมียมึงเลยหนิ"
"ยังไม่ใช่ ไอ้ห่า"
"คุณมีภรรยาด้วยเหรอ?"
"อ้าวคนสวย ผมหล่อขนาดนี้ ไม่มีได้เหรอครับ"
"ภรรยาคุณปวดหัวหรือเปล่า?"
"ยูมิ เบากับผมที รับไม่ไหวแล้ว"
"สมน้ำหน้าไอ้เวร" ถ้าไม่บอกว่าเป็นญาติกัน ยูมิเกือบคิดว่าทั้งสองเป็นศัตรู ใครพลาดคนนั้นโดน
"เดี๋ยวขอแวะซุปเปอร์มาเก็ตหน้าทางเข้าหมู่บ้านเธอก่อน ไม่รีบใช่มั้ย?"
"ซื้ออะไรคะ?"
"ของติดไม้ติดมือไง ซุปเปอร์นี้มีเบเกอร์รี่ของก้าซังวางขาย ซื้อไปให้ครอบครัวเธอชิมสักหน่อย"
"บ้านเรากินอยู่เป็นประจำ"
"ว้าว ว่าที่ลูกสะใภ้น่ารักขนาดนี้ ไม่แปลกที่อาเซียจะชอบ"
"เออ" จาฟาร์เลี้ยวรถเข้าจอดที่ด้านหน้าและวิ่งลงไปเปิดประตูฝั่งหญิงสาว
"มากับฉัน"
"แล้วกูล่ะ?"
"เฝ้ารถต่อไป" ไม่รู้ว่าทำไมรามคิรินทร์เห็นแววคนคลั่งรักออกมาจากตัวของจาฟาร์มากขนาดนี้
“ปกติทานอะไรกันบ้าง เลือกสิ”
“เลือกเยอะได้มั้ย”
“เหมาเลยมั้ยล่ะ”
“คุณไม่ประชดได้มั้ย”
“ไม่ได้ประชด ฉันเหมาให้เธอได้จริง ๆ”
“สายเปย์เหลือเกินนะ” ยูมิพูดแบบประชดก่อนจะหยิบถาดและเลือกขนมที่คนในครอบครัวของเธอชอบอย่างละ 3 ชิ้นต่อคน
“แค่นั้นพอ?”
“พอแล้ว จะทานอะไรเยอะแยะ ของหวานไม่ดีต่อคนสูงอายุ คุณก็อย่าทานเยอะล่ะ”
“เดี๋ยว ฉันเพิ่ง 26 จะ 27”
“อ่า โทษที หน้าคุณขมวดคิ้วตลอดเวลาจนดูแก่”
“ยูมิโกะ” ร่างบางไหวไหล่และเดินหนีไปอีกฝั่ง ไม่สนคนที่หัวร้อนอย่างเขา
“ได้เทคโรงงานยาพาราแน่กู” เมื่อเลือกของเสร็จถึงตอนจ่ายเงิน จาฟาร์ยื่นบัตรของเขาให้พนักงานก่อนรับของมาถือด้วยตัวเอง
“ส่งมาสิ เราช่วย”
“ไม่ต้อง แฟนเก่าเธอไม่เคยทำหรือไง ผู้หญิงควรเดินสบาย ๆ ปล่อยหน้าที่ยกให้เป็นของผู้ชาย”
“คุณคาเซน ได้โปรดอย่าหึงย้อนหลัง”
“นี่!” ไม่ทันได้บ่นเธอก็เดินตัวปลิวกลับรถไปเป็นที่เรียบร้อย
“กลับมาคุยกันก่อน ใครหึงเธอ”
“ไม่รู้สิ คุณทำตัวเหมือนผัวหวงเมียกับผัวเก่า”
“ยัยบ้า!”
“โวยวายทำไม น่ารำคาญ” คนตัวเล็กเปิดประตูเข้าไปนั่ง ปล่อยให้จาฟาร์มองตามเหมือนหมามองเจ้าของอยู่แบบนั้น
“ขึ้นรถสิฟาร์”
“เออ” จนรามคิรินทร์เปิดกระจกตาม ร่างสูงถึงเดินเอาของไปเก็บข้างหลังและกลับไปประจำตำแหน่งคนขับ
“เรียกฉันจาฟาร์ให้ติดปาก ให้ดีเรียกเฮียฟาร์”
“อยากได้น้องสาวเหรอ?”
“โว้ย ทำไมกวนนักวะ”
“อ้าว เฮียแปลว่าพี่หนิ”
“บ้านฉันมีเชื้อสายฮ่องกง ที่นั่นเขาเรียกผัวว่าเฮีย”
“แต่คุณยังไม่ใช่ผัวเราหนิ เรียกคุณฟาร์ละกัน”
“เอาเถอะ ฉันเหนื่อย เธอเถียงเก่ง”
“เปลี่ยนเจ้าสาวมั้ย?”
“ฝันหรือไง” รามคิรินทร์นั่งสังเกตการเงียบ ๆ และคอยรายงานในกรุ๊ปครอบครัว
“ถึงแล้ว”
“รู้แล้ว นี่บ้านเรา”
“เฮ้อ ฉันจะเดินลงไปส่ง”
“จริง ๆ ไม่ต้องก็ได้”
“ฉันไม่อยากให้ใครพูดได้ว่าดูแลเมียไม่ดี”
“ก็บอกว่ายังไม่ใช่ไง”
“เออ เดี๋ยวเร่งงานแต่งให้เข้ามาเดือนหน้าเลย จะได้ยัดเยียดความเป็นผัวให้จบ ๆ ไป”
“ของขาดเหรอ?”
“ยูมิโกะ”
“เฮ้อ ทำไมคุณต้องทำตัวซีเรียสตลอดเวลา เราคุยกับคุณแล้วเหนื่อย”
“ฉันมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมาย จะเอาเวลามาเล่นอย่างเธอได้ยังไง”
“หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ก็ทำในเวลาของมัน ช่วงเวลานี้คุณควรผ่อนคลายซะบ้าง เราแต่งงานก็อยากมีความสุข ไม่ใช่เจอแต่หน้าเครียด ๆ ของคุณทุกวัน แต่ถ้าการบอกไปเป็นการก้าวก่ายขอโทษด้วย ไม่ต้องส่ง ขอบคุณ” พูดจบหญิงสาวก็เปิดประตูเดินลงไป โดยมีรามส่งของจากด้านหลังให้
“เดี๋ยว”
“อะไรอีก”
“ฉันจะผ่อนคลายให้มากกว่านี้ เธอจะได้มีความสุข”
“ไม่ต้องคิดว่าทำเพื่อเรา คุณทำเพื่อตัวเองเถอะ”