ทางด้านเมฆาที่เดินเข้าไปในห้องประชุมพร้อมกับเดียร์น่านั้นทำเอาคนทั้งห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบพร้อมกับตะลึงค้างทันที
“คงได้รับโปรเจคใหม่กันแล้ว นี่เดียร์น่านางแบบและพรีเซนเตอร์ของโปรเจคนี้”
เมฆาถึงกับแนะนำด้วยตัวเอง ยิ่งทำเอาทุกคนอึ้งไปตามๆกันอีก เมื่อปกติแล้วคำพูดที่ออกมาจากปากของเจ้านายหนุ่มนั้นแทบจะไม่เกินสามคำ
“เอ่อ นี่เป็นเอกสารทั้งหมดค่ะ”
กานดารีบเอาเอกสารที่เตรียมมาไปยื่นให้กับทุกคนที่ยังพากันอึ้งอยู่ ส่วนเดียร์น่าตอนนี้ก็มองเมฆาอย่างตกตะลึงเช่นกัน เขาไม่ใช่เชฟ ไม่ใช่มาเฟียแต่เขาเป็นผู้บริหารของบริษัทนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“เอ่อ ฝากตัวด้วยนะคะ...”
เดียร์น่ารีบพูด แต่ทุกคนกลับมองเธอเหมือนไม่ได้ยินดีกับการที่ได้เธอมาร่วมงานเลยสักนิด เพราะตอนนี้ภาพลักษณ์ของเธอมันอยู่ในด้านลบจนไม่รู้จะกลับมาบวกได้รึเปล่านี่สิ
“มีใครสนใจที่จะเป็นหัวหน้าโปรเจคไหม?”
เมฆาถามขึ้น แต่ทั้งห้องกลับเงียบไม่มีคำตอบให้กับเขา จนเมฆาต้องมองทุกคนอย่างมีคำถาม
“หรืออยากลาออก?”
เขาถามออกมา ทำเอาทุกคนถึงกับมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“เอ่อ บอสครับ ผมว่าภาพลักษณ์ของพรีเซนเตอร์ก็ต้องเข้ากับสินค้าของเรา...แต่คุณเดียร์น่า...”
หนึ่งในคนที่นั่งประชุมบอกขึ้น
“ทำไม?”
เมฆาหันไปมองด้วยสายตาอันดุดันจนทุกคนแทบก้มหน้าหลบกันไม่ทัน ส่วนเดียร์น่าก็เริ่มใจเสีย เพราะดูท่าทุกคนจะไม่ต้อนรับเธอ
“ผมตัดสินใจแล้ว ถ้าทำกันไม่ได้ก็ลาออกไป”
พอได้ยินแบบนั้นทุกคนในห้องต่างพากันเงียบไม่กล้าเสนอแนะอะไรอีก เพราะปกติเมฆาก็ดูน่ากลัวอยู่แล้ว พอมาเจอโหมดแบบนี้ยิ่งน่ากลัวเข้าไปอีกจนกานดาอดสงสารทุกคนในห้องนี้ไม่ได้
พอเห็นว่าไม่มีใครต่อต้านอีก กานดาเลยเปิดสไลด์โชว์ขึ้นมา เพื่อจะให้เมฆาที่เป็นคนคิดโปรเจคได้นำเสนอ
“เดือนหน้าจะมีการส่งอาวุธตัวใหม่ที่ทางเยอรมันคิดค้นขึ้นมาเป็นพิเศษ เราต้องทำการตลาดไปทั่วโลก เราจะเปลี่ยนคอนเซปจากการใช้แค่นายแบบและพรีเซนเตอร์ผู้ชายมาเป็นผู้หญิงแทน...”
“เอ่อ เดี๋ยวนะ...คะ...คือว่าอาวุธนี่คืออาวุธแบบไหนเหรอ...คะ?”
เดียร์น่าที่นั่งฟังอยู่ด้วยถามขึ้นอย่างนึกแปลกใจเมื่อเธอไม่รู้เลยว่าเขาจะให้เธอมาเป็นพรีเซนเตอร์อะไรยังไง
“อ้อ กานดาลืมให้เอกสารกับคุณเดียร์น่า นี่ค่ะ”
กานดารีบเดินเอาเอกสารอีกชุดไปวางให้เดียร์น่า และพอเดียร์น่าเปิดดูเธอถึงกับตกตะลึงเพราะมันเป็นอาวุธสงครามแทบทั้งหมด รวมถึงขีปนาวุธด้วย เธอเงยหน้าขึ้นมองเมฆาทันที
“อย่าบอกนะว่าบริษัทคุณ...ขายของพวกนี้”
เดียร์น่ามองเมฆาอย่างไม่อยากเชื่อ
“อืม”
เมฆาตอบออกมาแค่นั้น ทำเอาทุกคนในห้องต่างมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะพูดยังไงกับเจ้านายหนุ่ม เมื่อเดียร์น่าทั้งเอวบางร่างน้อยจะมาเหมาะกับอาวุธสงครามพวกนี้ได้ยังไง
“ฉันว่าฉันขอยกเลิกดีกว่า...ฉันไม่เหมาะกับของพวกนี้หรอกนะ...”
“20 ล้านคือค่าตัวคุณ แน่ใจนะว่าจะไม่รับ”
‘โอ้วววว นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ให้เพราะเสน่หารึไงคะบอส!’
กานดาคิดขึ้น เมื่อแค่โปรเจคฟ้าฝ่าก็ว่าตกใจแล้ว ยิ่งมาเจอพรีเซนเตอร์ยิ่งตกใจเข้าไปอีก และพอมาเจอค่าตัวและความดื้อดึงของเจ้านายหนุ่มยิ่งตกใจจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือความจริง
ส่วนเดียร์น่าเองก็ตกใจกับค่าจ้างจนพูดไม่ออกเช่นกัน
“งั้นก็ได้ครับ ผมขอเป็นหัวหน้าโปรเจคนี้”
และหนึ่งในคนที่นั่งประชุมอยู่ก็ยกมือเสนอตัวเป็นหัวหน้าโปรเจค เพราะดูท่าเมฆาจะไม่ยกเลิกแถมที่ผ่านมาไม่เคยมีงานไหนล้มเหลวเลยสักงานถ้าเมฆายื่นมือเข้ามาช่วยหรือเสนอมาแบบนี้
“ดีมาก คุณรับไปแล้วหาลูกทีมมาให้ครบ พอแค่นี้”
เมฆาไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่ามีคนรับงานต่อไปแล้ว ส่วนเดียร์น่าก็ได้แต่นั่งอึ้ง เมื่อทุกอย่างมันดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยสำหรับเธอในตอนนี้
“คุณ...เอ่อ เดี๋ยวก่อนสิ...”
เธอรีบเดินตามเมฆาออกไป
“หือ?...”
“คือว่าฉัน...ฉันคิดว่าฉันคงไม่เหมาะ ฉันเคยเป็นแค่นางแบบเสื้อผ้าเครื่องประดับ แล้วนี่อะไรอาวุธสงคราม จะให้ฉันขึ้นไปนั่งบนขีปนาวุธเพื่อถ่ายแบบเหรอ ฉัน...ฉันคิดว่าฉันคงทำไม่ได้หรอก”
“ยังไม่ลองรู้แล้วเหรอว่าทำไม่ได้...กานดา หาทีมงานมาช่วยดูแลเดียร์น่า ต่อไปนี้เธอจะเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ของบริษัท”
“ได้ค่ะ”
สั่งเสร็จเมฆาก็เดินจากไปปล่อยให้เดียร์น่าได้แต่มองตามหลังเขาอย่างหมดหวัง
“นี่มันข่าวบ้าอะไรกัน!! คุณเจส ให้คนติดต่อหาเดียร์น่าเดี๋ยวนี้ พาเธอมาพบผมให้ได้เข้าใจไหม!”
ทางด้านเรวัติที่พึ่งเห็นข่าวของเดียร์น่าถึงกับไม่พอใจตะโกนเรียกเลขาให้ตามหาเดียร์น่าที่เอาแต่ซ่อนตัวให้เจอเมื่อตอนนี้นักข่าวตามตัวนางแบบสาวจนเจอแล้ว อันที่จริงหลังจากวันนั้นเขาก็พยายามติดต่อหาเดียร์น่าตลอดแต่ติดต่อไม่ได้ เขาพยายามให้คนเลิกทำข่าวของเธอด้วยการยัดเงินพวกนักข่าวเมื่อเขาไม่สามารถออกมารับผิดเรื่องที่ปันปันให้เด็กในสังกัดไปนั่งเอนเตอร์เทนพวกเสี่ยๆได้เพราะมันอาจเป็นผลกระทบใหญ่โตกับบริษัท เลยได้แต่ปิดปากนักข่าวพวกนั้นไปแทน
“อะไรกัน หรือบอสจะเรียกเดียร์น่าเข้ามาทำงานอีก”
“ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้นางไปเป็นนางบำเรอให้กับเมฆาขนาดนั้น นางคงไม่กลับมาหรอก”
“แต่นางก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ ฉันได้ยินที่บอสพูดกับพี่ปันปันอ่ะ”
“ใครจะไปรู้ ไม่ผิดทำไมไม่ออกมาแก้ตัวล่ะ เงียบแบบนี้มันอาจจริงก็ได้”
พวกพนักงานของเรวัติต่างยังคลางแคลงสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเดียร์น่าแต่กลับไม่มีใครกล้าหาคำตอบเมื่ออาจกระทบถึงบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่ก็เป็นได้
“ห๊ะ? เอ่อ เย็นนี้?”
“ค่ะ พรุ่งนี้ผู้จัดการส่วนตัวของคุณเดียร์น่าและทีมงานจะเข้ามาคอยดูแลทุกอย่าง ส่วนเย็นนี้บอสจะพาพรีเซนเตอร์คนใหม่ไปเปิดตัว เดี๋ยวกานดาจะพาออกไปร้านเพื่อแต่งหน้าทำผมนะคะ คุณเดียร์น่ามีอะไรที่ต้องการอีกก็บอกกานดาได้เลยนะคะ”
ทางด้านเดียร์น่าที่ถูกเซอร์ไพรส์แล้วเซอร์ไพรส์อีกได้แต่ยืนงงคิดอะไรไม่ออก ทุกอย่างดูรวดเร็วเสกสรรได้ไปหมดจนเธอตามไม่ทัน
“เดี๋ยว เอ่อ เดี๋ยวก่อนนะคะ เดียร์น่างงไปหมดแล้ว...ไม่รู้ต้องทำยังไงต้องเริ่มยังไง แล้วไม่มีเวลาให้เดียร์น่าได้ทำใจก่อนบ้างเหรอคะ”
“เอ่อ คงต้องไปคุยกับบอสแล้วล่ะคะ งั้นเดี๋ยวบ่ายโมงกานดาจะเข้ามารับคุณเดียร์น่านะคะ ช่วงนี้ก็พักผ่อนที่ห้องนี้ได้เลย ส่วนห้องของบอสอยู่อีกฝั่งนะคะ”
พูดจบกานดาก็เดินออกจากห้องรับรองแขกไปทันที ปล่อยให้เดียร์น่าได้แต่ยืนงงอยู่ในห้องอันกว้างขวางนี่คนเดียว ทุกอย่างตอนนี้มันเหมือนความฝันมากกว่าความเป็นจริงสำหรับเธอ