ตอนที่ 22
เพราะถึงแม้ว่ามณีพิณจะเป็นฝ่ายหนีถอยแต่หากนางก็หาได้รามือไม่เพราะว่าสมบัติทุกชิ้นทุกอย่างต้องเป็นของลูกกอล์ฟ หรือ นายแพทย์หริรักษ์
ดังนั้นในช่วงเย็นของวันนี้เพียงปัทม์ได้ลงไปตรวจดูความเรียบร้อยภายในอาคารก่อนที่จะพลบค่ำนั้นจะมาเยือนเพราะผู้เป็นป้าฝากทุกสิ่งทุกอย่างให้หล่อนดูแล แบบนี้แสดงว่าท่านมีความเชื่อใจหล่อนเหนือกว่าใครๆ หากเพียงปัทม์ไม่อยากให้ท่านผิดหวัง ท่านย่อมจะคาดหวังในผลงานของหล่อนด้วยดีนั่นเอง
ทั้งๆที่เพียงปัทม์ถือว่าเป็นแค่มือสมัครเล่น ถึงแม้จะจบทางสายนี้โดยตรงแต่หล่อนยังไม่มีประสบการณ์เบื้องนอกฟ้ากลายเป็นสีดำแต่มีเค้าดำทะมึนว่าจะตกในไม่ช้านี้ แก้วส่งเสียงร้องเตือนหล่อนหน้าบันได
“เร็วเข้าเถอะค่ะคุณพาวน์นี่ฝนคงจะลงหนักแน่ พี่นึกขึ้นได้ว่า ตากเสื้อผ้าไว้ริมระเบียงเดี๋ยวจะขอตัวขึ้นไปก่อน”
หญิงสาวยิ้มให้กับผู้ช่วย ซึ่งคุณป้าส่งให้มาดูแล
ครู่ต่อมาเพียงปัทม์เข้าไปในห้องของหล่อนที่เปิดไฟสว่างบนเตียงนุ่ม เพียงปัทม์รีบปิดบานกระจกทุกบานในห้องแต่หญิงสาวนั่งจ้องหน้าออกไปทางกระจกแล้วจู่ๆเสียงฟ้าก็ร้องลั่นเปรี๊ยะและสายอสุนีบาตก็พาดสายสีขาวแปลบปลาบพร่างไปหมด แม้แต่อยู่ในห้องก็ยังเห็นแสงจ้าพร้อมกับเสียงครืนๆ ทำให้หล่อนสะดุ้งเพราะตกใจกลัว
ไม่นานนักเพียงปัทม์ก็ปิดไฟดับที่หัวเตียงเพื่อหลับนอนและนอนฟังเสียงฝนจนหลับ เธอเหนื่อยล้ามาทั้งวันไม่คิดสนใจสิ่งใดอีก ต้องการหลับพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้ทำงานไหวเพราะงานที่หล่อนรับผิดชอบนั้นถือว่าหนักซ้ำยังต้องเตรียมต้อนรับคุณป้าที่จะเดินทางมาเร็วๆนี้ ไม่เกินสองสามวัน ดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างต้องเรียบร้อย เนื่องจากเพียงปัทม์รับปากท่านไปแล้ว
และที่บ้านของนายสัตวแพทย์จามิกรเสียงล้งเล้งตอบโต้เป็นภาษาจีนไม่ชัดคำของมารดาดังผ่านหน้าจามิกรหันหน้าหนีเดินผ่านไปสองทุ่มอีกครั้งที่สัตวแพทย์หนุ่มในชุดใหม่ที่เตรียมพร้อมออกไปทานอาหารกับแฟนสาวที่นัดกันไว้ที่สวนอาหารบึงดอกรักมีแต่เพียงสองหนุ่มสาวที่นั่งคู่ทานข้าวอย่างกะหนุงกะหนิง หากเบื้องนอกคือสายฝนที่เย็นฉ่ำสาดโปรยไปทั่วจนเป็นม่านหนาสัมผัสได้ถึงความเย็นชื้นที่รายรอบ
“ฝนตกหนักจังค่ะ พี่หมอ แล้วเราจะกลับกันได้ยังไง”
มองดูสายฝนที่พรำอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ป่านแก้วถอนใจออกมาแล้วบ่น ขณะที่มือวางช้อนและส้อมลง เพราะอิ่ม
“อยู่ใต้ฟ้าจะกลัวอะไรกับฝนล่ะจ้ะป่าน”
สัตวแพทย์หนุ่มเอ่ยปลอบ
“ค่ะ แต่ถ้าขืนออกไปตอนนี้ คงเปียกโชกด้วยกันทั้งคู่ เรารอให้ฝนซาก่อนเถอะนี่แค่สองทุ่มครึ่งเอง ยังไม่ดึกเท่าไหร่”
จามิกรนำรถที่บ้านและเขาพาแฟนสาวมาทานอาหารที่นี่ เขากะเวลาดูจากนาฬิกาที่ข้อมือในขณะนี้ ว่าควรจะทำยังไงต่อไป ฝนตกเป็นเรื่องสุดวิสัยป่านแก้วพอจะเข้าใจดี เพราะหลังจากนี้ทั้งๆที่ตั้งใจว่าทานเสร็จแล้ว ก็จะรีบกลับบ้านเพื่อพักผ่อน แต่ต้องหยุดอยู่ในร้านอาหารนั่งมองดูเม็ดฝนโปรยปรายลงตรงหน้า ลูกค้าแขกของร้านรายอื่นก็คงเช่นเดียวกัน หลายโต๊ะที่นั่งคุยเพื่อฆ่าเวลาเป็นเนิ่นนาน
“ป่านนึกว่าพี่หมอจะชวนพี่กิ้นมาด้วยเสียอีกเพราะเห็นปกติแล้วสนิทกันไปไหนมาไหนด้วยกัน” เสียงเอ่ยของแฟนสาว ทำให้จามิกรรู้สึกไม่พอใจและหึงนิด ทั้งๆที่ป่านแก้วถามเพราะอยากรู้ เห็นเขาสนิทสนมกับลูกชายเจ้าของฟาร์ม
“ถามเรื่องอื่นเถอะนะเรื่องนี้พี่ไม่อยากตอบ”
เขาเฉไฉเรื่องไปทางอื่นและฝนยังยอมไม่หยุดตกหล่อนเลยชวนเขาคุยดีกว่านั่งอยู่เฉยๆแบบนี้พร้อมหันไปทางคนรักหนุ่มและค้อนใส่
“แน้ มีการโยนให้ถามเรื่องอื่นด้วยหรือคะพี่หมอ”
ป่านแก้วรู้ทันก็เพราะรู้ว่าเขาคิดยังไงกับหล่อนเขาเงยหน้ามองแฟนสาวอีกครั้งทำเอาป่านแก้วเขินอายจนสะเทิ้นกายกับแววตาที่ปรารถนาของเขา “ใช่สิ เวลานี้พี่หมออยากจะคุยกับป่าน เฉพาะเรื่องของเราเท่านั้น” เขาระบุก็เลยทำให้สาวอ.บ.ต.ยิ้มอย่างรู้ทันคนเจ้าเล่ห์ คำว่าเรื่องของเรานั้นเน้นคำชัดเจน
“ใช่ค่ะของเราค่ะพี่หมอจะถามอะไรอีกคะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเรา”
“ก็ขอแต่งงานไงจ้ะ เรื่องนี้ไง คนดีของพี่หมอ ก็พี่เคยขอป่านไปตั้งหลายหนแล้ว แต่ก็ยังทำใจแข็งอยู่”
หากเขาพูดเหมือนอ้อนใส่และทะลุกลางปล้องเหมือนทุกครั้งเลย “แหมใจเย็นสิคะนี่จะไม่ยอมให้ป่านหายใจหายคอหรือไง ขอตั้งตัวหน่อยค่ะ“ หล่อนปรามคนใจร้อนที่ทำสีหน้าโอดใส่หล่อนรู้ว่าจะต้องผิดหวังกินแห้วอีกรอบ
“อดทนรอต่อไปอีกสักนิดเถอะค่ะ ป่านก็ยังสนุกกับการทำงานอยู่” ป่านแก้วพยายามหาทางออก ช่วงนี้งานเริ่มหนักแต่หล่อนก็ชอบบรรยากาศในการทำงานเพราะเกี่ยวข้องกับชาวบ้านโดยตรงเมื่อได้ยินหล่อนพูดแบบนี้ใจเขาแป้วลง และสีหน้าของหมอจามิกรนั้นหน้าเจื่อนซีดลงมากกว่าเดิม แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะการตัดสินใจทุกอย่างอยู่ที่ป่านแก้วเท่านั้น สาวคนรักยังไม่เอออวยและเขาใจร้อนก็จริงก็เพราะต้องการมีครอบครัวและสมหวังในความรักนั่นเอง
ฝนซาสนิทและเห็นว่าสมควรกลับได้แล้วหลังจากที่หล่อนเอ่ยเหมือนปฏิเสธเขาอีกครั้ง หมอจามิกรนั่งนิ่งไม่กระดุกกระดิกเหมือนคนซึมกะทือ จนหล่อนต้องเรียกเขาเตือน
“พี่หมอคะ ฝนหยุดตกแล้วล่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ”
และจามิกรถึงได้รู้สึกตัวตื่นจากภวังค์พยักหน้าแล้วเดินนำหน้าพาหล่อนไปที่รถและเงียบไม่เอ่ยพูดจาจนดูผิดสังเกตป่านแก้วรู้ว่า เป็นเพราะหล่อนปฏิเสธเขาอีกรอบ แต่ก็ไม่อยากให้แฟนหนุ่มน้อยใจถึงเพียงนั้น หล่อนไม่สบายใจในช่วงนี้ แต่ไม่แน่อาจจะเปลี่ยนใจ ยื่นรับคำขอของเขาในวันถัดไป ไม่ไกลจากนี้ เพราะไม่อยากทำลายความหวังของเขา