กลับมาถึงเรือนก็รีบไปดูปลาและเด็กน้อยทันที อี้หานตัวน้อยกำลังเล่นของเล่นไม้อยู่ที่เดิมอย่างสนุกสนาน พลิกดูปลาว่าสุกดีแล้วหรือยังเพราะนางต้องอุ่นข้าวต้มต่อ หลังเอาปลาออกมาใส่จานก็นำหม้อข้าวต้มไปตั้งเตาต่อไม่นานก็ยกลงมา
สองนายบ่าวนั่งกินข้าวกันอย่างมีความสุข ปลาหนึ่งตัวนั้นกินได้สองคนพอดีอิ่มท้อง หญิงสาวจัดการแกะเนื้อปลาแล้วนำใส่ถ้วยข้าวต้มให้เด็กน้อยที่เคี้ยวข้าวอย่างเอร็ดอร่อยด้วยใบหน้าอมยิ้ม ยิ่งเห็นเขามีความสุขนางเองก็ยิ่งมีความสุข ตอนนี้เหมือนนางเลี้ยงลูกคนหนึ่งก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นเด็กผู้นี้ต้องเติบโตมาอย่างดีด้วยฝีมือนาง ทั้งต้องได้รับสิ่งดีๆ อย่างอาหาร ความรู้ รวมถึงความรักจากนางเอง
อย่างที่นางบอกเอาไว้ว่าวิถีชีวิตที่นางใฝ่ฝันคือการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและไม่ขัดสน แต่อี้หานไม่ใช่แบบนั้น เขาต้องเติบโตและถูกผลักให้เข้าไปอยู่ในสังคม ทั้งยังเป็นสังคมที่นางไม่อยากให้เขาต้องไปเจอแต่นางจะทำอย่างไรได้ อี้หานไม่ใช่บุตรของนาง อี้หานคือบุตรท่านแม่ทัพอันดับหนึ่งของเมือง ดังนั้นนางต้องทำให้เขาเติบโตขึ้นด้วยความรู้ที่มากที่สุดเท่าที่จะสอนได้ ไม่ใช่แค่ในตำรา แต่เป็นทุกอย่างที่นางทำเป็น
เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วก็นำถ้วยชามไปล้างให้เรียบร้อยเตรียมตัวจะพา
อี้หานไปอาบน้ำชำระร่างกายก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงเรียกที่นางคุ้นเคยนั่นก็คือพี่สาวฟางหลวน หญิงสาวบอกคุณชายให้ถอดเสื้อผ้าเข้าไปรอนางในห้องอาบน้ำก่อนประเดี๋ยวนางจะตามไป เด็กน้อยแม้จะงุนงงเพราะไม่เคยต้องทำเองแต่ก็ยอมทำตามที่นางบอกเพราะกลัวนางจะหนีเขาไปหากเขาดื้อดึง
“ขออภัยเจ้าค่ะข้ากำลังจะพาคุณชายไปอาบน้ำ”
“ข้าต่างหากเล่าที่มารบกวนเจ้า นี่คือเบี้ยหวัดของคุณชาย ได้สองตำลึงทองต่อเดือน ข้าให้พ่อบ้านแบ่งเป็นสิบห้าตำลึงเงิน ส่วนที่เหลือเป็นเหรียญอีแปะ เจ้าจะจัดการอย่างไรก็ตามใจเจ้า ถ้าจะไปที่ตลาดก็ไปได้ ตลาดอยู่ฝั่งนั้น ใช้เวลาไม่ถึงเค่อก็ถึงแล้ว”
ฟางหลวนเอ่ยบอกก่อนยื่นถุงเงินถุงใหญ่ให้แก่สาวใช้คนใหม่ของเรือนท้ายจวน นางก็ได้แต่ภาวนาให้เฟิ่งเฟิ่งดีกว่าบ่าวทุกคนที่ผ่านมา ส่วนมากแล้วไม่นำมาใช้สอยเองก็ใช้ไม่เป็นเสียเลยเพราะไม่เคยเรียนหนังสือ ซื้อข้าวของหมดตั้งแต่วันแรกก็เคยมีจากที่นางเคยได้ยินมาจากแม่เฒ่า
หลังจากที่บ่าวคนสนิทของอนุสิ้นไปนั้นนางไม่ได้เล่าให้เฟิ่งเฟิ่งฟัง ความจริงแล้วหนึ่งเดือนหลังจากนั้นพ่อบ้านให้บ่าวในเรือนรับหน้าที่ดูแลคุณชายน้อยแทนไปก่อน บ่าวตายก็เพียงหาบ่าวใหม่ และดูแลเบี้ยหวัดมาแล้วถึงสามคน บ่าวต่ำต้อยได้จับต้องเบี้ยหวัดเสียมากก็ผีเข้าเป็นธรรมดา
สุดท้ายก็ถูกบ่าวชายคนสนิทของพ่อบ้านจับได้ทั้งสามนาง ยังไม่ทันได้สุขสำราญก็ถูกยึดทรัพย์ขับออกจากจวนไปเสียแล้วด้วยฝีมือหยางหรง จนสุดท้ายพ่อบ้านจึงให้นางมาคอยดูแลแทนเสียหลายวัน
สองสาวพูดคุยกันอยู่อีกครู่ใหญ่ก่อนฟางหลวนจะขอตัวกลับไป เฟิ่งเจี๋ยนั้นสอบถามราคาข้าวของที่ตลาดหลายอย่างซึ่งพี่สาวก็ตอบนางได้เกือบครบทุกอย่างเช่นกันนับว่าเป็นเรื่องดี ก่อนจะลงกลอนประตูแล้วเดินเข้ามาในห้องเพื่อเก็บเงินสองตำลึงทองไว้ในกล่อง ต้องไปจัดการเด็กน้อยจนเข้านอนเสียก่อนค่อยมาวางแผนการเงินต่อ
“เฟิ่งเฟิ่ง นานนัก” น้ำเสียงแง่งอนดังขึ้นเบาๆ ทันทีที่นางเปิดประตูเข้ามาในห้องน้ำ เฟิ่งเจี๋ยยิ้มน้อยๆ ให้เด็กชายที่นั่งรอนางอยู่ มือบางหยิบเสื้อผ้าที่อี้หานถอดกองไว้มาใส่ตะกร้าหน้าห้องน้ำแล้วนำน้ำร้อนในหม้อเทใส่อ่างเล็กๆ ที่เหมือนกะละมังนางไม่รู้ว่าเขาเรียกว่าอย่างไร จากนั้นก็เทน้ำใส่ให้อุ่นพอดี
“บ่าวขออภัยเจ้าค่ะ บ่าวสอบถามราคาข้าวของกับพี่สาวฟางหลวนเสียนาน” เสียงหวานเอ่ยบอกก่อนจะตักน้ำอุ่นๆ เทราดตัวอี้หานจนทั่วจากนั้นก็นำสบู่หยาบๆ มาถูกับมือนางก่อนค่อยถูตามร่างกายผอมแห้งที่นั่งนิ่งๆ ให้นางทำ สบู่แทบไม่มีฟองเลย กลิ่นก็แทบไม่มี แล้วอาบเอาอะไรจากสบู่กันหนอสบู่เอ๋ย
“จะไปซื้อของหรือ”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะพาคุณชายไปด้วย ไปเที่ยวเล่นที่ตลาดกับบ่าวหรือไม่เจ้าคะ”
“ไป” อี้หานเอ่ยตอบทันควัน เขาไม่ได้ออกไปไหนเลย ไม่คิดว่าเฟิ่งเฟิ่งจะพาเขาไปเดินตลาดด้วย รอยยิ้มสดใสถูกส่งไปให้สาวใช้พี่เฟิ่งเฟิ่งอย่างดีอกดีใจ
“หึหึ เจ้าค่ะ งั้นพวกเรารีบอาบน้ำรีบเข้านอนกับเถอะเจ้าค่ะ”
“อื้อ”
อาบน้ำแปรงฟันเสร็จสองนายบ่าวก็กระเตงกันออกมายังเตียงนอน เฟิ่งเจี๋ยให้อี้หานยืนอยู่บนเตียงก่อนนางจะใช้ผ้าเช็ดตัวให้จนแห้งดีจึงเดินไปหาเสื้อผ้ามาให้เด็กน้อยใส่นอน หาไปก็ถอนหายใจไป ชุดล้วนเป็นชุดเนื้อผ้าเดียวกันทั้งสิ้น จะใส่นอนสบายได้อย่างไรกัน พรุ่งนี้คงต้องเข้าร้านผ้าสักหน่อย ได้สักชุดมาใส่ก่อนก็ยังดี หากเข้าป่าแล้วเจอข้าวปลาอาหารมากพอนางค่อยนำเงินที่กักเอาไว้ซื้ออาหารไปซื้อชุดให้อี้หานเพิ่ม
สุดท้ายจึงได้ชุดที่บางที่สุดมาสวมใส่ให้ก่อนจะพาขึ้นเตียง เฟิ่งเจี๋ยนอนอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย นางพาท่องหนึ่งถึงสิบอีกครั้งและนับนิ้วมือไปด้วยซึ่งอี้หานให้ความสนใจมากพอสมควร เด็กอายุเท่านี้ทักษะการจดจำดีมาก ต้องทำให้เห็นและให้เขาจำไปด้วย แต่ในยุคนี้ส่วนมากจะเป็นท่องจำเสียมากกว่าซึ่งนางจะไม่ทำเช่นนั้น
เฟิ่งเจี๋ยกลับเข้ามาในห้องเมื่อคุณชายหลับไปแล้ว นางใช้เวลาอาบน้ำประมาณหนึ่งก็เป็นอันเสร็จสิ้นทุกอย่างในวันนี้ ต่อไปก็เป็นการวางแผนการใช้เงินของนาง หน้าต่างถูกเปิดออกทั้งสองบาน คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง มีแสงไฟจากฟ้าช่วยส่องให้นางพอมองเห็นอยู่บ้าง ไม่ต้องใช้เทียนให้มันเปลือง โต๊ะไม้เล็กๆ ถูกยกมาตั้งใกล้หน้าต่างที่แสงส่องถึงพร้อมกับเก้าอี้ที่นางยกมาจากหน้าเรือน
เฟิ่งเจี๋ยนำผ้ามารองอีกชั้นก่อนถุงเงินที่พึ่งได้มาจะถูกเปิดเทลงบนโต๊ะทั้งหมด มีก้อนตำลึงเงินที่รูปร่างเหมือนเรือกระดาษอยู่ 15 ก้อนและพวงเหรียญอีแปะพวงละ 200 เหรียญ ลักษณะคล้ายเหรียญบาทเจาะรูแต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย ซึ่งมีอยู่ยี่สิบห้าพวง รวมเป็น 5000 อีแปะ หรือ 5 ตำลึงเงิน
ทั้งหมดทั้งมวลนี้สองตำลึงทองต่อหนึ่งเดือน ไม่รู้ว่าพี่สาวฟางหลวนหอบมันมาส่งนางได้อย่างไรหนักมากขนาดนี้ เฟิ่งเจี๋ยมองเงินตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลาก- หลาย สำหรับนางนั้นถือว่าเกินคำว่าเพียงพอไปมากโขแต่สำหรับบุตรชายผู้หนึ่งของท่านแม่ทัพผู้เกรียงไกรนั้นได้น้อยกว่าคนอื่นในจวนอยู่หลายส่วน
นางเองก็สับสน บางครั้งก็เหมือนจะใจดีกับเด็กน้อย แต่บางครั้งก็เหมือนใจร้าย สรุปก็คือไม่ได้เกลียดแต่ก็ไม่ได้สนใจไยดีเท่าไหร่ ช่างเถอะ อีกหน่อยนางก็จะหาลู่ทางสร้างรายได้ของตนเองแล้ว โมโหไปก็ไร้หนทางอยู่ดี สู้ทำเองเสียดีกว่า มือเล็กเก็บเงินที่เทลงไปลงมากองไว้บนตักเสียก่อน จากนั้นก็แกะพวงอีแปะออกมาหนึ่งพวง ก่อนอื่นต้องจัดการเรื่องกินเสียก่อน
จากที่สอบถามจากพี่ฟางหลวนนั้นได้ราคาแบบประมาณมาดังนี้
ซาลาเปาหนึ่งลูก ราคา 3- 5 อีแปะ
ไข่ไก่ ฟองละ 2 อีแปะ
เนื้อหมูจินละ 100 อีแปะ
มันหมูจินละ 50 อีแปะ
เนื้อไก่จินละ 40 อีแปะ
ผักกำละ 70 อีแปะ ถึง 2 ตำลึงเงินก็มีในช่วงหน้าหนาว
ข้าวชั่งละ 40 อีแปะหรือมากน้อยกว่านั้นตามคุณภาพของข้าว
เกลือจินละ 300 อีแปะ
น้ำตาลจินละ 40 อีแปะ
เมล็ดพันธุ์ผัก แบ่งขายเป็นห่อเล็กๆ ห่อละ 30-50 เมล็ด ราคา 15-20 อีแปะ
ส่วนเครื่องปรุงอื่นๆ นั้นต้องไปถามดูที่ร้านเพราะพี่ฟางหลวนเองก็ไม่ค่อยทราบ
นางจำได้เพียงเท่านี้ แต่ก็เพียงพอในการวางแผนการใช้จ่ายที่ต้องซื้อในวันพรุ่งนี้ได้แล้ว ข้าวและไข่ไก่ที่จวนจะนำมาส่งทุกๆ สามวันดังนั้นนางไม่ต้องซื้อ มือเล็กหยิบพวงอีแปะหนึ่งพวง นั่นคือสองร้อยอีแปะวางบนโต๊ะเป็นกองแรก
“อันนี้ซื้อหมูสองจิน ทำอาหารและทำเนื้อแดดเดียว” จากนั้นก็ก้มลงนับเหรียญบนตักอีกครั้งแล้ววางลงเป็นกองถัดมาอีกหนึ่งร้อยอีแปะ สำหรับซื้อมันหมู ถัดไปเป็นผักและเมล็ดผักที่ยกไปวางเป็นพวงหนึ่งพวงสองร้อยอีแปะเผื่อเหลือเผื่อขาด
เนื้อไก่ กระดูกหมู และนางจะขอซื้อเครื่องในไก่อีกไม่รู้พ่อค้าจะมีหรือไม่ อีกสัก เจ็ดสิบอีแปะ นับๆ ดูก็เกือบหกร้อยอีแปะแล้ว ดังนั้นเฟิ่งเจี๋ยเลยคำนวณค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อของเข้าครัวเป็นแปดร้อยอีแปะรวมเครื่องปรุงเครื่องเทศด้วย ก็คือเงินอีแปะสี่พวง
เรื่องเสื้อผ้านางจะเอาไปเผื่อสักสองสามตำลึงเงิน เท่านี้ก่อน เรื่องปากท้องต้องมาเป็นอันดับแรก วันพรุ่งนี้นางตั้งใจว่าจะพาเด็กน้อยไปตลาด ซื้อของเสร็จทำเนื้อตากแห้งตากไว้ นำกระดูกหมูต้มเอาไว้ ก็จะพาเขาไปเดินป่ารอบนอกด้วยถือว่าเป็นการท่องเที่ยวไปในตัว เผื่อจะเจอกระต่ายตามที่นางเล่านิทานให้เด็กน้อยฟังไปเมื่อเช้านี้
เมื่อวางแผนได้แล้วนางก็เก็บเงินส่วนที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ไว้ในถุงผ้า ส่วนเงินตำลึงที่เหลือนางเก็บไว้ในหีบผ้าที่มีกุญแจล็อกเอาไว้ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นวันแสนเหนื่อยล้าวันนี้ เอ่ยตามตรงว่านางเหมือนหลับในไปแล้วเพราะความเหนื่อยล้า จริงๆ ถ้าไม่มาเป็นทาสนางจะของีบหลักตั้งแต่ลงจากรถม้าแล้ว เหนื่อยจะตายชัก
“ซื้อของ เข้าป่า หาปลา ถนอมอาหาร พรุ่งนี้ขอให้เจอฟักทองกับหัวมันเถิด ไม่ก็โสมแสนปีหัวเดียวให้จบๆ ไปเลย” น้ำเสียงเหนื่อยล้าเอ่ยทบทวนสิ่งที่ต้องทำเบาๆ ก่อนความง่วงงุนจะนำพานางเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันไป ไม่รู้เลยว่ามีใครเดินมาสำรวจความเรียบร้อยที่เรือนนางในยามต่อมา หน้าต่างยังเปิดเอาไว้รับลมหนาวไม่มีใครปิด ก่อนจะถูกปิดลงด้วยฝีมือของเจ้าตัวพร้อมคาดโทษในใจถึงความสะเพร่าของนางแล้วเดินกลับไปยังทางเดิม