ตอนที่ 20
หากแต่ฝ่ายของคุณมณีพิณเองก็กลับนิ่งเช่นกัน ไม่ไหวติงและมีแต่สีหน้าเย็นชาในเวลานี้และหนำซ้ำเธอยังไม่สบตาตอบบุตรชาย
นี่หนอมันเลยทำให้เขารู้ว่า นั่นมารดาโกรธเขาแน่แท้ โกรธจัด แล้วเรื่องอะไร?ล่ะเขาไม่รู้ก็เลยทำให้กัลย์กฤษณ์นั้นอึ้งและแสนจะงุนงงเป็นไก่ตาแตก และเขาก็พูดอะไรไม่ถูกด้วย
ดูเหมือนภาพตรงหน้านั้น คือมารดาผู้ที่แสนที่น่ารักและเหมือนนางฟ้าใจดี กำลังจะกลับกลายเป็นนางยักษ์ขมูขีไปในพริบตาเดียวตรงหน้า จนเขาก็แทบไม่เชื่อ
และหากเมื่อมารดาไม่ยอมพูดหรือเอ่ยอธิบายมันเลยทำให้เขาชักหงุดหงิดและก็เครียดหนักกับภาพตรงหน้าที่เขาประสบอยู่เขาจึงลุกขึ้นยืนอย่างถือวิสาสะ เพื่อจะออกไปจากตรงนี้ หากแต่เสียงขัดขึ้น
“นี่ยังนะ แกยังไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะพูดคุยกันให้รู้เรื่องก่อน” เขาเลยหยุดชะงักตัวเอง ที่มารดายอมพูดด้วยแล้ว พร้อมกับหันหน้ามาสบตามารดาอีกครั้ง “แล้วนี่คุณแม่เลิกเป็นใบ้ไปแล้วหรือครับ กับผม แหม ผมนึกว่าจะไม่ยอมพูดจากับผมเสียอีก และผมก็นึกว่ามีผีที่ไหนมาสิงสู่ใจของคุณแม่เสียอีก จนถึงขนาดว่าจำลูกของตัวเองไม่ได้” เขาประชดและเหมือนกับกัลย์กฤษณ์อดที่จะเอ่ยกับมารดาออกมาไม่ได้ แต่ค่อนในทางที่ไม่ดี เป็นเพราะพลั้งปากไปมากกว่าการตั้งใจ เพราะไม่รู้ว่ามารดาเป็นอะไรไป
หากว่าคุณมณีพิณนั้นก็พยายามระงับอารมณ์โกรธและสีหน้ายังตึงในการที่ลูกชายเอ่ยล้อเลียนท่าน อย่างไม่เหมาะสม อีกครั้งที่เขาก็ยินยอมชะงักฝีก้าวและก็หันกลับมาด้วย แต่ยังคงตรึงเท้าอยู่แค่นั้น
“คุณแม่มีอะไรจะพูดกับผมอีกครับ เพราะพูดกันแค่นี้ คุณแม่ก็ชวนทะเลาะกับผมแล้ว และทั้งๆที่ผมไม่รู้เรื่องมาก่อนเลยว่า นี่กิ้นไปทำอะไรให้คุณแม่เคืองหรือไม่พอใจขนาดนั้น ผมทำอะไรผิด ส่วนไอ้หมอเพื่อนผมมันเห็นคุณแม่เป็นนางฟ้าใจดีมาตลอดนะครับ แต่คราวนี้มันคงจะเปลี่ยนไปเรียกนางยักษ์ขมูขีมากกว่า”
เขายังมีหน้ามาเอ่ยล้อมารดาเล่นๆเสียอีก แต่คุณมณีพิณก็ยังไม่ยิ้มให้และขำไปตามเขา จนว่าฝ่ายของกัลย์กฤษณ์ถอนใจเหนื่อย ออกมา เพราะว่าเขานั้นพยายามทำหน้าเป็นใส่ท่านก็แล้ว
หากแต่มารดาดูจะไม่สนุกด้วยและท่านมึนตึงใส่กับเขามากมายพอสมควรคราวนี้นางมณีพิณเอ่ยออกมาช้าๆลดเสียงตึงเครียด ที่ฟังดุแล้ว รู้สึกสบายใจหน่อย
“นี่แกบอกแม่มาตามตรงนะกิ้นลูกได้ไปเกี่ยวพันกับคนในรีสอร์ทที่เปิดใหม่ได้ยังไงกัน” ถามคาดคั้นมองจ้องหน้ากัลย์กฤษณ์เงยหน้าตอบมารดา
“อ้าวก็ไม่มีอะไรมากนี่ครับผมแค่เข้าไปทักพูดคุยด้วยแล้วก็จีบเลยสิครับ เธอออกจะน่ารักอย่างนั้น แถมก็ยังดุด้วยนะครับคุณแม่”
คำสารภาพซื่อๆและพูดจากใจของเขาที่ยังเจื้อยแจ้วเลยทำให้คุณมณีพิณส่ายหน้า หากแต่ก็โกรธบุตรชายไม่ลงอีกครั้งจนต้องเตือนออกมา
“ถ้าแม่จะเห็นดีด้วยกับแกนะกิ้นแต่ต้องไม่ใช่ผู้หญิงหรือคนที่มาจากรีสอร์ทเชิงเขาที่แกว่า”
“แล้วทำไมล่ะครับคุณแม่ ผมเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรสักนิด”
เขาก็ไม่เข้าใจเหตุที่มารดาพยายามกีดกัน และไม่ชื่นชอบสถานที่ “ไม่ต้องถามเพราะแม่บอกให้แกทำตามที่แม่สั่งไว้ก็แล้วกัน อ้อ แล้วถ้าอยากจะรู้มากมายนักก็ลองถามนามสกุลของผู้หญิงคนนั้นด้วยสิ ว่าหล่อนนามสกุลอะไรแล้วใครกันแน่ที่ใช้มาเพื่อจะสอดแนมดูความเคลื่อนไหวและกำลังหาทางทำลายแม่และแกให้ย่อยยับ” เมื่อกัลย์กฤษณ์รับฟังจากมารดาอีกครั้งจนท่านเอ่ยจบคำ ทำให้เขาก็ถึงกับตะลึงงัน และมองหน้าของมารดาพร้อมกับดวงตาเบิกกว้าง
“นี่คงไม่ได้หมายความว่าไอ้รีสอร์ทแห่งนี้เอ้อมันไปเกี่ยวข้องกับแม่ใหญ่” ครั้นเอ่ยแล้วกัลย์กฤษณ์ครุ่นคิดตาม และเขานั้นรู้จักคุณธิดาดี นั่นเพราะ อดีตที่ผ่านมาเขาเห็นนัยน์ตาที่แฝงอาฆาตและริษยา จากนาง และดวงตาที่เหมือนนางเหยี่ยวที่คอยโฉบเหยื่อ
และเป็นคนประเภทปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอมันก็เลยทำให้เขานั้นขบกรามบดแน่นเป็นเพราะสัญญาให้ไว้กับมารดาว่าเขานั้นจะไม่คบค้าสมาคมกับคนตระกูลนี้ทั้งๆที่สายเลือดเดียวกันเพราะส่วนมารดาท่านก็ได้รับความบอบช้ำและเจ็บปวดจากสตรีผู้เป็นใหญ่ที่ถือว่ามาก่อนอย่างคุณธิดา และภายหลังนั้น แม้มารดาจะเป็นฝ่ายหลีกถอยให้ก่อนแล้ว แต่อีกฝ่ายนั้นก็ยังไม่ลดละคิดตามราวีไม่เลิก คราวนี้กัลย์กฤษณ์สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆอย่างหนักแน่นในใจ เพราะเขาเพิ่งเข้าใจคำตอบของมารดา และสีหน้าของเขาก็เข้มและเดือดด้วยแรงแค้นอัดแน่นอยู่ในใจ จนถึงกับกำมือแน่น
“ผมนึกไม่ถึงว่ามันจะเกี่ยวข้องกันได้ ฮึ แต่ถึงอย่างไรก็ตามนะครับแม่ ถ้ารู้ว่าเธอเป็นคนที่แม่ใหญ่ส่งมาล่ะก็ผมเชื่อแม่ครับ และผมจะทำตามแม่ พร้อมกับจะไล่พวกศัตรูออกไปและจัดการกับพวกมันให้อย่างสาสมเลยทีเดียว”คุณมณีพิณฟังคำบุตรชายแล้วยิ้มออกมาที่จริงกัลย์กฤษณ์ยังไม่รู้เรื่องนี้หรอกนะ เพิ่งมารู้ตอนที่นางเฉลยในเดี๋ยวนี้ และเขาเริ่มรู้สึกดีต่อมารดาเหมือนเดิมแล้วเพราะอันที่จริงมารดาห่วงและกังวลในความปลอดภัยของเขามากที่สุด ทำให้เขานั้นรู้สึกดีต่อนาง จึงยิ้มให้
“งั้น กิ้นขอโทษคุณแม่นะครับ ที่วู่วามพลั้งปากพูดจากับคุณแม่ไม่ดีนัก” เอ่ยกับมารดาเพราะไม่เข้าใจสาเหตุที่แท้จริง ทำให้นางมณีพิณยิ้มให้ “จ้ะนี่แม่ก็หวังว่าเมื่อลูกได้ยินเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็จงระมัดระวังตัวเอง และไม่ยุ่งกับคนพวกนั้น”
“ครับคุณแม่และผมจะเข้าไปสืบเพื่อให้รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นงูพิษของคุณธิดาส่งมาหรือเปล่าและถ้าไม่งั้น ผมเองนี่ล่ะจะฉะเล่นงาน เครือญาติของฝ่ายศัตรูก่อน”เมื่อได้เห็นบุตรชายรับคำแล้ว คุณมณีพิณก็เบาใจที่กัลย์กฤษณ์ประกาศลั่นสบถต่อหน้านางอย่างเข้มแข็งจึงเอ่ย
“เอาล่ะไปทำงานต่อเถอะ และแม่จะขออยู่คนเดียว”