ตอนที่ 21
พยักหน้าแล้วกัลย์กฤษณ์ก็เดินออกไปด้วยความรู้สึกที่ยังหนักอึ้งในใจกับปัญหาเหล่านี้เหมือนวัตถุหนักหล่นโครมที่ศีรษะและเหมือนฟ้าผ่าที่รู้ความจริง นี่เขาลืมคิดไปว่าตัวมารดาท่านเป็นคนชาญฉลาด รอบคอบ และท่านนั้นก็ส่งคนของท่านให้ไปสืบเสาะดูฝ่ายตรงกันข้าม
เพราะเขาลืมคิดถึงข้อนี้ไปที่มาด่วนปรักปรำมารดา ก็เลยทำให้กัลย์กฤษณ์ยิ่งฟุ้งซ่านหนัก เพราะยิ่งรักมันหนักหน่วงอยู่ในอก และมีความคิดถึงคะนึงหา เพียงแค่วาดฝัน หากแต่ก็แปรเป็นความแค้นได้ทันควัน ก็แทบไม่เชื่อกับตัวเองเลยว่าเป็นไปได้ หากแต่มารดามีข้อมูลครบถ้วน รู้ข่าวความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงกันข้ามทุกอย่าง
ต่อไปนั้นเขาจะวางตัวยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณพาวน์เอหรือจะประกาศตัวเป็นศัตรูกับหล่อนให้เห็นอย่างเปิดเผยเอาแบบไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลาเลยหลังจากนั้นเขาก็บ่ายหน้าเดินออกไปทางหลังบ้านและเดินฝ่าฝูงลูกแกะและพ่อแม่ของมันที่วันนี้มันคงแปลกใจอย่างมากที่เจ้านายนั้นมีอาการเซื่องซึมไม่ร่าเริงเหมือนทุกวันสีหน้าหม่นหมองไม่สนใจพวกมันเช่นทุกวัน เพราะเขามักจะหัวเราะร่าเริงเพลินเล่นเย้าหยอกกับพวกมันในทุกครั้ง แต่เวลานี้กัลย์กฤษณ์เดินเหมือนคนซังกะตายเลยทีเดียว
และในขณะนั้นเพื่อนรักที่เป็นสัตวแพทย์ซึ่งสวมหมวกปีกกว้าง เสื้อแขนยาวสีเทาพร้อมรองเท้าบู๊ต ย่ำสวบมาทางนี้ เห็นเข้าโดยบังเอิญ จึงเรียก “เฮ้ย กิ้น เป็นไปไปวะ มายืนตากแดดอยู่ได้”
อันที่จริงจามิกรก็ยังค้างคาใจในเรื่องที่เพื่อนถูกมารดาตำหนิ แต่ก็ไม่สะดวกที่จะถาม จึงเก็บความสงสัยไว้ในใจ ว่าการที่กัลย์กฤษณ์ถูกมารดาตักเตือน นั้นมาจากสาเหตุอะไร
เพราะว่าเมื่อนึกแล้วเขายังปวดหัวตุบกับน้ำเสียงที่เข้มและเมินหมางของมารดาเพื่อน แต่ท่านเป็นถึงเจ้านายก็เชื่อว่าย่อมจะมีเหตุผลส่วนตัว และฝ่ายของกัลย์กฤษณ์ที่มีสีหน้าเหม่อลอยครั้นเมื่อได้ยินเพื่อนเอ่ยเรียก เพราะจามิกรนั้นเป็นฝ่ายละทิ้งเครื่องมือ เดินเข้าไปหาเพื่อนรัก ดูเหมือนสีหน้าเพื่อนยังเคร่งเครียดใบหน้าซีดเจื่อน จนเขาต้องกระตุกเพื่อรบเร้าถาม
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น นี่นายไม่สบายใจอะไรก็บอกเรามานะ สองหัวก็ยังดีกว่าหัวเดียวนะกิ้น” เมื่อจามิกรแสดงความมีน้ำใจต่อเพื่อน ใต้ร่มขนุน ในขณะที่กัลย์กฤษณ์หยุดฝีเท้า ขณะที่เปลวแดดเบื้องนอกเต้นยิบยับกราดแสงกล้า หากเมื่อได้หลบร้อนก็ยังพอทำเนาอยู่ แดดไม่ลามเสียบาดผิวพรรณมากมายเหมือนเมื่อครู่ที่ผ่านมาซึ่งแดดแรงเริงจัดกล้า
“ก็เรื่องนั้นไงที่เราคุยกับนาย แล้วรู้หรือเปล่ากร แม่ฉันรู้ดียิ่งกว่าเสียอีก” หากจามิกรนิ่งเงียบ แล้วก็เอ่ยพร้อมถอนใจลึก
“นั่นสิ ฉันก็ไม่เข้าใจท่านเหมือนกัน ว่าทำไมแม่ของนายโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างนี้ จนฉันต้องขอตัวเผ่นไปก่อน”
และกัลย์กฤษณ์หันใบหน้ามาหาเพื่อน พร้อมกับตอบช้าๆ
“ที่จริงเป็นเรื่องนี้ แต่รู้ไหมฉันโง่เอง ที่ไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อน ว่าผู้หญิงที่กำลังคิดสานสัมพันธ์ด้วย เธออาจจะเป็นนางนกต่อที่ถูกส่งมาเพื่อทำลายตระกูลอัมพุนาวินของฉันก็ได้”
และเมื่อครุ่นคิดตามและทบทวนคำของเพื่อนหมอจามิกรก็เลยยิ่งงงไปใหญ่แต่พอเข้าใจเลาๆแล้วกับเรื่องนี้ที่เพื่อนรักเล่ามา
หากกัลย์กฤษณ์ที่รู้เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้บอกเพื่อนรักไปเสียทั้งหมด
“งั้นที่นายพูดถึงเธอเป็นผู้หญิงที่นายกำลังคบหาเพื่อดูใจและเป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เราได้ไปเจอในสวนอาหารบึงดอกรักหรือเปล่าวะ” เพราะมีคนเดียวที่ตอนนี้กัลย์กฤษณ์ติดพันและสนิทสนมด้วย จามิกรเดาถูกเผงแต่กัลย์กฤษณ์ก็ยังขมวดคิ้วเรียวมุ่นหนักจนต้องพยักหน้าให้กับเพื่อน
“ใช่คุณแม่ฉันบอกแล้วว่าไอ้รีสอร์ทที่เปิดใหม่นั่นเป็นของแม่ใหญ่หรือคุณธิดา”และจามิกรก็อึ้งไปชั่วขณะที่ได้ทราบถึงความจริง พร้อมกับเขาอ้าปากค้างเรื่องคุณธิดาคนนี้นะหรือที่กำลังมุ่งร้ายต่อครอบครัวเพื่อนรักของเขาเพราะกัลย์กฤษณ์เคยเล่าให้ฟังว่าเขาถูกหาเรื่องและกลั่นแกล้งจากผู้หญิงคนนี้ ไม่ให้เขาและมารดาอยู่เป็นสุข
“งั้นก็แสดงว่า คุณพาวน์ที่นายกำลังนึกปิ๊งจะจีบหล่อนนั้นเธอก็เป็นคนของศัตรูนายนะสิกิ้น”
กัลย์กฤษณ์นั้นยังไม่แน่ใจนักหรอกหากแต่ก็ตอบแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะใจเขาไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย และตราบใดที่ไม่ผ่านการพิสูจน์ แต่คำพูดของมารดา ก็ทำให้เขาปักใจเชื่อท่าน ส่วนจามิกรนั้นเขาอยากให้เพื่อนลองตรองอย่างถี่ถ้วนก่อนไม่อยากให้เป็นแบบกระต่ายตื่นตูมคือด่วนปรักปรำไปก่อน
“อือมฉันว่าเรื่องนี้นายคิดให้ดีก่อนเถอะนะมันอาจจะไม่ใช่อย่างนั้นจริงก็ได้”
“จะไม่ใช่ได้ยังไงล่ะก็ในเมื่อเป็นคนของคุณธิดานั้นและแม่ใหญ่เป็นแม่ของนายหริรักษ์แต่ถึงอย่างไรก็ตามเถอะฉันก็จะไม่มีทางละเว้นหรอกนะ” ซึ่งกัลย์กฤษณ์ก็พูดด้วยอารมณ์โมโหเช่นกัน เพียงแค่รับรู้ว่าหล่อนนั้นมาเกี่ยวข้องกับศัตรูทางสายเลือดกับเขาด้วยแบบนี้
ในขณะที่เวลานี้เพียงปัทม์นั้นกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับมารดาจนกระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วโมงและพอสักพักหล่อนกำลังจะวางเครื่อง พอดีกับคุณธิดาป้าของหล่อนนั้นก็โทร.มาและท่านบอกว่าจะเดินทางไปที่รีสอร์ท เพื่อทำการเปิดอย่างเป็นทางการหลังจากที่เปิดให้บริการมาสักระยะแล้ว และมีแขกเหรื่อเข้ามาจองห้องพักกันอย่างประปราย
“เป็นไงบ้างจ้ะยัยพาวน์ตอนนี้มีลูกค้าให้ความสนใจเกี่ยวกับรีสอร์ทของเรามากมายแค่ไหนแต่ป้าว่านะเพิ่งเปิดใหม่มันก็อย่างนี้ แหละลูก ลูกค้าอาจจะยังไม่รู้จักของเราและป้าก็ไม่อยากให้พาวน์ถอดใจ ต้องอดทนเถอะนะหลาน ป้าเองก็เชื่อมือพาวน์นะ เสร็จธุระทางนี้ ป้าจะรีบไปทันที และไปให้ทันก่อนการเปิดงาน ”
ในฐานะผู้เป็นเจ้าของผู้ครอบครองที่ดินและทรัพย์สินทั้งหมด คุณธิดาจะพลาดไม่ได้ในงานนี้ เพราะเธอไปอย่างมีแผนการบางอย่างที่เก็บไว้ในใจยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะนางเก็บกักมันเอาไว้ด้วยแรงแค้นที่กำลังจะปะทุขึ้นมา