“พัดขออาบน้ำก่อนนะคะ” เด็กสาวเอ่ยอีกครั้ง เพื่อให้เขาออกจากห้องนี้ไปเร็วๆ
“อยากให้ฉันอาบน้ำให้หรือเปล่า ฉันถนัดนะสาวน้อย” สายตาแพรวพราวทำให้เธอรีบส่ายหน้าดิก
“ไม่ต้องค่ะ พัดอาบเองได้ มันไม่เหมาะที่จะทำ อื้อ...” เธอพูดยังไม่ทันจบประโยค เขาก็บดจูบลงมาเหมือนไม่อยากฟัง
“อะไรก็ไม่ดี ไม่ได้ ไม่เหมาะ” เขาถอนริมฝีปากออกห่างแล้วพูดเสียงหอบกระเส่า ภัทรวนันต์ตกใจ เผยอริมฝีปากที่บวมช้ำจากรสจูบดุดันของเขาด้วยใบหน้าแดงเรื่อ “ไปอาบน้ำได้แล้ว และอย่าใส่ชุดนี้อีก ถ้าไม่อยากให้ฉันจับแก้ผ้า”
“คะ... ค่ะ” ภัทรวนันต์ละล่ำละลักหันรีหันขวางหาทางเข้าห้องน้ำด้วยความตกใจ คุณธรรมเปิดประตูห้องน้ำให้เธอและผลักเธอเข้าไปในนั้น ก่อนที่เขาจะเดินออกมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อจัดการกับเธอได้
...โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของใครบางคนแอบมองอยู่อีกเช่นเคย สายตาคู่นั้นมองประตูห้องที่ปิดสนิทของภัทรวนันต์อย่างครุ่นคิด และก็ทำตัวนิ่งเงียบเช่นเดิม
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้ภัทรวนันต์ที่เดินออกมาจากห้องน้ำสะดุ้ง เธอไม่กล้าไปเปิดประตู ยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง คิดว่าอาจจะเป็นคุณธรรม ตอนนี้เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อยเสียด้วย ไม่สมควรอย่างยิ่งที่เธอจะเสี่ยงเปิดประตูแบบนั้น
“หนูพัดจ๊ะ แต่งตัวเสร็จหรือยัง เปิดประตูให้ป้าหน่อยลูก” เสียงที่ดังมาจากประตูทำให้ภัทรวนันต์ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใ0 เธอกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วเดินไปเปิดประตูโดยง่าย
“อ้าว... หนูยังไม่แต่งตัวอีกเหรอลูก”
“เพิ่งอาบน้ำเสร็จค่ะคุณป้า พัดต้องขอโทษด้วยนะคะที่ชักช้า”
“ขอทงขอโทษอะไรกันจ๊ะ มาๆ ไหนป้าแต่งตัวให้หนูดีกว่า ป้าจะทำให้หนูสวยที่สุดในงานเลย นานๆ จะแต่งตัวสวยสักครั้ง หนูน่ะเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ก้นครัว รู้ตัวไหมว่าพอกลับจากโรงเรียนก็เอาแต่ทำงาน” จันทร์ระวีลากมือนิ่มของเด็กสาวไปหน้ากระจก ก่อนจะหยิบชุดบนเตียงที่วางไม่เป็นระเบียบมาถือไว้ด้วยความสงสัยว่าเหตุใดจึงวางไม่น่าดูเช่นนี้
“เอ่อ... พัดขอโทษด้วยค่ะที่วางชุดไม่เรียบร้อย” ภัทรวนันต์เห็นจันทร์ระวีขมวดคิ้ว เธอจึงรีบเอ่ยขอโทษแทนคนบางคนที่โยนชุดไปบนเตียงอย่างไม่ไยดี
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ มาเถอะ ป้าจะแต่งตัวให้หนูสวยที่สุด”
...เพียงแค่นั้นภัทรวนันต์ก็ไม่สามารถปฏิเสธความหวังดีของจันทร์ระวีได้ เธอจึงจำต้องสวมใส่แซกสีชมพูหวานแหววยาวแค่เข่า จันทร์ระวีเกล้าผมให้อย่างงดงามตามประสาคนไม่มีลูกสาว เลยอยากจับเด็กสาวที่นางเอ็นดูแต่งตัวสวยๆ น่ารักๆ
“หลานป้าสวยที่สุดเลยลูก” จันทร์ระวีดึงร่างโปร่งระหงของเด็กสาวขึ้นหลังจากแต่งหน้าให้อย่างบางเบา
“ขอบคุณค่ะ” ภัทรวนันต์มองตัวเองในกระจก เธอเองไม่ค่อยได้แต่งตัวแบบนี้บ่อยนัก รู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน แต่พอมองแล้วกลับชอบ...
ร่างบอบบางกลมกลึงน่าทะนุถนอมที่เดินลงมาในงานเลี้ยงต้อนรับบุตรชายคนเดียว
ทายาทเจ้าของไร่บารมีเป็นที่จับตามองสำหรับทุกคนในงาน ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณธรรมที่ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นหญิงสาวเดินเคียงคู่มากับมารดา เขาตกตะลึงในความงดงามนั้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอารมณ์โกรธกรุ่นเมื่อเธอขัดคำสั่งเขาใส่ชุดบ้าๆ นั้นลงมาให้ผู้ชายทั้งงานได้มองอย่างแทะโลม มารดาของเขาก็กระไร ให้เด็กนั่นใส่ชุดโป๊ๆ ล่อตะเข้แบบนั้นได้ยังไงกัน มองแล้วขัดตาชะมัด
“คุณเป็นอะไรคะ หน้าบึ้งเชียว” ชญาณิศากอดแขนชายหนุ่มเอาไว้หลวมๆ ส่งยิ้มไปทั่วงาน ก่อนเงยหน้าขึ้นถามเจ้าของงานและมองตามสายตาของเขา ก็ไปเจอกับสาวน้อยหน้าหวานที่เพิ่งปรากฏกายมาในงาน เธอพอจะรู้ว่าภัทรวนันต์เป็นเด็กสาวที่ถูกบิดามารดาของชายหนุ่มเก็บมาเลี้ยงและรักเหมือนลูกในไส้ เหตุนี้นี่เองที่ทำให้เขาต้องรีบกลับมาโดยด่วน เพราะบิดามารดาบอกว่าจะยกทรัพย์สมบัตินั้นให้เด็กสาวคนนี้
สิ่งที่ไม่เหมือนอย่างที่คุณธรรมพูดไว้กับเธอก็คือ เด็กสาวที่ชื่อภัทรวนันต์ไม่ได้หน้าตาอัปลักษณ์ สิวเขรอะน่ะสิ!
“เปล่า ผมแค่รู้สึกร้อนน่ะเดียร์” คุณธรรมตอบปฏิเสธเสียงราบเรียบอย่างระงับอารมณ์ดุเดือดในอก
“ไม่เห็นจะร้อนเลยนะคะ อากาศกำลังดี” ชญาณิศาตอบยิ้มๆ “เดียร์คิดว่าเดียร์สวยที่สุดในงานแล้วนะคะนี่ เจอน้องพัดเข้าไป เดียร์ชิดซ้ายไปเลย ดูคุณแม่ของคุณจะรักและเอ็นดูน้องพัดมากๆ เลยนะคะ” เธอมองตามสายตาชายหนุ่มไปยังเด็กสาวที่ยิ้มหวานให้คนไปทั้งงาน เธอเปรียบเหมือนดาวเด่นที่ใครๆ ต่างล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด จนแทบจะแทรกเข้าไปหาก็ยากยิ่ง
“หึ! ยัยเด็กบ้า มารยาสาไถยชอบออดอ้อนคุณพ่อกับคุณแม่ แถมยังใส่ชุดน่าเกลียดนั่นอีก”
“เอ๊ะ! เดียร์ไม่เห็นว่าชุดนั้นจะน่าเกลียดตรงไหนนี่คะ เซ็กซี่ดีออก ทำให้น้องพัดดูเป็นสาวขึ้นมากเลย เวลาเธอใส่ชุดสบายๆ ดูเป็นเด็กอายุสิบห้า แต่พอแต่งแบบนี้ดูสมกับเป็นสาวสะพรั่งอายุสิบแปด อุ๊ย!” ชญาณิศาอุทานเมื่อชายหนุ่มกระชากแขนออกอย่างหงุดหงิด “คุณเป็นอะไร สะบัดแขนใส่เดียร์ทำไม” ชญาณิศาถามอย่างงอนนิดๆ นั่นแหละคุณธรรมถึงได้สติว่าเผลอทำกิริยาไม่ดีกับเพื่อนสาวไป
“ไม่น่าเกลียดยังไงเดียร์ ดูสินมแทบทะลักล้นออกมา”
คุณธรรมน่าตูมเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนสาว
“หัวเราะอะไรของคุณน่ะเดียร์”
“แสดงว่าคุณมัวแต่จ้องหน้าอกของน้องพัดยังไงล่ะคะ”
“มันมีให้ดู ก็ต้องดู ไม่ต้องจ้องก็เห็น โชว์ซะขนาดนั้น” คุณธรรมตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“คุณน่ะ พูดจาน่าเกลียด เดียร์ก็ใส่แบบนั้น ไม่เห็นคุณว่าอะไรเลย ยังชมว่าสวย” ชญาณิศาหัวเราะคิกในคำพูดของชายหนุ่ม แต่คุณธรรมไม่ขำด้วย เขาหน้าบึ้งตึงสุดจะบรรยาย
“คุณมาแล้วเหรอลูก เดี๋ยวขึ้นไปกล่าวอะไรกับพ่อเขาหน่อยสิ” จันทร์ระวีรีบบอกลูกชายที่เดินมุ่งหน้ามาหา ไม่ทันได้สังเกตสีหน้าและแววตาที่ดูบึ้งตึงนั้น แต่ภัทรวนันต์หลบตาวูบเมื่อเห็นเขามองมาอย่างไม่ชอบใจ กวาดมองชุดของเธอตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างหยาบคายนักในสายตาของเธอ ร่างเล็กจึงหลบไปหลังผู้มีพระคุณด้วยหวั่นกลัวนิดๆ
“ครับแม่” คุณธรรมจำต้องขึ้นไปกล่าวอะไรหลังจากที่บิดาแนะนำเขาให้คนงานทั้งไร่ได้รู้จักในฐานะบุตรชายคนเดียว คนทั้งงานยังรู้ว่าหญิงสาวที่ชายหนุ่มควงมาอย่างชญาณิศาเป็นคนพิเศษของเจ้านาย จึงให้ความเคารพนบน้อมฝากเนื้อฝากตัว เพราะหญิงสาวอัธยาศัยดี พูดคุยทักทายกับคนอื่นอย่างเป็นกันเองตลอดงาน
เสียงปรบมือดังไปทั่วงานหลังจากคุณธรรมกล่าวแนะนำตัวและฝากเนื้อฝากตัวจบลง เมื่อลงมาจากเวทีอยากจะลากเด็กสาวที่ขัดคำสั่งไปทำโทษนัก แต่สิ่งที่เขาทำได้เพียงแค่รับอวยพรจากคุณตาคุณยาย คุณพ่อคุณแม่และของขวัญของทุกคนเท่านั้น
คุณธรรมนึกหงุดหงิด ขัดสายตาเมื่อเห็นเพื่อนรักทั้งสอง ทั้งตนุและธนายุทธป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ กับภัทรวนันต์ หลายปีมานี่ทั้งสองคนคงสนิทกับยัยเด็กนั่นเอามากๆ
ภัทรวนันต์แอบมองคุณธรรมอยู่ห่างๆ มันกะทันหันมากจนเธอหาของขวัญให้เขาไม่ทัน เธอจึงไม่รู้จะซื้ออะไรให้เขา ก็เลยปรึกษาอัครเดชว่าผู้ชายเขาชอบอะไรกันบ้าง อัครเดชจึงแนะนำหลายอย่างจนเธอเลือกไม่ถูก ตกลงเธอจึงได้ซื้อนาฬิการูปลูกบอลเป็นของขวัญให้เขา จำได้ว่าเมื่อสี่ปีก่อนเขาชอบกีฬาประเภทนี้ที่สุด เขานั่งดูจนดึกดื่นตีหนึ่งตีสอง พอซื้อให้แล้วกลับไม่กล้าให้เสียอย่างนั้น เนื่องจากคิดว่าเป็นของขวัญราคาถูก แถมยังเชยแสนเชยแบบนี้เขาคงไม่อยากรับ
“อ้าว... น้องพัดมายืนหลบทำไมอยู่ตรงนี้คะ” เสียงของชญาณิศาทำให้ภัทรวนันต์สะดุ้ง ก่อนจะซ่อนของขวัญชิ้นเล็กๆ ไว้ด้านหลัง
“เอ่อ... พัดออกมาสูดอากาศค่ะ” ภัทรวนันต์ตอบเสียงแผ่วเพราะไม่ชอบโกหก มือกำกล่องของขวัญกล่องเล็กของตัวเองเอาไว้แน่น
“นั่นซ่อนอะไรไว้ข้างหลังคะ”
“ปะ... เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร”
“เอ๊... พี่ว่ามีนะคะ ของขวัญให้คุณหรือเปล่า” ชญาณิศาเดาสุ่มไปเรื่อย มองด้วยความสนใจ
“เอ่อ... คือว่า”
“ทำไมไม่เอาไปให้คุณล่ะ”