ชญาณิศาเอ่ยถามมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักที่กำลังก้มหน้างุด
“พัดไม่กล้าหรอกค่ะ กลัวพี่คุณไม่รับ” ในที่สุดภัทรวนันต์ก็ตอบตามตรง
“ไม่กล้าให้เหรอ เอาแบบนี้ไหม พี่เอาไปให้ให้เอง” ชญาณิศาอาสา
“จริงเหรอคะ แต่พี่คุณจะขว้างทิ้งหรือเปล่าก็ไม่รู้” เธอทำสีหน้าดีใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายมีน้ำใจ แต่หน้าหมองลงเมื่อคิดว่าเขาอาจจะนึกรังเกียจ
“ไม่หรอกจ้ะ พี่เอาไปให้คุณเอง ถ้าน้องพัดไว้ใจพี่”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากนะคะ” ภัทรวนันต์ยื่นกล่องของขวัญให้ชญาณิศารับไปถือเอาไว้
“อะไรเอ่ย พี่ถามได้หรือเปล่า”
“เอ่อ... ของไม่มีราคาอะไรหรอกค่ะ พัดไม่รู้จะซื้ออะไร งบก็ไม่มีด้วยค่ะ” ภัทรวนันต์ตอบไปตรงๆ และบอกว่าของในกล่องเป็นอะไร
“พี่ว่าราคาไม่สำคัญหรอกค่ะ อยู่ที่ใจมากกว่า เราตั้งใจให้คนรับก็ดีใจแล้ว”
“ค่ะพี่เดียร์ พัดเอง... ไม่รู้ว่าผู้ชายเขาชอบอะไรกัน ก็เลยปรึกษาพี่เดช เอ่อ... เขาแนะนำหลายอย่างมาก พัดซื้อไม่ถูกเลยเลือกนาฬิกาลูกฟุตบอล เพราะเคยเห็นพี่คุณชอบกีฬาฟุตบอลค่ะ”
“น่ารักจังค่ะ จริงๆ ซื้อของขวัญให้ผู้ชายก็ยากเหมือนกันนะ อันนี้พี่ก็ว่าโอเคแล้วจ้ะ งั้นพี่ไปก่อนนะ”
“ขอบคุณพี่เดียร์มากนะคะ” ภัทรวนันต์กล่าวขอบคุณ มองตามร่างระหงของชญาณิศาไปอย่างลุ้นๆ
“มายืนทำอะไรแถวนี้จ๊ะ เพื่อนรัก” ติยาพรนั่นเอง เธอเดินตามหาเพื่อนจนทั่วงาน
“มาสูดอากาศจ้ะ นิมีอะไรเหรอ ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ดูแล”
“ไม่เป็นไร นิเห็นพัดยุ่งๆ น่ะ นิจะมาขอตัวกลับก่อน พอดีรู้สึกปวดท้องมากๆ เลยจ้ะ”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” ภัทรวนันต์ถามอย่างเป็นห่วง
“ปวดท้อง วันนั้นของเดือน พี่ยุทธก็ต้องรีบกลับเหมือนกัน เห็นว่ามีงานด่วน เลยจะกลับพร้อมกับพี่นุเลยจ้ะ”
“จริงๆ อยากอยู่ต่อ แต่พี่มีงาน” เสียงของธนายุทธนั่นเอง ภัทรวนันต์ยิ้มให้พี่ชายที่น่ารักทั้งสอง ตนุกับธนายุทธกล่าวลาเจ้าของบ้านเรียบร้อยแล้ว และไม่ลืมจะมากล่าวลาหญิงสาวที่พิเศษคนนี้ด้วย
“งั้นพัดเดินไปส่งนะคะ” ภัทรวนันต์บอกยิ้มๆ เดินไปส่งทั้งสามขึ้นรถ ก่อนจะชนกับร่างสูงของคุณธรรมที่มาหยุดยืนส่งเพื่อนอยู่นานแล้ว เธอมัวแต่เหม่อเลยไม่เห็น
“อุ๊ย!”
“ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์กันขนาดนี้ก็ได้” คุณธรรมดึงแขนเล็กบอบบางเอาไว้เมื่อเด็กสาวทำท่าจะถอยหนี
“พี่คุณ ปล่อยพัดนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ทำไม กลัวบรรดาผู้ชายที่อ่อยอยู่จะเข้าใจผิดหรือไง”
“พี่คุณ!” ภัทรวนันต์เม้มริมฝีปากเข้าหากัน นึกไม่ชอบใจคำพูดดูถูกนั้น
“ตาคุณ อยู่นี่เอง” เสียงของมารดาทำให้คุณธรรมจำต้องปล่อยแขนของภัทรวนันต์อย่างจำใจ “อ้าว... หนูพัดอยู่ตรงนี้ด้วยเหรอลูก พอดีเลย ไปช่วยกันส่งแขกหน่อยลูก ตาคุณก็ตามแม่มาเร็ว” คุณธรรมจำต้องเดินตามมารดาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยมีภัทรวนันต์ตามไปห่างๆ หญิงสาวยืนอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นว่ามีงานอื่นที่เธอจะช่วยได้จึงกล่าวขอตัว การกระทำของภัทรวนันต์อยู่ในสายตาของคุณธรรมตลอดเวลาไม่ว่าเธอจะขยับตัวไปไหน
ครู่ใหญ่ชญาณิศาเห็นว่างานกำลังจะเลิกจึงเดินเข้ามาหาคุณธรรมเพื่อมอบของขวัญที่ภัทรวนันต์ฝากฝังเอาไว้ให้ชายหนุ่ม
“เดียร์มีอะไรครับ”
“มีคนฝากของขวัญมาให้คุณค่ะ” หญิงสาวยื่นกล่องของขวัญให้ชายหนุ่ม
“ของใครล่ะ เดียร์ก็ให้ผมแล้วนี่นา” เขาขมวดคิ้วด้วยความอยากรู้ ดูว่าทุกคนจะให้ของขวัญเขาหมดแล้ว มีแต่ยัยเด็กนั่นที่หายเงียบไปซุกตัวอยู่ตรงไหนแล้วก็ไม่รู้
“ของน้องพัดจ้ะคุณ น้องอุตส่าห์ไปเลือกซื้อกับอัครเดชมาเลยนะ ไปกับคนรู้ใจ เลือกของคงถูกใจ” ชญาณิศาพูดยิ้มๆ
“ของขวัญยัยเด็กนั่นผมไม่เห็นอยากได้” พอได้ยินว่าเด็กสาวไปเลือกของขวัญกับผู้ชายคนอื่น เขาก็ไม่อยากได้ขึ้นมาทันที
“แต่น้องพัดอุตส่าห์ซื้อให้นะ อุ๊ย!” ชญาณิศาอุทานอย่างตกใจเมื่อคุณธรรมเขวี้ยงกล่องของขวัญนั้นทิ้ง
ภัทรวนันต์ยกมือขึ้นทาบอกอย่างตกใจ ก่อนจะน้ำตาซึมเมื่อแอบยืนมองอยู่อีกด้าน แม้ไม่ได้ยินว่าทั้งสองพูดอะไรกัน แต่พอจะรู้จากท่าทางของคุณธรรมว่าไม่ชอบใจของขวัญของเธอเพียงใด
“คุณ ทำไมทำแบบนี้ น้องพัดรู้เข้าจะเสียใจนะ”
“ก็ช่างสิ ฉันไม่เห็นอยากได้ของขวัญยัยเด็กบ้านั่นสักหน่อย ไม่ได้เลือกซื้อจากใจ แต่ให้คนอื่นเลือกให้”
“เอ๊ะ! คุณนี่ ใครเลือกให้ก็เหมือนกันนั่นแหละ ถึงน้องจะไม่ได้เลือกเอง ซื้อเอง แต่เป็นของขวัญที่น้องเค้าตั้งใจให้คุณนะ”
คุณธรรมเดินหนีไปทันที ไม่ชอบใจในสิ่งที่ได้ยิน ชญาณิศาจะหันมาเก็บกล่องของขวัญกล่องนั้น แต่มือเล็กของภัทรวนันต์เดินมาหยิบไปเสียก่อน
“น้องพัด พี่ขอโทษนะคะ คุณนี่ไม่มีเหตุผลเสียเลย โมโหหงุดหงิด พี่ไม่คิดว่าคุณจะรังเกียจของขวัญของน้องพัดขนาดนี้ รังเกียจไม่ว่า... แถมยังเขวี้ยงทิ้งเหมือนเศษขยะอีก” ชญาณิศาพูดอย่างเวทนา
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เดียร์ พัดเข้าใจค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ภัทรวนันต์กอดกล่องของขวัญกล่องเล็กเอาไว้แนบอก ก่อนจะหลบไปนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในสวน สาวน้อยปล่อยให้น้ำตารินไหลไปเรื่อยๆ สะอื้นฮักๆ เสียใจที่เขารังเกียจเธอขนาดนี้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ เขาก็ยังไม่ชอบเธออยู่ดี เธอควรจะเจียมตัวไม่ไปยุ่งกับเขาอีก ควรจะสำนึกว่าเขาเกลียดเธอมากแค่ไหน เด็กกำพร้าอย่างเธอไม่ได้เป็นที่ต้องการของเขามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ชญาณิศาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างสะใจเล็กๆ ด้วยความสบายอารมณ์ที่ได้แกล้งคน!!!
อดีต
ชีวิตที่สุขสบายของเด็กน้อยที่คลอดออกมาท่ามกลางครอบครัวที่เข้าขั้นมหาเศรษฐีทำให้ใครๆ ต่างอิจฉาเด็กหญิงภัทรวนันต์ รุ้งแก้วยิ่งนัก ใครๆ ก็บอกว่าเด็กคนนี้ช่างทำบุญมาดีตั้งแต่ชาติที่แล้ว
บิดาของภัทรวนันต์เป็นพ่อค้าคนดังของจังหวัด มีฐานะร่ำรวย มีแก้วแหวนเงินทองมากมาย บ้านและที่ดิน รถยนต์หลายคัน ชีวิตที่สุขสบายของบุตรสาวคนเดียวจึงราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย คลอดออกมาก็คาบช้อนเงินช้อนทองเป็นคุณหนูที่มีคนนับหน้าถือตา อ่อนน้อมถ่อมตนคลานเข้ามาหา มีบริวารมากมายห้อมล้อมหน้าหลัง
มารดาของเธอเป็นแม่บ้านแม่เรือน ดูแลบ่าวไพร่และลูกเป็นอย่างดี แม้จะการศึกษาน้อยก็ตามที
เด็กสาวมีคนขับรถขับไปส่งที่โรงเรียนทุกวัน จะไปไหนมาไหนก็สะดวกสบาย บิดาตามใจทุกอย่าง ไม่ว่าอยากได้อะไรไม่เคยขัด คงมีแค่เดือนและดาวที่ท่านเอื้อมคว้ามาให้ไม่ได้
วันหนึ่งที่เธอเรียนอยู่มัธยมต้น ตอนนั้นอายุได้สิบสองขวบ บิดามารดาเริ่มสอนให้เธอรู้จักช่วยตัวเอง ให้เธอทำงานบ้าน เธอตั้งใจทำตามที่พี่เลี้ยงบอก คนรับใช้และคนขับรถเริ่มลาออกไปเรื่อยๆ บิดามารดาบอกว่าถ้าเราทำอะไรเองได้ จะไม่ต้องจ้างคนงานให้เปลืองเงิน เธอไม่เข้าใจมากนัก แต่ด้วยความที่เป็นเด็กดีจึงทำตามที่บุพการีต้องการไม่เคยขัด
บิดามารดาให้เธอนั่งรถเหมารายเดือนกับนักเรียนคนอื่นๆ เพราะไม่มีคนขับรถ เธอรู้สึกมีความสุขที่ได้คุยกับเพื่อนๆ มากขึ้น การเดินทางมันทำให้ชีวิตเธอตื่นเต้น เธอเรียนรู้ที่จะมีชีวิตเหมือนคนอื่นๆ
ภัทรวนันต์เป็นที่รักของเพื่อนๆ เพราะความมีน้ำใจ ทุกปีบิดาจะแจกทุนการศึกษาให้นักเรียนยากจน เธอจะนั่งใกล้ๆ บิดามองพวกเพื่อนๆ อย่างสงสาร บิดาเป็นคนกว้างขวางและมีคนนับหน้าถือตามากมาย บริจาคเงินให้โรงเรียนมากๆ ครูบาอาจารย์ที่นั่นรักและเอ็นดูเธอกันทุกคน ชีวิตเธอมีความสุขมากๆ จนไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าความทุกข์มันเป็นเช่นไรกันแน่
บิดามารดาส่งเสียให้เธอเรียนทุกอย่างที่อยากเรียน ทั้งดนตรีไทย ภาษาต่างประเทศหลายภาษา งานบ้านงานเรือน ขนมไทย อาหาร การเข้าสังคม ทำให้เธอมีความสามารถโดดเด่นมากกว่าเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน
ภัทรวนันต์ยังได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันทักษะทางวิชาการต่างๆ มารยาทไทย และการประกวดอะไรอีกมากมาย และมักจะได้รางวัลอยู่เสมอๆ สร้างความภาคภูมิใจให้บิดามารดาและครูบาอาจารย์ที่โรงเรียนเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงเป็นที่นิยมชมชอบของเพื่อนๆ เพราะไม่ว่ามีขนมหรือของเล่นอะไร ภัทรวนันต์จะเอาไปแจกให้เพื่อนๆ เสมอๆ ไม่เคยหวงของหรือขี้เหนียวเลยสักครั้ง