ที่พักใหม่หลานสาวคุณป้า

1223 คำ
ตอนที่ 6 ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้คุณมณีพิณจึงระแวดระวังเป็นพิเศษและไม่อยากให้บุตรชายไปไหนไกลตามากนักและชายหนุ่มก็พยักหน้าเมื่อเขารับรู้ว่ามารดานั้นท่านห่วงใยเขามากมายแค่ไหน “ครับ แม่ พอกิ้นไปแล้วไม่นานก็จะรีบกลับ มีธุระคุยกับนายกร เอ้อ จะพาไปเลี้ยงข้าว แล้วก็กลับครับ งั้นผมต้องไปก่อนนะครับ” และครั้นเมื่อรถแล่นออกจากเขตไร่แล้วล้อพุ่งไปบนเส้นทางสายลูกรัง สลับกับราดยางมะตอยแต่เมื่อไปถึงทางแยกข้างหน้ากลับเป็นถนนสายที่พัฒนาดีกว่าหน่อยคือเป็นถนนซีเมนต์กับราดยางมะตอย เฮอะ แต่เมื่อเห็นสภาพของถนนซีเมนต์เหล่านี้ ที่เป็นเหมือนโครงการหรูขายฝันของนักการเมืองทุกยุคทุกสมัย ซึ่งหากเป็นยุคแต่ก่อนหน้านี้ เขาคนหนึ่งละที่เบ้ปาก โครงการพันล้านทางหลวงชนบท ซึ่งสร้างผลงานได้เท่านี้เอง ไม่ถึงสองสามปี ถนนอย่างดีราดซีเมนต์ พังยับ เป็นหลุมเป็นบ่อจนเหล็กเส้นโผล่ออกมาประจานความผิดของใครกัน ช่างห่วยสิ้นดี นอกจากนักการเมืองโกงกินและมหาโกงกินกันอย่างโอฬารบานตะไท ฮั้วประมูลสมบัติชาติมีอะไรก็ช่วยกันผลาญกินจนแทบไม่เหลือเรียบ พอพวกมันกินเงินสดไม่ได้ ก็กินอิฐหินปูนทรายเหล็กแทนว่าไปอย่างนั้นและมันจริง ชายหนุ่มจึงเบ้ปากอย่างไม่นึกศรัทธาเลยสักนิดกับพวกกลุ่มอิทธิพลเหล่านี้สักนิด เพราะกี่ยุคสมัยมันก็เข้าอีหรอบเดิมนั่นละ จนยากที่จะเป็นที่พึ่งพาและสามารถเรียกความศรัทธากลับคืนมาจากประชาชนแถวนี้ได้ นี่นะหรือตำแหน่งที่เรียกว่าอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อย่างผู้แทนราษฎร จะทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงกระบอกปากและเสียงแทนประชาชน “ฮึ ฝันไปเถอะ ประเทศไทย ตราบใดมีกลุ่มนักการเมืองที่สยายปีกคลุมอำนาจบารมีเพื่อพวกพ้องวงศ์วารของตัวเองเป็นใหญ่นังไม่นึกถึงชาติบ้านเมือง และความพอดิบพอดี กระหายทั้งกิเลสและอำนาจ เป็นนักธุรกิจการเมืองอย่างเหนียวแน่น ซึ่งมันก็ย่อมฝังตัวฝังตนอยู่ในวงการเพราะพันธ์ แยกแตกออกลูกไปจนถึงหลาน เพื่อสืบทอดบารมีความชิบหายวายป่วงให้แก่แผ่นดินวันยังค่ำ เพราะในหัวสมองก็คิดแต่เรื่องอำนาจความเป็นใหญ่ มากกว่าปากท้องของประชาชนคนในชาติ” นี่คือความครุ่นคิดของกัลย์กฤษณ์ที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย “กิ้นนายกำลังคิดอะไรอยู่น่ะเหมือนเคลิ้มไม่พอใจอะไรสักอย่าง” เมื่อจามิกรมองดูสังเกตเขาจึงถามเพื่อน เลยทำให้เขานั้นต้องเบือนหน้ามาตอบ “ก็คิดไปเรื่อยๆเปื่อยๆนั่นล่ะ” “แต่ดูแล้วท่าทางและหน้าตาของนาย มันก็ไม่ค่อยสบายใจ สักเท่าไหร่เลยวะกิ้น นี่ถามหน่อยเถอะ นายก็ยังกลุ้มใจเรื่องแกะของนายหรือเปล่าล่ะนี่ กิ้น” หากแต่กัลย์กฤษณ์ส่ายหน้า “ไม่ใช่เรื่องนี้หรอกนะมันเป็นเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องสังคมบ้านเราพวกนักการเมืองแต่ก็ขอบใจนะเพื่อนที่นายช่วยแก้ไขช่วยเหลือเรื่องแกะของฉันในเรื่องนี้ให้จนมันปลอดภัย” “ไม่เป็นไรเรื่องธรรมดาหรอกงั้นก็เรื่องที่แม่นายท่านพูดว่านายกำลังจะถูกคนฝั่งของแม่เลี้ยงของนาย นั้นกำลังจะเพ่งเล็งเพื่อหาเรื่อง” คนขับเลยต้องชะงักและก็ยอมรับเหมือนกันก่อนถอนใจตอบเพื่อนรักไป “อือมเรื่องนี้มันก็มีส่วนนะกรหนักหนาพอสมควรหากพวกมันเล่นจู่โจมเรื่องนี้ไงที่แม่เราไม่สบายใจเลยสักนิดแต่เรานั้นก็ไม่ห่วงหรอก มันเล่นมาเราก็ซัดกลับไปเท่านั้น แต่ว่าขอให้โผล่ตัวมาจริงๆแบบซึ่งๆหน้าเถอะนะตัวต่อตัวแบบลูกผู้ชายอย่าเอาวิธีหมาลอบกัดเชียวนะ ไม่งั้นจะดัดสันดานให้เข็ดหลาบเลย” ซึ่งวาจาของกัลย์กฤษณ์นั้นเอ่ยเสียงเข้มอย่างคนเดือดในอารมณ์พอสมควร กับฝ่ายตรงกันข้าม ที่ชอบใช้วิธีสกปรกกับเขาแบบนี้ หากว่าแล้วจากนั้น เขาก็เบือนหันมาทางเพื่อนอีกครั้ง ”นี่ถามหน่อยเสร็จจากกินข้าวแล้วนายจะกลับบ้านเลยหรือเปล่ากรให้เราไปส่งถึงที่ก็ได้นะเพราะยังไงเสียก็นั่งรถมาตลอดทางแล้วนี่” และกัลย์กฤษณ์อาสาเพื่อนรักแต่ผู้เป็นเพื่อนกลับอมยิ้มตอบว่า “เปล่าหรอกนะ เอ้อ แค่ มีธุระจะไปที่อื่นต่อด้วยล่ะ” “อ้าวที่ไหนล่ะ”ทำให้เขานั้นขมวดคิ้วเรียวเข้มดกดำมาทางเพื่อน “ก็ไปบ้านของป่านแก้วไง” อ๋อเป็นบ้านของแฟนสาวของเพื่อนรักของเขานี่เองที่กำลังคบหาสัมพันธ์กันอยู่คงพัฒนาการไปมากกว่าเดิมเมื่อครั้งที่เรียนหนังสือในชั้นประถมด้วยกันกระมังนั่นเป็นแค่เพื่อน ตอนนี้เขยิบเข้ามาเป็นแฟน และกัลย์กฤษณ์คิดเพราะว่าตั้งแต่ที่เดินทางกลับมาจากกรุงเทพมาอยู่ที่บ้านไร่ของตัวเองอย่างถาวรนั้นตัวเขาเองก็ไม่เคยได้เจอป่านแก้วลูกสาวของกำนันบุญยิ่งเลย ทราบแต่เพียงว่าป่านแก้ว ทำงานในตำแหน่งหน้าที่ เจ้าหน้าที่อ.บ.ต.สาวอยู่ที่นี่บ้านเกิด และในเวลานี้นั้นป่านแก้วเมื่อเห็นทั้งคู่จึงแสดงสีหน้าดีใจ แล้วลูกสาวคนสวยของกำนันบุญยิ่งก็เอ่ยทักชายหนุ่มทั้งสองที่หล่อนคุ้นหน้าและรู้จักดีมาก่อนเก่า “เอ้อสวัสดีค่ะ พี่กิ้น แหม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน พี่หมอด้วยค่ะ” นั่นเพราะว่าหล่อนได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาในพื้นที่ทำงานของสำนักงานองค์การบริหารส่วนตำบล ตั้งแต่ทีแรกแล้ว ที่หล่อนทำงานประจำอยู่ หากว่าป่านแก้วก็เพิ่งเลิกงานและกำลังจะกลับบ้านพอดี ก็ว่า เผอิญได้เห็นร่างสูงโปร่งก้าวลงจากรถคันนั้นเสียก่อน จึงฉุกใจนึกขึ้นได้ว่า วันนี้นั้นหล่อนรับนัดกับพี่หมอเอาไว้ด้วยนี่นา ทีแรกนึกว่าเขาจะไม่มาเสียแล้ว เพราะปกตินี่ เขาจะต้องมาหาหล่อนที่นี่ก่อนครึ่งชั่วโมงหรือสิบห้านาทีก่อนจะเลิกงาน แต่นี่ใกล้เวลากลับของเขาหากว่าเขากลับเพิ่งโผล่ตัวมาแบบนี้ หากก็ไม่ได้มาคนเดียว เพราะหนำซ้ำเหน็บเอาเพื่อนสนิทแสนรักของเขามาด้วย พี่กิ้นไง ลูกชายของแม่มณีพิณ “แหม..ป่านก็นึกว่าพี่หมอจะไม่มาเสียแล้วนี่ป่านคิดว่ากำลังจะกลับพอดี” หล่อนเอ่ยขึ้นก่อนและก็มีน้ำเสียงที่ติดงอนเพียงเล็กน้อย คนฟังสังเกตและรับรู้ ดังนั้นเขาจึงพยายามเอาใจและกล่าวขอโทษ “เอ้อวันนี้พี่หมอขอโทษด้วยจ้ะงานหนักไปหน่อยนี่ก็เพิ่งเสร็จ แก้ไขเคลียร์ได้เรียบร้อยแล้วทีแรกว่าจะขับตรงดิ่งมาหาป่านที่นี่เลย พอดีเจ้ากิ้นรู้เรื่อง เลยจับยกรถคันเก่าคันแก่ของพี่มาไว้ท้ายกระบะมาที่นี่ด้วย” ป่านแก้วยิ้มออกมาเมื่อเข้าใจเรื่องราว “ค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม