บทที่ 11 กลับจากป่า

2282 คำ
ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อทั้งสามก็กลับมาถึงเรือน เฟิ่งเจี๋ยบอกให้ทั้งสองคนล้างไม้ล้างมือเสียก่อนเพื่อความปลอดภัยและความสะอาด ส่วนตนเองเมื่อล้างมือเสร็จก็เดินไปหยิบซาลาเปาที่นำขึ้นเขาไปมาให้ทั้งสองกินตอนนี้แทน “เอาวางไว้ตรงนี้เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าทำเอง” หญิงสาวตบมือลงบนแคร่ไม้เบาๆ ให้หยางหรงวางกระบุงลงตรงนี้ เดี๋ยวนางจะทำต่อเอง ชายหนุ่มพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะวางมันลงตามที่นางบอกพร้อมกับรับน้ำกับซาลาเปาสองลูกที่นางยื่นให้เขาและคุณชายมากัดกิน อี้หานกระตุกชายเสื้อเขาให้นั่งลงบนแคร่ไม้ข้างๆ ตน แม้เขาจะส่ายหน้าปฏิเสธคุณชายก็ยิ่งกระตุกเสื้อเขาแรงขึ้นไม่ยอมปล่อยมือ หยางหรงลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงนั่งลงไปทั้งที่ปกติแล้วเขาต้องยืนอยู่ข้างๆ เสียมากกว่า สองบุรุษต่างวัยนั่งกินซาลาเปาเสียจนแก้มพองพลางมองดูเฟิ่งเจี๋ยเดินไปเดินมาอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนจะกลับมานั่งกับพวกเขา ตาคมจ้องมองบ่าวคนใหม่ที่กำลังเช็ดมุมปากให้คุณชายอย่างอ่อนโยนเหมือนมารดาที่ปฏิบัติต่อบุตรด้วยความรักใคร่อย่างไรอย่างนั้น ทั้งคุณชายของเขายังดูเหมือนจะไม่ขัดขืนเหมือนยามที่บ่าวคนอื่นดูแลทั้งที่เฟิ่งเจี๋ยพึ่งเข้าจวนมาได้เพียงค่ำคืนเดียวเท่านั้น แปลกนัก “อร่อยหรือไม่เจ้าคะคุณชาย” “อื้อ เฟิ่งเฟิ่งเล่า” อี้หานกลืนอาหารที่อยู่ในปากลงคอไปก่อนจะพยักหน้าหงิกหงักเอ่ยตอบสาวใช้ที่กำลังส่งยิ้มมาให้ “อร่อยเจ้าค่ะ แต่บ่าวทำอร่อยกว่านี้ หากมีเวลาวันหน้าบ่าวจะทำให้คุณชายกินนะเจ้าคะ” “ข้าจะรอ” “เจ้าค่ะ” เฟิ่งเจี๋ยเช็ดมือที่เปื้อนให้เด็กน้อยด้วยความเอ็นดู อี้หานกินไปได้เพียงลูกเดียวเท่านั้นเช่นเดียวกับนาง จึงเอาที่เหลือไปไว้ในตู้เก็บไว้กินยามหิว เมินเฉยต่อสายตาที่กำลังจ้องมองตนไม่หยุดของหยางหรง นางหรือจะไม่รู้ว่าเขากำลังแปลกใจกับการกระทำของนาง ตามปกติแล้วทุกสิ่งอย่างของที่นี่มีระเบียบวัฒนธรรมหรือแบบแผนที่เป็นไปในทางเดียวกัน เคยทำอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้นอย่างเคร่งครัด การเป็นบ่าวก็เช่นกัน สิ่งที่นางกำลังทำอยู่ยามนี้นางไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่านางทำเกินกว่าบ่าว แต่นางต้องไปทำตามแบบแผนเพื่ออันใดกัน ในเมื่อเป้าหมายของนางในชีวิตนี้คืออี้หาน หากนางหมอบกราบ อี้หานจะรู้สึกดีเหมือนตอนที่นางกอดเขาหรือไม่ หากมีนางถึงจะทำมัน ดังนั้นต่อแต่นี้ก็เป็นตัวพี่หยางเสียแล้วที่ต้องทำความคุ้นชินกับสิ่งที่นางกำลังทำอยู่ เพราะนางเองก็ต้องการให้เขาเป็นอีกแรงที่ช่วยมอบความรักความอบอุ่นให้อี้หานเช่นกัน “แล้วไม้นี่เล่า เจ้าจะทำแบบใด เดี๋ยวข้าทำให้” หยางหรงเอ่ยถามเมื่อยัดซาลาเปาคำสุดท้ายเข้าปากไปพร้อมกับดื่มน้ำตาม มองไม้ที่เขาตัดมาวางทิ้งอยู่หน้าเรือน หยางหรงหยิบพร้าของตนเองลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินออกมาหน้าเรือนโดยมีเฟิ่งเจี๋ยเดินตามออกมาเช่นกัน “แบบนี้เจ้าค่ะ” บ่าวสาวใช้ไม้ขีดวาดภาพลงบนพื้นดินให้อีกฝ่ายดูเป็นแบบอย่าง นางต้องการสิ่งที่จะนำมาใช้แทนการใช้ผ้ามัดปากหม้อ สิ่งที่เหมือนหวดนึ่งข้าวแต่ลักษณะคล้ายกระด้งขนาดเล็กมาวางแทน เผื่อนึ่งปลานึ่งผักด้วย ส่วนอีกแบบคือกระด้งอันใหญ่ตามขนาดของโลกก่อน นางจะเอามาใช้ตากปลาตากของ ดูเหมือนว่าต้องตากอะไรอีกหลายอย่างทีเดียว ที่จับปลาค่อยทำทีหลังก็ไม่สาย หลังจากบอกอีกฝ่ายจนเข้าใจแล้วเฟิ่งเจี๋ยก็เข้ามาในครัวทันทีเพื่อทำอาหารกลางวัน ก่อนอื่นต้องเอาของที่จะนำมาทำอาหารออกมาเสียก่อน นั่นคือหัวไชเท้าป่วยๆ สองหัว ต้นกระเทียม เห็ดหูหนู ออกมาล้างและปอกเปลือกออก จากนั้นก็หั่นหัวไชเท้าเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลงไปในหม้อที่กำลังส่งกลิ่นหอมจากกระดูกหมูอยู่ นำเห็ดหูหนูที่ล้างแล้วมาซอยเป็นชิ้นๆ พอดีคำและผักกาดขาวอีกสองหัว ปรุงรสน้ำแกงจืดเล็กน้อยด้วยเกลือแล้วปั้นหมูสับที่หมักเกลือซีอิ๊วซอสหอยไว้ลงไปในหม้อ จากนั้นก็รออีกสักครู่ค่อยใส่ผักลงไป “พี่หยาง กระด้งเล็กได้หรือยังเจ้าคะ” “ได้แล้ว แต่ยังไม่เสร็จดีเจ้าจะเอาไปใช้ก่อนหรือไม่เล่า” หยางหรงชูแผ่นไม้ที่เขาสานให้นางดู เขาสานเสร็จแล้วหากแต่เหลือเพียงทำขอบมันเท่านั้น “เจ้าค่ะ ข้าจะเอามาวางบนหม้ออุ่นข้าวเจ้าค่ะ” เฟิ่งเจี๋ยเดินไปรับจากอีกฝ่ายมาดู เป็นแผ่นไม้ที่สานเสร็จแล้วแต่ยังไม่ทำขอบ กระด้งเล็กที่เสร็จเพียงครึ่งหนึ่งถูกนำไปจุ่มน้ำให้เปียกแล้ววางลงบนหม้อแกงจืดพร้อมกับถ้วยขนาดใหญ่ที่ใส่ข้าวที่นางหุงไว้เมื่อเช้าลงไปแล้วใช้ฝาหม้อปิดไว้ หลังจากนี้นางจะพักสักหน่อยหันมาสนใจอี้หานบ้าง เด็กน้อยตอนนี้กำลังนั่งมองนางอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอันใด ซึ่งนางเพียงเข้ามาค่ำคืนแรก ยังต้องทำนั่นทำนี่อีกเสียมาก จึงยังไม่ได้เริ่มสอนอันใดอย่างจริงจังเลย เอาไว้หลังจากนี้จะดีกว่า เพราะนางยุ่งมากจริงๆ นั่งพักอยู่นิ่งๆ สักพักนางก็ลุกไปทำอาหารต่อเพราะเหมือนจะถึงยามเว่ยแล้วกระมัง ไม่นานแกงจืดหม้อใหญ่ก็ส่งกลิ่นหอมลอยไปทั่วเรือนจนอี้หานเองยังรู้สึกหิวขึ้นมา ไม่เว้นแม้กระทั่งหยางหรงที่ยัดซาลาเปาไปแล้วตั้งสองลูก เฟิ่งเจี๋ยตักใส่ชามใบใหญ่พร้อมกับข้าวที่ครานี้นางตักใส่ถ้วยใบใหญ่เช่นกันเผื่ออยากจะตักน้ำใส่เยอะๆ ให้เหมือนข้าวต้ม เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้วก็เรียกทุกคนไปล้างมือแล้วมากินข้าวกันได้ เฟิ่งเจี๋ยตักหมูให้อี้หานและผักจนเหมือนข้าวต้มชามหนึ่ง เด็กน้อยตักกินด้วยรอยยิ้ม ทั้งวันนี้ผักยังไม่ขมอีกด้วย ปกติแล้วเขาได้กินแต่ผักขมๆ ไม่ก็ผักดองจนไม่อยากจะแตะต้องมันอีกเลย ไม่รู้ทำไมเฟิ่งเฟิ่งจึงทำให้มันอร่อยได้ กินไปก็ส่งยิ้มให้เฟิ่งเฟิ่งไป ด้านชายหนุ่มข้างๆ ก็ไม่แพ้กัน หยางหรงที่กินข้าวหมดชามแล้วทำอึกๆ อักๆ จนเฟิ่งเจี๋ยกลั้นขำเอาไว้แล้วนำข้าวมาเติมให้อีกฝ่าย พร้อมบอกว่าทุกอย่างกินได้หมดไม่ต้องแบ่งไว้กินตอนเย็น เติมข้าวเติมแกงได้จนกว่าเขาจะอิ่ม อีกฝ่ายจึงนั่งกินเอาเสียเต็มที่ด้วยความเอร็ดอร่อย หลังจากที่ทานข้าวจนหมดเกลี้ยงหยางหรงก็นั่งสานกระด้งให้นางต่ออย่างมีความสุขกับอาหารที่พึ่งกินไป เขาใช่ว่าจะไม่เคยกินอาหารดีๆ เช่นนี้ แต่ไม่ค่อยมีอาหารดีๆ เสียมากกว่า ปกติแล้วเขาจะกินอาหารร่วมกับท่านพ่อบ้าน อาหารจึงแตกต่างจากอาหารของบ่าวในจวน ทั้งเขายังออกไปกับท่านแม่ทัพบ่อยๆ บ่อยครั้งที่กินข้าวที่เหลาอาหารแต่เหมือนอาหารที่เฟิ่งเฟิ่งทำเพียงอย่างเดียวจะถูกปากเขามากกว่าทุกอย่างที่เขาเคยกินมาเสียอีก นางทำอร่อยมาก เด็กน้อยเองก็กำลังนั่งฝึกเขียนอักษรบนกระบะทรายที่หยางหยางพึ่งทำให้เขาเมื่อครู่ด้วยท้องที่ยังอุ่นอยู่ เฟิ่งเฟิ่งสอนเขียนแล้วให้เขาฝึกเขียนต่อ แน่นอนว่าตัวอักษะที่อี้หานเขียนนั้นยึกยือจนดูไม่ออกว่าเขียนอันใด ตามปกติแล้วการฝึกเขียนอักษรจีนควรฝึกการขีดเส้น เหมือนดั่งการเขียนตามรอยประของเด็กอนุบาลเพื่อฝึกข้อมือเสียก่อน การฝึกเขียนเส้นตรงในองศาต่างๆ วงกลม วงรี เส้นโค้ง เส้นหยัก ก่อนจะเริ่มฝึกเขียนอักษร นางจึงปล่อยให้อี้หานฝึกขีดๆ เขียนๆ บริหารข้อมือและฝึกขีดเส้นตรงไปมาระหว่างที่นางยังไม่เสร็จงานไปก่อน ส่วนนางนั้นกำลังล้างจานชาม ในขณะที่มีไก่อยู่บนถาดกำลังนึ่งอยู่ อี้หานมองนางและหยางหยางด้วยรอยยิ้มก้มหน้าลงฝึกคัดอักษรต่ออย่างตั้งอกตั้งใจ ตัวอักษรที่เฟิ่งเฟิ่งสอนเขาเขียนนั้นคืออักษร ชุน นางบอกว่าจำชื่อก่อนจำศัพย์อันใดสักอย่าง เขาจึงได้คัดอักษรตัวนี้ เฟิ่งเฟิ่งเขียนใส่ทรายให้เขาดูแล้วให้เขาเขียนตามบริเวณอีกฝั่งของถาด ไม่นานอี้หานก็เริ่มจำลำดับการเขียนได้และลองฝึกเขียน แต่หากจำไม่ได้เฟิ่งเฟิ่งก็ไม่ดุด่าเขา หันกลับมาสอนเขาใหม่ด้วยรอยยิ้มเสมอ ที่มาของรอยยิ้มน้อยๆ ของเขาก็เป็นเช่นนี้ หญิงสาวนำจานมาไว้ในตะกร้าเสร็จก็นำเห็ดมาล้าง จากนั้นก็แยกส่วนที่จะทำอาหารเย็นวันนี้คือเห็ดโคน นางจะผัดใส่กับเครื่องในไก่ด้วย ส่วนเห็ดหูหนูนั้นนางจะนำไปตากแดดแล้วเก็บไว้ เห็ดที่เหลือนางจะนำลงนึ่งหลังจากที่ไก่สุกแล้ว ฟักทองนั้นนางวางไว้บนแคร่ตรงที่ติดกับผนังบ้าน กระเทียมป่าและหอมป่าก็มัดใบมันเอาไว้แล้ววางไว้ในตู้กับข้าวเสียก่อน ปกติในโลกก่อนนั้นส่วนมากผู้คนจะห้อยมันไว้กับกำแพงเป็นพวงๆ หากแต่นางจะห้อยไว้ในครัวยุคนี้คงดูไม่ดีกระมัง พริกที่เก็บมาก็เอาไว้กินสดส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เอาขึ้นตากเป็นพริกแห้งหรือไม่ก็ไว้ทำพริกป่นก็ดี หยางหรงมองบ่าวคนใหม่ของเรือนที่ทำหลายสิ่งหลายอย่างตั้งแต่ตื่นจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นนางหยุดพัก หากแต่ใบหน้าของนางกลับแดงเรื่อพร้อมรอยยิ้มเหมือนกำลังมีความสุขที่ได้ทำมันอย่างไรอย่างนั้น แปลกคนเสียจริง เขานั้นลงมือทำที่ตากปลาอย่างลวกๆ ให้นางได้เอาไปตากสองถึงสามอันแล้วก่อนนางจะเรียกเขาไปนั่งพัก ส่วนนางก็ยังคงทำงานอย่างขะมักเขม้นอยู่เช่นเดิม เฟิ่งเจี๋ยเดินไปหน้าเรือนมองดูแสงแดดรอบๆ ว่านางตากของถูกจุดที่มีแสงแดดส่องหรือไม่ เนื้อตากแห้งถูกยกลงมาก่อนจะนำมาที่แคร่เพื่อพลิกกลับด้านตาก “ข้าทำเอง เจ้าไปทำอย่างอื่นเถอะ” “ขอบคุณพี่หยางเจ้าค่ะ” เมื่อมีคนช่วยนางจึงเดินไปเอาอีกถาดลงมาให้เขาช่วยทำ จากนั้นก็นำเห็ดที่จะตากมาเกลี่ยๆ ลงบนกระด้งให้กระจายกันแล้วนำขึ้นตาก นางพยายามวางแผนจัดแจงเวลาให้มีคุณภาพที่สุด ส่วนที่ต้องตากต้องนึ่งก็ทำไว้ ช่วงเวลานี้ก็เอาไปทำอย่างอื่น จากที่คิดว่าจะปลูกผักวันนี้ก็ต้องยกไปวันพรุ่งนี้แทนเพราะนางคงทำไม่ไหวในวันเดียว เนื้อไก่ที่สุกแล้วถูกนำออกจากไฟ แล้วนึ่งเห็ดต่อ พักเนื้อไก่ไว้ให้หายร้อนก่อนจะใช้มือฉีกเป็นเส้นเล็กๆ ไม่ได้ปราณีตเท่าใดเพราะนางทำกินเองในเรือน หยางหรงนำเนื้อขึ้นตากให้นางเหมือนเดิมแล้วกลับมาช่วยนางฉีกไก่ต่อจนเสร็จ “วันนี้เจ้าทำเสียมาก” หยางหรงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยกับนางเช่นนี้ จากที่เคยตั้งใจว่าจะพูดคุยกับนางเรื่องที่นางพาคุณชายขึ้นเขาเมื่อเช้านี้ถูกเก็บเอาไว้ทันทีเพราะนางคงไม่มีเวลาแม้แต่จะสนทนากับผู้ใด “ข้าตั้งใจว่ารีบทำรีบสบายเจ้าค่ะ ทำๆ ไว้วันหน้าจะได้ไม่ต้องทำเยอะเจ้าค่ะ” “แปลกคน ข้าต้องไปผ่าฟืนแล้ว ยามโหย่ว (17:00-18:59) จะมาช่วยเจ้าใหม่” ร่างสูงเอ่ยบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง “แค่นี้ก็ถือว่ามากแล้วเจ้าค่ะพี่หยาง มื้อเย็นท่านมากินข้าวที่เรือนคุณชายนะเจ้าคะ ข้าจะทำอาหารรอ” เฟิ่งเจี๋ยเดินออกมาส่งร่างสูงที่หน้าเรือน “อือ” หยางหรงพยักหน้านิ่งๆ ก่อนจะเดินออกไป “ทำไมเหมือนสามีภรรยากันอย่างนี้ ฮือ” มือยกขึ้นปิดหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายอย่างซุกซนไม่จริงจังนัก โดยไม่รู้เลยว่าหยางหรงนั้นหันมามองนางแล้วเห็นมันเข้า บุรุษหน้าตายในตอนนี้กำลังพยายามบังคับใบหน้าไม่ให้แดงก่ำขึ้นมาหากแต่ใบหูกับแดงเถือกเหมือนถูกผู้ใดบิดหูมาอย่างไรอย่างนั้นก่อนจะรีบเดินออกจากตรงนี้ไปให้เร็วที่สุด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม