ร้านอาหารบึงดอกรัก

1201 คำ
ตอนที่ 7 “แล้วนี่พี่ก็ตั้งใจจะมาชวนป่านไปทานข้าวด้วยกันนะเอ้าเจ้ากิ้น เพื่อนผมมันเลี้ยงเองเลยล่ะ แต่คราวหลังเถอะนะ ฝ่ายผมจะขอเป็นเจ้ามือคนต่อไปผลัดกันนะนะป่านจ๋าเอ้อพี่หมอก็มีเรื่องอยากจะคุยกับป่านด้วยละมากมายเลย” เขาเหมือนจะจีบสาวตรงหน้ากัลย์กฤษณ์ หนำซ้ำยังโมเมให้กัลย์กฤษณ์รับลูกอีกทั้งๆที่เพิ่งทานข้าวกันมาแต่ดีนะที่ทานได้ไม่มาก เขาเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน หากว่าไม่ขอจามิกรตามมาด้วย นั่นไงน้ำเสียงที่นุ่มทุ้มฟังแล้วอ่อนโยนชวนสบายใจหากเลยทำให้หญิงสาวนั้นพยักหน้าตอบรับหนุ่มคนรัก “ได้ค่ะว่าแต่ไปร้านไหนดีคะเอ้อ ป่านจะได้ขับตามไปถูก” “ก็ร้านเดิมไงจ้ะป่านจ๋า ร้านเฮียยิ่ง สวนอาหารบึงดอกรักที่เดิม” คนเอ่ยเน้น และหล่อนก็อมยิ้มอย่างเข้าใจดี ครั้นในเวลาต่อมา เมื่อทุกคนนั้นรุดหน้ามาถึงสถานที่แห่งนี้แล้วนั้นป่านแก้วทรุดนั่งใกล้กับหมอสัตวแพทย์จามิกร และกัลย์กฤษณ์นั้นก็นั่งถัดไปจากเพื่อนรักทั้งสองนั้น หากว่าในเวลาต่อมาทั้งหมดกำลังเอร็ดอร่อยอยู่กับรสชาติอาหารที่ถูกปากถูกใจยิ่งเป็นเพราะหิวด้วย เพราะที่ทานมาก่อนยังไม่อิ่ม จามิกรรู้ดีว่าเขาจะต้องเผื่อกระเพาะไว้รอแฟนสาว และจามิกรก็เป็นฝ่ายใช้ช้อนยื่นตักอาหารส่งให้ป่านแก้วอย่างเอาใจ จนเป็นภาพที่แสนจะน่าอิจฉายิ่งนักกับภาพของคู่รักทั้งสอง ซึ่งสำหรับหนุ่มโสดอย่างกัลย์กฤษณ์ นึกหมั่นไส้เพื่อน ที่ปล่อยซีนหวานๆออกมาในตอนนี้ และในช่วงนั้นเองที่ร้านอาหารหรือสวนอาหารบึงดอกรักในตอนเย็นย่ำใกล้หัวค่ำเช่นนี้ แขกขาประจำกำลังทยอยเข้ามา หากว่า หนึ่งในจำนวนนั้นมีแขกรายใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่หล่อนแต่งกายค่อนข้างดูดี สวมกระโปรงสีน้ำตาลกำมะหยี่ตัดกับเสื้อติดลูกไม้สีชมพู เธอเป็นคนใบหน้าหวานหากมันก็พอดีกับสายตาที่กัลย์กฤษณ์ได้หันมองชำเลืองผ่านเข้าไปยังร่างระหงหน้าหวานสะดุดตาเขานักพอดี จนเขาแทบมองแล้วตาค้างเลย เป็นตะลึงตะลานไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะผู้หญิงคนนี้ดูเป็นคนเจ้าเสน่ห์มากเหลือล้น หากดูสง่าและหล่อนนั้นก็ไม่ได้ยิ้มแบบพร่ำเพรื่อ หล่อนเป็นใครกันล่ะ นี่ มันช่างติดค้างอยู่ในความรู้สึกของกัลย์กฤษณ์เหลือเกิน อยากแทบอยากจะถามออกมาในทันที รู้สึกสนใจจนเรียกได้ว่าปิ๊งเข้าแล้ว เพราะธรรมดาของหนุ่มโสด เมื่อพบสาวสวยที่ถูกใจนั้นเขาก็ย่อมจะใช้สายตาเมียงมองและเมื่อถูกใจนั้นเขาก็เริ่มแสดงสีหน้าที่กระหยิ่มยิ้มกับตัวเองในใจ นั่นไงหล่อนผิวขาวสูงและระหงทีเดียวเข้าใจว่าเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วยเหมือนกันและรู้ว่าหล่อนน่าจะไม่ใช่คนในพื้นเพนี้อย่างแน่นอน แต่ก็ถือว่าได้เป็นบุญตาที่ได้เห็นสาวสวยน่ารักแบบนี้ตรงหน้า กัลย์กฤษณ์ช่างโชคดีเหลือเกิน แต่สำหรับเพียงปัทม์นั้นที่ไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาที่สวนอาหารแห่งนี้มาก่อนหล่อนเชื่อตามคำของคนรถและคนใช้คือนายเต้งซึ่งเขาเป็นทั้งคนงานและคนขับรถอีกทั้งสาวใช้แม่บ้านที่ติดตามมาด้วยแนะนำให้หล่อนเข้ามาชิมลิ้มรสอาหารรสชาติถูกปากที่สุดของ หนองบัวแดง คือ ที่สวนอาหารบึงดอกรัก ซึ่งมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ที่หล่อนก้าวเข้ามาสวยและโอ่อ่า ชื่อนั้นก็ออกจะโรแมนติกไม่น้อย ซ่อนตัวอยู่กับธรรมชาติซึ่งเป็นบรรยากาศในสายตาของหล่อนนั้นเพียงปัทมิ์คิดว่าสงบเงียบเหมือนที่อยู่ใหม่ของหล่อนเช่นกันรีสอร์ทที่หล่อนเข้ามาเป็นผู้จัดการ และเจ้าเของที่แท้จริงคือคุณธิดาซึ่งพักอยู่ในตัวจังหวัด และท่านเป็นป้าแท้ๆของหล่อน “ในหนองบัวแดงนี่ก็คงจะไม่มีร้านอาหารร้านไหนเลิศรสเท่ากับบึงดอกรักหรอกครับคุณหนู ไอ้เต้งเอาหัวเป็นประกันเลย เพราะเคยชิมมาแล้วทุกร้านหลายครั้งด้วยจนแน่ใจที่นี่พ่อครัวฝีมือดีที่สุดแบบแม่ช้อยนางรำ รสชาติที่กินแล้วก็รับรองว่าคุณหนูจะต้องแวะกลับมาหารับประทานใหม่ เพราะของเขาดีจริงๆครับ” ฟังนายเต้งคนขับรถเอ่ยชื่นชมถึงสรรพคุณร้านอาหารกันยกใหญ่ และถือว่าเป็นคนพื้นเพที่นี่แนะนำกับหล่อนซึ่งทำให้เพียงปัทม์ก็อยากพิสูจน์ให้เห็นกับตาด้วยนั่นเองว่าจะสมกับที่ราคาคุยของลูกน้องที่เอ่ยกล่าวหรือเปล่า และก็อีกอย่างในฐานะที่หล่อนไม่ใช่คนพื้นเพที่นี่หากหล่อนเป็นคนพื้นเพเมืองแม่ย่าต่างหาก แม่ย่าโมที่โคราชบ้านเอ๋ง เพราะในวันนี้ก็ถือว่าจัดหนักในการทำงานวันแรก เพราะอะไรยังไม่เข้าที่เข้าทางนักหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยกันมาทั้งวัน สำหรับหล่อนจากการจัดโน่นนี่แทบไม่หยุดในที่สุดก็สวยสม และเป็นภาพที่ออกมาราวกับเนรมิต ซึ่งแสนถูกใจของหล่อนยิ่งนัก และครั้นมาเห็นที่นี่ครั้งแรกก็ทำให้หล่อนอดกวาดสายตามองไม่ได้ ประสาคนที่ชอบสังเกต และก็พึงพอใจกับบรรยากาศ การจัดร้านของที่นี่ ดูอบอุ่น เป็นกันเอง มีบึงดอกบัวหลวงให้ชื่นชมสายตาด้วย หล่อนเลือกที่นั่งติดริมบึง มีราวรั้วกำแพงไม้ไผ่แข็งแรงหนาแน่นกั้นเอาไว้โปร่งๆ เพราะสามารถทอดสายตามองดูปลาที่ว่ายแหวกไปมา กับความสวยงามของดอกบัวที่ชูช่อสล้างอวดสีชมพูและเขียวขาบรวมทั้งดอกขาวเพียงปัทม์ หากแต่ว่าเพียงปัทม์รู้สึกอย่างหนึ่งถึงสายตาที่จ้องมา หล่อนจึงได้เหลือบสายตามองโต๊ะถัดไปจากหล่อนสามโต๊ะ นั่นเองที่รู้สึกราวกับว่ามีสายตาคู่คมนั้น เขาจ้องมองมายังตัวหล่อนบ่อยหนและเสมอตลอดเวลาเลยก็ว่าได้ จนหล่อนรู้สึกเกร็งและอึดอัดระวังตัว เพราะดูเหมือนเขาเฝ้าคอยสังเกตกิริยาและอิริยาบถของหล่อนด้วย เลยยิ่งทำให้หญิงสาวคิดระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม “เอ๊ะตอนนี้พาวน์ก็ไม่รู้ค่ะแต่รู้สึกแปลกๆว่ามีสายตาของใครมาจับจ้องพาวน์อยู่ตลอดเวลาคิดว่าโต๊ะข้างๆโน่นที่มีผู้หญิงหนึ่ง ผู้ชายสองนั่งอยู่ด้วยกัน” และหล่อนเอ่ยบอกกับแม่บ้านคนเก่าแก่ที่ติดตามมาด้วย ความที่ไม่คุ้นเคยชิน เพียงปัทม์ไม่กล้าออกไปไหนมาไหนคนเดียวแน่ นอกจากหล่อนต้องใช้และทำความคุ้นเคยสักระยะกับคนในพื้นที่ จนพอที่เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจและวางใจ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม