ทั้งสามเดินเลยตีนเขามาสักหน่อยโดยใช้เวลาไม่นานนัก แต่ผู้ที่กล่าวด้วยน้ำเสียงฉะฉานว่าจะปกป้องทุกคนกลับเหนื่อยล้าจนแทบร้องไห้ไปเสียแล้ว ถึงกระนั้นยังอดกลั้นเอาไว้ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองมองอย่างนึกเอ็นดู สุดท้ายแล้วอี้หานจึงต้องขี่หลังพี่หยางแทน
เฟิ่งเจี๋ยมองป่าที่อุดมสมบูรณ์ตรงหน้าอย่างสุขใจ ดูสิ อากาศก็ดี ลมเย็นพัดกระทบร่างกายผ่านเนื้อผ้าหนาๆ แต่กลับหลงเหลือความเย็นให้นางรู้สึกเสียมาก เย็นสบายน่านอนจริงๆ หากเป็นโลกก่อนนางคงเอาเสื่อมาปูนอนกลางวันไปแล้ว ปากเล็กวาดยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจ มองไปทางใดก็มีแต่ของที่นางรู้จักและกินได้ไม่มากก็น้อย หญิงสาวนั่งลงเก็บเห็ดตรงหน้าทันทีด้วยความสุข
“มันกินได้หรือ เห็ดส่วนมากมีพิษนะ” หยางหรงเอ่ยถามนางออกไปด้วยความกังวลใจ แม้นว่าเขาจะชำนาญการเดินป่าล่าสัตว์หรืออันใดก็ตามแต่ ยังไม่กล้าแม้จะสัมผัสเห็ดสักดอกในป่าเพราะกลัวว่ามันจะมีพิษอันตรายเอาได้
เฟิ่งเจี๋ยมองสายตาไม่มั่นใจในตัวนางก็ยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ นางรู้ว่าหลายคนไม่กล้าจะกินมัน แต่นางที่มาจากโลกก่อนย่อมรู้ชนิดของเห็ดมาค่อนข้างมากจึงมองออกว่าเห็ดตรงหน้าหรือเห็ดที่อยู่รอบๆ เป็นเห็ดชนิดใด มีพิษหรือไม่มีพิษ นางรู้แต่พี่หยางไม่รู้ อีกฝ่ายจะไม่มั่นใจในตัวนางย่อมไม่แปลกอันใด
“เห็ดนี้เรียกว่าเห็ดโคนเจ้าค่ะ กินได้ เดี๋ยวข้าจะทำให้ท่านกิน วันนี้กินข้าวที่เรือนคุณชายนะเจ้าคะ”
“อืม”
“เฟิ่งเฟิ่ง แล้วเห็ดดอกนั้นเล่า”
“โอ้ นั่นเห็ดหูหนูนี่ เก่งมากเจ้าค่ะคุณชาย เอาไปใส่แกงที่บ่าวจะทำพอดีเลยเจ้าค่ะ” หยางหรงมองหญิงสาวตรงหน้าที่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขวิ่งไปเก็บเห็ดสีดำอย่างรวดเร็ว กระนั้นยังเอ่ยปากชมคุณชายน้อยไม่หยุดปาก ดวงตาเป็นประกายของนางช่างเรียกความสนใจจากเขาได้ดี ไม่อาจละสายตาไปจากใบหน้าของนางได้เลย จนเผลอสอดส่องหาเห็ดให้นางบ้างเผื่อนางจะได้เอ่ยชื่นชมเขาอย่างคุณชายน้อยที่ยิ้มจนแก้มบวมอยู่ข้างๆ
เขาและคุณชายช่วยนางเก็บเห็ดสีดำและสีขาวก่อนหน้าจนได้เกือบครึ่งกระบุงบนหลังคุณชาย คราแรกเขารู้สึกว่ามันไม่สมควรเท่าใดที่นางจักใช้งานคุณชายและให้ทำงานเหมือนบ่าวเช่นพวกเขา หากแต่พอเห็นใบหน้ายิ้มแย้มและเสียงหัวเราะด้วยความสนุกสนานที่ได้ช่วยนางเก็บนั่นดึงนี่แล้วกลับทำให้เขาชอบให้คุณชายเป็นแบบนี้เสียมากกว่า ทั้งกระบุงของคุณชายยังมีเพียงเห็ดที่น้ำหนักเบาอยู่เท่านั้น นางช่างเป็นบ่าวที่แปลกนัก
“ไปกันต่อเถิดเจ้าค่ะ” เฟิ่งเจี๋ยปัดดินที่ติดมือออกก่อนจะเอ่ยบอกเขาทั้งสองสายตาพลางมองไปทั่วเผื่อนางจะมองเห็นเห็ดที่เล็ดรอดสายตาไปเมื่อครู่นี้
“ไปกันนน” อี้หานตะโกนเสียลั่นป่าทั้งยังจูงมือนางเดินด้วยซ้ำ เขาชอบช่วยเฟิ่งเฟิ่งทำงานยิ่งนัก สนุกกว่าเล่นหุ่นไม้คนเดียวอยู่ที่เรือนเสียอีก
“พี่หยางไม่ไปตัดไม้หรือเจ้าคะ” หยางหรงเหมือนลืมเลือนไปเช่นกันว่าตนเองมาเพื่อทำอันใดในตอนแรกหากนางไม่เอ่ยถามเขา
“เจ้าอยู่กับคุณชายได้แน่หรือ”
“ข้าอยู่ได้เจ้าค่ะ ข้าจะหาดูของป่าอีกสักพักเท่านั้น นี่ก็คงใกล้ยามอู่เข้าแล้ว ท่านไปตัดไม้เสร็จก็มาเรียกข้าเลยเจ้าค่ะเราจะได้กลับกันเลย” นางเอ่ยบอกอีกฝ่ายพลางจัดแจงเวลาให้เขาเสร็จสับเพราะยามบ่ายนางมีอะไรต้องทำอีกมาก นางไม่อยากเสียเวลาไป อีกอย่างตรงนี้เราสามคนอยู่แทบไม่มีสัตว์ป่าโผล่มาเลย นกสักตัวก็ไม่เห็นมี คงเพราะเขาลูกนี้ถ้ามองส่วนของป่าเขาแล้วแทบจะอยู่ท้ายสุดของผืนป่า จึงยังไม่มีอะไรอันตรายมากกระมัง
“อืม มีอะไรตะโกนดังๆ เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ” เมื่อนางมั่นใจว่าดูแลตนเองและคุณชายน้อยได้เขาก็เบาใจและปลีกตัวออกมาอีกด้านหนึ่งเพื่อตัดไม้ให้นาง นางบอกว่าเอาสองสามลำก็เพียงพอแล้วดังนั้นเขาจึงต้องรีบทำรีบไปหากลับไปหาทั้งสองคน
ด้านสองนายบ่าวตอนนี้กำลังช่วยกันเอามันเทศใส่กระบุงกินพื้นที่ไปเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว เฟิ่งเจี๋ยยิ้มไปเก็บไปพลางเล่าประโยชน์ให้เด็กน้อยฟัง ซึ่งอี้หานก็พึมพำๆ ตามในขณะที่เก็บหัวมันช่วยนาง
ก่อนหน้านั้นนางแวะถอนต้นหอมป่ามาประมาณหนึ่งใส่ไว้ในกระบุงของ
อี้หาน จากนั้นก็เจอกับต้นกระเทียมป่า หัวไชเท้าลีบๆ แคระๆ สองหัว พริกป่าต้นเตี้ยๆ ต้นหนึ่ง ทั้งสองเก็บเอาจนตอนนี้กระบุงของอี้หานเต็มเสียแล้วโดยเฟิ่งเจี๋ยเป็นผู้เก็บพริกเองเพราะกลัวมือเล็กๆ จะสัมผัสใบหน้าแล้วเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนได้ ยิ่งสมัยนี้นางกลัวจะถูกกล่าวหาว่าวางยาพิษที่ใบหน้าคุณชายเอาได้
ป่าแห่งนี้เรียกได้ว่ามันคือสวรรค์ของนางเลยก็ว่าได้ ถ้าเรียกให้เห็นภาพก็เหมือนกันเกษตรผสมผสาน นางไม่รู้ว่าป่าแห่งนี้คือป่าประเภทใด อุดมสมบูรณ์ยิ่งนัก มีผักมีปลา ข้าวสารไข่ไก่ก็ได้ฟรี แค่นี้ก็อยู่รอดแล้วสองเรา สามกับพี่หยาง ทั้งยังมีเห็ดอีกมากเกิดเต็มป่า
แต่เห็ดบางชนิดนางก็ไม่มั่นใจ ถ้าไม่ใช่คนที่เก็บเห็ดป่าบ่อยๆ ก็ยากที่จะแยกออกระหว่างกินได้และมีพิษ เช่นเห็ดระโงก ที่มีพิษและไม่มีพิษนั้นนางมองยังไงก็ไม่เห็นมันจะต่างกันตรงไหนตอนอยู่โลกก่อน เข้าป่าครานี้จึงเลือกจะไม่เก็บมันดีกว่า เหลือบไปอีกด้านก็พบเจอต้นมะพร้าวเตี้ยเข้าเสียหลายต้น เฟิ่งเจี๋ยหมายมั่นไว้ในใจว่าหากนางว่างเมื่อใดนางจะชวนพี่หยางทำน้ำตาลจากมะพร้าวไว้ใช้ และน้ำมันมะพร้าวไว้ทาผิวกายทาผมให้เราทั้งสามคน
ตอนนี้สิ่งที่นางอยากได้มากที่สุดคือฟักทอง แต่นางและอี้หานยังหาไม่พบ สองนายบ่าวเดินเข้าไปลึกอีกหน่อย พยายามมองหาต้นฟักทอง และที่ขาดไม่ได้คือโสม เส้นทางเศรษฐีที่นางควรเจอมันแล้วรวยสักทีให้จบๆ ไป ใช้ชีวิตเป็นเศรษฐีนีอย่างมีความสุข
“เฟิ่งเฟิ่งยังไม่พอหรือ” ชุนอี้หานเอ่ยถามออกไปอย่างนึกสงสัย เขาเห็นกระบุงของเราทั้งสองคนนั้นแทบจะเต็มอยู่รอมร่ออยู่แล้วนางยังไม่พออีกหรือ
“บ่าวอยากหาฟักทองเจ้าค่ะ เป็นลูกใหญ่ๆ สีเขียว และก็ต้นโสมเจ้าค่ะ ถ้าเราเจอเราจะมีเงินเยอะๆ เจ้าค่ะ”
“แล้วต้นโสมเป็นแบบใดหรือ”
“เออ นั่นสิ ฮ่าฮ่าฮ่า” เฟิ่งเจี๋ยตบหน้าผากตัวเองจนเสียงดังแล้วทรุดนั่งลงไปอย่างหมดแรงหากแต่กลับมีเสียงหัวเราะออกมาไม่หยุด เสียงหัวเราะสมเพศตัวเองก็ว่าได้ นางรู้จักแต่โสม สรรพคุณของโสม วิธีกินมัน แต่นางไม่รู้ว่าต้นมันเป็นยังไง ต้นเหมือนมันสำปะหลังหรือว่าเหมือนต้นแตงโม ฟักทองอะไรพวกนี้ โอ้ย หมดแล้วหนทางรวย
“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ ไม่เจอก็ไม่เป็นอันใดหรอกเจ้าค่ะ ขอแค่เจอฟักทองก็พอ” เสียวหวานเอ่ยออกมาอย่างปลงตก ชีวิตหนอชีวิต มิติก็ไม่มี อะไรเทพทรูก็ไม่มี ต้นโสมก็ไม่รู้จักอีก ถ้านางไม่รู้จักวิธีทำมาหากินหุงหาอาหารไม่ตายเสียตั้งแต่วันแรกเลยหรือ เด็กคนนี้ก็คงซวยไปด้วยเช่นกัน พอนึกถึงตรงนี้นางก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ว่าอย่างน้อยเด็กคนนี้ก็โชคดีที่เป็นนาง โสมช่างแม่มันเถอะ
“เฟิ่งเฟิ่ง พอหรือยัง ข้าเสร็จแล้ว” เสียงหยางหรงดังมาจากข้างหลัง พร้อมกับไม้ไผ่สองลำวางทิ้งอยู่ปลายเท้า เฟิ่งเจี๋ยที่ยังหาฟักทองไม่พบได้แต่ยิ้มแหยส่งให้เขาไป
“ข้าหาฟักทองอยู่เจ้าค่ะ ท่านเคยเห็นหรือไม่ ลูกใหญ่ๆ เปลือกสีเขียวเข้มๆ เปลือกแข็งๆ เจ้าค่ะ อ้อ บางลูกก็สีเหลืองเจ้าค่ะ ต้นมันเหมือนต้นนั้นเลยเจ้าค่ะ แต่ลูกฟักทองอยู่บนดิน มือขาวอวบชี้ไปที่ต้นมันเทศที่นางพึ่งเก็บมาให้อีกฝ่ายดู อีกอย่างคือนางจำคำศัพท์ไม่ได้ จึงเรียกชื่อไทยไปเสียเลย
“เหมือนข้าเคยเจอ แต่มันไม่ได้ใหญ่อย่างที่เจ้าว่า ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่” หยางหรงครุ่นคิดเสียนานแต่เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะใช่สิ่งที่นางตามหาหรือไม่ แถมชื่อมันยังแปลกๆ เขาไม่ยักจะเคยได้ยิน
“พาข้าไปดูได้หรือไม่เจ้าคะ”
“อืม ตามข้ามา”
“ไปกันเจ้าค่ะคุณชาย”
เดินมาไม่ไกลหยางหรงก็หยุดแล้วมองหาไปรอบๆ ตอนนี้เหมือนจะถึงกลางป่าของเขาลูกนี้แล้วกระมัง เขาเองก็แทบลืมเลือนแล้วว่าเคยเห็นมันอยู่ที่ใดของป่า ใช้ความคับคล้ายคับครามองไปรอบๆ ก่อนสายตาจะสะดุดเขากับลูกเขียวๆ บนดินตามที่นางบอก
“นั่นใช่หรือไม่”
“โอ้ ใช่เจ้าค่ะพี่หยาง เพียงแค่ลูกมันเล็กกว่าที่ข้าเคยเจอเท่านั้น” นางปล่อยมือจากคุณชายทันทีแล้วรีบเดินไปนั่งลงไปเก็บมันใส่กระบุงด้วยรอยยิ้ม ตั้งใจว่าจะใส่มันลงในข้าวต้มให้อี้หานกินดูก่อนว่าชอบหรือไม่ หากไม่ชอบนางก็จะทำเป็นฟักทองเชื่อมเป็นของหวานแทน ฟักทองลูกขนาดเท่าหัวเด็กลูกวางลงในกระบุงทั้งหมดสี่ลูก ยังเหลือลูกเล็กๆ อยู่อีกมาก นางค่อยมาเอาช่วงที่ว่างๆ ก็ยังไม่สาย คงไม่มีผู้ใดกินมันกระมังถึงมีอยู่มากเพียงนี้
“กลับกันเถิดเจ้าค่ะ”
เอ่ยบอกทุกคนก่อนจะหยิบกระบุงหนักอึ้งเพื่อสะพายมันใส่หลังตามเดิม หากแต่หยางหรงดันมาแย่งจากมือนางไปแล้วสะพายใส่หลังแทน สามคนมุ่งหน้าออกจากป่าด้วยความเหนื่อยล้า ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุย ยิ่งคุณชายน้อยตอนนี้เอากระบุงมาให้เฟิ่งเจี๋ยถือเองแล้วเพราะเจ้าตัวแบกมันไม่ไหว นางรับมาด้วยรอยยิ้มขบขันก่อนใช้มืออีกข้างจับจูงมือเล็กเดินกลับเรือนของเรา