"คุณหนูชื่ออะไรหรอคะ นมขอโทษที่เสียมารยาทเข้าไปกอดโดยไม่ขออนุญาต"นมดวงเอื้อนเอ่ยอย่างรู้สึกผิด ต่อให้ผิดเธอก็ยังอยากกอดร่างน้อยตรงหน้าอยู่ดี
"หนูชื่อเอิงเอยค่ะ" เอิงเอยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มที่นมดวงมองยังไงก็เหมือนอีกคนที่ซ้อนทับอยู่ ทั้งหน้าตารูปร่างผิวพรรณเหมือนกันยังกับฝาแฝดต่างกันแค่ช่วงอายุวัยเท่านั้น
"ไปทานข้าวกันนะคะนมเตรียมทุกอย่างไว้รอแล้ว"นมดวงเดินจูงมือเด็กสาวเหมือนตัวเองคุ้นเคยและรู้จักเธอเป็นอย่างดี เอิงเอยเองก็รู้สึกอบอุ่นที่ท่านเมตตาเธอขนาดนี้เอิงเอยเดินตามอย่างว่าง่ายจนไปถึงห้องอาหารที่โอ่โถง
ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารผ่านไปอย่างรวดเร็วจวบจนถึงช่วงพลบค่ำ จอห์นขับรถมาส่งเอิงเอยที่เพนท์เฮ้าส์พื้นที่ส่วนตัวของเฟยต้าน แน่นอนจอห์นรู้หมดทุกอย่างว่าสาวน้อยคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงในฐานะอะไร เฟยต้านเล่าให้เค้าฟังหมดแล้ว
"ขอบคุณพี่จอห์นนะคะที่เลี้ยงข้าวหนูเอย มื้อนี้อร่อยที่สุดเลยค่ะ"เอิงเอยใช้มือน้อยลูบท้องป้อยๆด้วยความอิ่ม
"สรุปหนูเอยเป็นลูกหมูใช่ไหมครับหน้ากลมเชียว" จอห์นเอ่ยแซวเมื่อเห็นคนตัวเล็กเอนหลังลูบท้องด้วยความอิ่ม
"งื้ออย่าว่าหนูเอย"เด็กสาวยู่ปากจนแก้มป่องพลางส่งมือปลดเบลล์ไปด้วยอย่างน่ารักระคนน่าเอ็นดู
"งั้นเดี๋ยวพี่กลับก่อนอีก 2 วันเจอกันที่โรงเรียนนะครับ" จอห์นส่งมือลูบหัวทุยไปมาด้วยความรัก จนเอิงเอยเผลอส่งยิ้มให้ด้วยความน่ารัก เธอโบกไม้โบกมือลาไปมา จนรถที่นั่งมาเมื่อสักครู่ลับตาไปในความมืด
"ไงเอากับมันไปกี่ยกเสียน้ำไปกับมันกี่ครั้ง ถึงได้เดินเข้ามาบ้านฉันยิ้มหน้าบานเหมือนคนกำลังมีผัวสะขนาดนั้น"
เอิงเอยที่มีความสุขเมื่อสักครู่เธอกลับต้องหุบยิ้มด้วยความเศร้า เธอเบือนหน้าไปอีกทางเมื่อโดนคนใจร้ายสาดคำทุเรศด้วยวาจาน่าเกลียดใส่
"เอิงเอยกับพี่จอห์นไม่ทำอะไรต่ำๆเหมือนที่คุณเฟยคิดหรอกค่ะ อย่าเอาความคิดชั่วๆมายัดเยียดใส่คนอื่นเค้า เพราะทุกคนเค้าไม่ได้เป็นเหมือนคุณ"
อ๊ะ~อร้าย!!
"ในเมื่อเธอกล้าปากดีกับฉัน เธอก็ต้องยอมรับผลกรรมที่มันจะตามมาจากความฝีปากกล้าของตัวเธอเองด้วยก็แล้วกัน"เฟยต้านฉุดกระชากเอิงเอยเข้ามายังห้องชั้นล่างอากาศภายในค่อนข้างอับและชื้นจนเอิงเอยมีอาการฟึดฟัดหายใจไม่สะดวก
"คุณเฟยปล่อยหนูเอยนะคะหนูเอยเจ็บ"
ยิ่งเธอดิ้นทุกอย่างมันกับผูกมัดเธอแน่นขึ้น ดวงตากลมสวยที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่นเธอยอมรับว่าเธอกลัวเฟยต้านในโหมดนี้เค้าดุดันเหมือนพยามัจจุราชที่ทรงพลังอำนาจในขุมนรกที่สุด
"เห็นโลงนั้นไหม?ลองไปนอนเล่นสักคืนดูสิว่ามันสะดวกสบายดีหายใจคล่องรึเปล่า"
เอิงเอยขืนตัวปิดข้อมือด้วยเรี่ยวแรงที่มีจนสุดกำลัง เธอทั้งทุบทั้งดิ้นหยิกข่วนแต่คนบ้าอำนาจไม่มีเหตุผลกลับไม่สะท้านเลยสักนิด เอิงเอยถูกจับยัดเข้าไปในโลงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบๆ ตะปูเหล็กดอกใหญ่ถูกตอกตรึงลงทั้งสี่มุมอย่างแน่นหนาด้วยฝีมือเฟยต้าน เค้าโมโหที่เอิงเอยไปกับเพื่อนของเค้าง่ายๆ เค้าโมโหที่เอิงเอยกล้าต่อปากต่อคำกับเค้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ ในเมื่อเธออวดดีเค้าก็จะสั่งสอนคนอวดดีให้ได้รู้ว่าผลที่ตามมามันเป็นยังไง
"ฮึก~ฮื่อ ช่วยด้วยค่ะช่วยหนูเอยที พี่ย๊งพี่ลีช่วยหนูเอยทีคุณเฟยปล่อยหนูเอยหนูเอยกลัว" เสียงเอ่ยร้องขอความช่วยเหลือเสียงเอ่ยร้องขอความเมตตา ไม่ได้ช่วยให้เอิงเอยที่โดนลงโทษหลุดพ้นออกจากความทุกข์ได้เลย มิหนำซ้ำเธอกลับค่อยๆหมดแรงลงเพราะอากาศข้างในพื้นที่แคบๆไม่มีออกซิเจนช่วยพยุงปอดเธอได้
ตุบ~ตุบ~ตุบ
เสียงทุบด้วยกำปั้นเล็กข้างๆโลงภายในค่อยๆเบาแผ่วลง เสียงเอื้อนเอ่ยอ้อนวอนค่อยๆอ่อนล้าหมดแรงด้วยความทุกข์ทรมาน ใบหน้าสวยร่างบางอัดชุ่มเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดผลิตออกมาจากกายสาวด้วยความร้อนและความกลัว
"ชะ…ช่วย…ช่วยหนูเอยที ฮึก หนูเอยหายใจไม่ออก" มือเล็กพยายามไขว่คว้าลูบคลำหาทางออก หัวทุยส่ายหน้าไปมาเพื่อสูดหาอากาศหายใจ สุดท้ายทุกอย่างกลับแน่นิ่งไปด้วยร่างกายที่อ่อนล้าอ่อนแรงลงเมื่อไม่มีอากาศเพียงพอ
ภายในเวลาเกือบชั่วโมงทุกอย่างเงียบลงจนเฟยต้านใจกระตุกเมื่อเค้าก้าวเดินเข้ามาภายห้อง ไม่มีเสียงอ้อนวอนไม่มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาให้คนใจทมิฬได้ยิน เฟยต้านสาวเท้าด้วยความเร็วเค้าใช้หัวค้อนแข็งงัดแงะแกะตะปูดอกหนาที่ตอกทุกมุมอย่างแน่นหนางัดมันออกด้วยความเร็ว
"นะ…หนูเอย"
ร่างบางในโลงแคบอ่อนเลนเพราะไม่มีอากาศให้หายใจ เหงื่อที่ระบายออกมาทั้งร้อนทั้งเหนียวแถมชีพจรยังเต้นแผ่วลงอย่างน่าเป็นห่วง
"หนูเอย หนูเอยได้ยินฉันรึเปล่า"เฟยต้านตบแก้มเล็กเบาๆเพื่อเรียกสติของเธอ แต่ทุกอย่างมันกลับเงียบเย็นเหมือนอากาศภายในห้อง เฟยต้านช้อนอุ้มร่างบางที่มีสีผิวซีดเซียว เธอขาดอากาศหายใจทุกอย่างมันน่ากลัวไปหมดเมื่อเธอโดนจองจำกักขังอยู่ในโลงสี่เหลี่ยมขนาดยาว
เอิงเอยถูกอุ้มไปยังห้องนอน ร่างบางถูกวางลงอย่างเบามือจากฝีมือคนใจยักษ์ที่ลงโทษกลั่นแกล้งเธอโดยลืมนึกถึงความปลอดภัย เฟยต้านรีบหยิบผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆมาเช็ดซับตามกรอบหน้าตามตัว เพื่อให้คนสลบได้มีแรงฟื้นขึ้นจากใบหน้าที่ซีดเซียวค่อยๆมีเลือดฝาดขึ้นมาประดับบนหน้าสวย ทำให้เฟยต้านยิ้มออกมาด้วยความโล่ง
เอิงเอยค่อยๆขยับปรือเปลือกตาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองหายใจได้คล่องขึ้น ร่างบางลุกขึ้นถอยร่นด้วยความเร็วเมื่อมองเห็นว่าคนข้างๆเป็นใคร
"ไม่ดื้อ ฮึก หนูเอยไม่ดื้อ ฮึก อย่าทำหนูอีกเลยนะคะหนูเอยกลัว"
"ลุกขึ้นได้ก็แสดงว่าไม่ตายแล้วนี่ จะนั่งแบบนี้อีกนานไหมรึอยากลงไปนอนในโลงอีกครั้ง"
เอิงเอยรีบดีดตัวก้าวขาเหยียบพื้นด้วยสติที่พร่าเลือนเหมือนกำลังหน้ามืด ร่างบางควานหาที่ค้ำยันเพื่อช่วงพยุงตัวเอง เฟยต้านที่แสดงใบหน้าเรียบตึงเอ่ยคำแซะก่อนหน้ารีบวิ่งปรี่เข้ามากอดคนตัวเล็กด้วยความเร็ว เค้าลืมบทบาทนักแสดงสะสิ้นเมื่อเห็นร่างเล็กเซถลา ใบหน้าที่เคยเรียบตึงดวงตาที่แข็งกร้าวกลับไหววูบอ่อนโยน
ใช่เอิงเอยเห็นแววตาไหววูบนั้นแต่มันก็เพียงชั่วครู่ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม เฟยต้านยังคงครองตำแหน่งนักแสดงยอดเยี่ยมเหมือนเดิมทั้งที่ใจเป็นห่วงทั้งที่ใจหึงหวงแต่กลับปฏิเสธแสดงออกว่าไม่สนใจคนตรงหน้า