ตอนที่ 19
“คุณแม่ครับ นี่ถ้าเกิดต่อไป เอ้อ กิ้นเจอเนื้อคู่แล้ว และจะให้มาเป็นลูกสะใภ้คุณแม่ เพื่อช่วยควบคุมบริหารงานในฟาร์มร่วมกัน แล้วคุณแม่คิดว่าเข้าท่าไหมครับ ที่จะได้ลูกสะใภ้คนใหม่มาอยู่ด้วย เผลอๆนะ ก็อาจไม่นาน บางทีคุณแม่อาจได้อุ้มหลานอีกทอดหนึ่ง ข่าวแบบนี้คุณแม่ปลื้มไหมครับ เพราะเป็นข่าวโชคดีแบบสองเด้งเลย”
และกัลย์กฤษณ์ทำหน้ายิ้มใสใส่พร้อมกับตอบมารดา
หากนางมณีพิณก็ตะลึงอึ้งเช่นกันกับคำของบุตรชายหนุ่มโสด แต่ก็ยิ้มแย้มให้
“แหม..ก็ดีใจสิจ้ะที่พูดแบบนี้แสดงว่าเจอเนื้อคู่จริงๆแล้วใช่ไหมลูก” นางมณีพิณก็เงยหน้าจ้องเหมือนอ่านความนัยของบุตรชาย และหากบุตรชายของนางนั้นออกอาการเขิน จนเขาไม่เป็นอันทานของหวานเลย ต้องหยุดพร้อมกับวางช้อนเสียดื้อๆ และหลบตาอีกครั้งก่อนหันมา “ก็ทำท่าจะจริงครับ กิ้นไปเจอผู้หญิงคนหนึ่ง คิดว่าคงถูกใจคุณแม่แน่นอน เพราะทั้งสวยทั้งเก่งคล่องแคล่วไปหมด หุ่นไม่ต้องพูดถึงครับ สามารถเทียบคุณแม่ตอนวัยยังสาวๆได้เลย”
ฟังบุตรชายคนเดียวสาธยายแล้วคุณมณีพิณเธอนั้นขมวดคิ้วและดูท่าทีลูกชายนั้นทำท่าจะจริงนั่นเพราะคำพูดที่ดูทีเล่นของกัลย์กฤษณ์นั้นเหมือนจะแฝงจริงจังในตอนท้ายอยู่ด้วยทำให้นางถึงกับอุทาน “ลูกเต้าเหล่าใครกันจ้ะวันหลังนั้นก็พามาให้แม่รู้จักตัวได้มั๊ยล่ะแล้วแม่จะให้คำตอบแก่ลูกเองกิ้นว่าจะโอเคหรือโนเคนะจ้ะลูกจ๋า” ซึ่งนางยิ้มหวานตอบบุตรชาย ทำเอาเพื่อนสนิทอย่างหมอจามิกรนั้นนึกขำในคำพูดตอบโต้ของเพื่อนรักกับมารดาที่แสนจะน่ารักกลมกลืนที่ฟังแล้วเป็นกันเองเหลือเกินอบอุ่นใจเหลือประมาณซึ่งเป็นครอบครัวเล็กๆที่น่ารัก
“ก็พรรณนาเสียหยาดเยิ้มขนาดนั้นบอกกับแม่นี่ต้องแสดงว่าคงได้เจอทักทายกันแล้วสินะ” ลูกชายรูปหล่อนั้นวางฟอร์มทำอะแฮ่มปากทีหนึ่ง ก่อนที่จะแย้มพรายที่ริมฝีปาก
“ก็คงจะอย่างงั้นล่ะครับแต่ก็ยังไม่ได้รู้จักถ้วนทั่วเลยเธอเพียงแต่บอกว่าเข้ามารับอาสาทำงานให้กับเครือญาติและเป็นกิจการรีสอร์ทที่เพิ่งเปิดใหม่ อยู่เชิงเขาโน่นไงครับ”
ครั้นเมื่อฟังบุตรชายพูดแบบนั้นแล้วคุณมณีพิณก็เลยขมวดคิ้วตาม เพราะนางรู้สึกคุ้นๆ ว่าจะไม่บอกกัลย์กฤษณ์แล้ว คำว่ารีสอร์ทที่เปิดใหม่ติดเชิงเขาก็เห็นจะมีที่เดียวซึ่งบริเวณนั้นมีที่ดินซึ่งทำเป็นไร่ของนาง ที่ซื้อทิ้งเอาไว้เมื่อห้าปีก่อน หากแต่ลูกชายก็ไม่เคยรู้ และตั้งใจว่าเมื่อถึงเวลาแล้วคุณมณีพิณจะตัดสินใจบอกเขาเองแต่เมื่อเอ่ยถึงชื่อรีสอร์ทแห่งนั้นขึ้นมา สีหน้าของคุณมณีพิณเปลี่ยนไปในทันที
“ชื่อภูเพียงฟ้าครับผมมีโอกาสแวะเข้าไปดูแล้วเห็นว่าสวยงาม ออกแบบมาดีเป็นแบบธรรมชาติล้วนครับห้องหับก็ระดับโรงแรมหรูทีเดียวมีบังกะโลเป็นหลังว่างๆนะครับคุณแม่ผมสนใจจะแวะไปใช้บริการสักหน่อย” คำตอบของเขา
กัลย์กฤษณ์นั้นเขาไม่ได้เอ่ยบอกมารดาแบบตรงๆว่าหล่อนชื่ออะไร สถานที่ทำงาน บ้านพัก เพราะหญิงสาวคนสวยผู้นั้น หล่อนเป็นผู้บริหารและเป็นคนเอ่ยปากชวนให้เขาแวะเข้ามาใช้บริการด้วย
หากว่าแค่เพียงเท่านี้เขาได้เห็นริ้วรอยแปลกๆที่ดวงตาและใบหน้าของมารดาคล้ายตึงและมีอาการเกร็งเครียด สีหน้าที่แสดงออกมาเปลี่ยนไปราวคนละคนจากนั้นเสียงของนางก็เข้มกึ่งตวาดจนหมอจามิกรที่เพิ่งหมดถ้วยของหวานและรู้สึกอิ่มยังตกใจ
“ไม่นะลูกจะไปยุ่งกับใครก็ตามนะกัลย์กฤษณ์แต่ถ้าจะไปเกี่ยวข้องกับรีสอร์ทที่เปิดใหม่นั่น แม่ไม่อนุญาตและไม่ยอม แล้วแม่ก็ขอสั่งห้ามแกโดยเด็ดขาด นี่คือคำสั่ง”
ก็เพราะว่ามารดาไม่เคยเสียงเขียวเอ็ดใส่เขาดังรุนแรงขนาดนี้มาก่อนแล้วจากนั้นสีหน้าของนางก็เรียบเป็นปกติหากแต่ดวงตายังจ้องมาที่บุตรชายเขม็งเหมือนคาดคั้นและและเฝ้าจับตาไม่ให้เขาคลาดจากสายตาไป ซึ่งทำเอากัลย์กฤษณ์อึ้งและชะงักไปทันทีกับอาการที่เหมือนผีเข้าสิงของมารดา นี่เขาแสนจะแปลกใจอย่างมาก ทั้งตกใจจึงอุทาน โดยไม่ฟังคำของมารดาและเขาก็เถียงท่าน
“นี่คุณแม่ เป็นอะไรไปครับ แล้วสิ่งที่คุณแม่พูดออกมามันจริงหรือเปล่า ทำไมต้องมาห้ามผมด้วย ทำเอาผมตกอกตกใจไปหมดแล้วนะครับ นี่ล้อเล่นหรือเรื่องจริงล่ะครับ”
เมื่อเงยหน้ามองมารดาอีกครั้ง กับสถานการณ์ที่รู้สึกว่าไม่ค่อยจะดีและหมอจามิกรนั้นอีกคนที่รู้สึกกระอักกระอ่วนในพอสมควรกับบรรยากาศของสองแม่ลูก และเขานั้นก็หันมองคนโน้นทีคนนี้ที ก็เพื่อตัดสินใจที่จะเดินออกไปจากตรงนี้มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาฟังและรับรู้ยุ่มย่ามเรื่องพวกนี้ในครอบครัวเพื่อน
เพราะในเวลาที่ผ่านมานั้นคุณมณีพิณมารดาของเพื่อนที่เขาชมว่าเธอใจเย็นเป็นมารดาที่น่ารักบัดนี้ดูจะไม่น่ารักเอาเสียเลยและกลายตรงกันข้ามเสียแล้ว เมื่อน้ำเสียงเรียบเย็น และเย็นชาเช่นเดียวกับหน้าตา มองหน้าเพื่อนนิดหนึ่งเชิงขอโทษ ก่อนเอ่ยเบา
“เอ้อผมขอตัวก่อนนะครับ จะไปทำงานเลย”
“จ้ะ คุณหมอไปได้”
หากว่าเขาก็กลับได้ยินสุ้มเสียงอ่อนหวานของมารดาให้เพื่อนรัก แต่กับกัลย์กฤษณ์นางกลับมองด้วยสีหน้าตึงใส่กับบุตรชาย และคำพูดของเขานั้นก็ไม่ได้รับการตอบจากนางซึ่งเขาก็ยิ่งกว่างุนงงด้วยซ้ำ นี่มารดาของเขาเป็นอะไรไปหนอ เลยทำให้กัลย์กฤษณ์ชักหน้าเสีย กับอาการนิ่งเย็นชามากเกินไปของมารดา เลยทำให้รู้ว่าสถานการณ์ในขณะนี้กำลังเข้าสู่ภาวะตึงเครียดของสองแม่ลูกและหน้าสิ่วหน้าขวาน
นั่นเป็นเพราะอะไรสายตาของท่านแข็งเหมือนไม่พอใจอย่างมากนี่กัลย์กฤษณ์พูดผิดหูหรือเปล่ามารดาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน และเขากำลังเดาสาเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อท่านสวนกลับ และหากท่านไม่ได้ขี้เล่นด้วย และไม่ได้ทำอ่อนหวานอย่างพึงพอใจให้เขาเห็นเช่นทุกครั้ง กัลย์กฤษณ์ว่ามันแปลก เพราะสีหน้าท่านนั้นดูจริงจังไปเสียหมด
เลยทำให้ชายหนุ่มต้องแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ที่สุด และต้องเงยหน้าขึ้นมองมารดาส่งแววตาออกมาอย่างมีอารมณ์ตัดพ้อ