ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงร้านอาหารประจำที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลขับรถไม่ถึง10นาทีด้วยซ้ำถ้าไม่ติดไฟแดง หลังจากได้ที่นั่งและสั่งอาหารเรียบร้อยวิรัญญาก็เอ่ยถามเพื่อนขึ้นมา
"เสาร์อาทิตย์นี้แก้มหยุดวันไหนน่ะเราว่างล่ะไปเยี่ยมสองแฝดกันไหม" วิรัญญาพูดถึงลูกสาวฝาแฝดของญาติผู้น้องอย่างณัฐวรินทร์ที่ตอนนี้หนูน้อยอายุได้สองเดือนกว่าแล้ว เธอเองก็ยุ่งจนไม่มีเวลาเข้าไปเยี่ยมทั้งหลานและก็ผู้ใหญ่ตั้งแต่น้องสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลไป
"เราหยุดวันอาทิตย์น่ะ ไปก็ดีเหมือนกันน้องรัญน้องรินกำลังจ้ำม้ำน่าฟัดมากเลยวิ ตอนต้นเดือนณัฐกับปรายพามาฉีดวัคซีนร้องแอ๊ะหน่อยเดียว พอป่ะป๊าเขาหลอกล่อด้วยของเล่นเจ้าตัวเล็กก็เงียบกริบน่าชังจริงๆ"
กวิสราเล่าพร้อมกับนึกภาพสองหนูน้อยฝาแฝดที่กำลังกินกำลังนอนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ให้เพื่อนสนิทอย่างวิรัญญาอมยิ้มตาม กวิสราเป็นคนที่ชอบเด็กๆมากกว่าเธอด้วยซ้ำคิดถึงอดีตของเพื่อนขึ้นมาก็นึกเจ็บใจแทน แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันที่กวิสราไม่พลาดตกร่องปล่องชิ้นไปกับผู้ชายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นคนที่น้ำตาตกในอาจจะกลายเป็นเพื่อนเธอนี่แหล่ะ เพราะเท่าที่รู้ข่าวหลังจากผู้ชายคนนั้นถูกบีบบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ตัวเองแอบไปมีสัมพันธ์จนอีกฝ่ายตั้งท้องขึ้นมา ฝ่ายชายยอมรับผิดชอบก็จริงแต่กลับทำตัวเจ้าชู้ไปเรื่อยนั่นคงจะเป็นสันดานและธาตุแท้ของเขาจริงๆ
"แก้ม ทุกวันนี้แก้มไม่ได้ปิดตัวเองใช่ไหมเรื่องหัวใจน่ะ"
กวิสราเมื่อได้ฟังคำถามเพื่อนรักก็ยิ้มอ่อนให้อีกฝ่ายพร้อมกับส่ายหน้า
"ไม่ได้ปิดหรอกวิ แต่แก้มไม่ได้สนใจมากกว่าบางทีเนื้อคู่เราอาจจะยังไม่เกิดหรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ฮึๆ"กวิสราพูดติดตลกทุกวันนี้เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องที่ผ่านมาตั้งสี่ปีนั่นแล้ว เมื่อคิดย้อนไปก็ออกจะดีใจด้วยซ้ำที่เขาคนนั้นเผยธาตุแท้ให้เธอเห็นซะก่อน
"แหม ทำเป็นพูดดีไปเถอะว่าเนื้อคู่ยังไม่เกิด ระวังกามเทพจะเล่นกลยิงศรรักใส่สักวันนะเพื่อน"
วิรัญญาเอ่ยล้อเลียนเพื่อนรักด้วยรอยยิ้ม รับรู้แบบนี้แล้วก็ค่อยสบายใจหน่อยนึกว่าเพื่อนยังฝังใจกับอดีตจนไม่ยอมเปิดใจรับใคร ทั้งที่ก็เห็นมีคนเข้ามาชอบอยู่เหมือนกัน
"ถ้าจะยิงศรใส่กันจริงๆก็ขอคนรักดีๆได้ไหมล่ะ จริงๆแก้มก็รู้สึกขยาดเหมือนกันนะวิ เจอแบบนั้นแล้วรู้สึกว่าผู้ชายไว้ใจเชื่อใจยากจริงๆ"
"ฮึๆ ถ้ากลัวผู้ชายจะลองเปลี่ยนมามองผู้หญิงดูบ้างไหมล่ะ ได้ข่าวว่าเจอสาวสวยรุกฆาตไม่ใช่เหรอ" วิรัญญาเอ่ยแซวเพื่อนด้วยรอยยิ้มก็ได้เห็นเพื่อนรักยิ้มแหยให้กลับมา
"นั่นก็น่ากลัวเกิน คงพูดแกล้งจีบไปงั้นละมั้งตั้งแต่น้องปรายออกจากโรงพยาบาลไปก็เห็นเงียบไปเลยนี่"
กวิสราเปรยออกมาให้เพื่อนฟัง ในหัวก็นึกไปถึงอีกคนที่เคยพูดทิ้งท้ายเอาไว้เมื่อสองเดือนก่อน ว่าจะมารับเธอไปทานข้าวด้วยแล้วไหงเจ้าตัวถึงหายเข้ากลีบเมฆไปเลยล่ะ
วิรัญญาอมยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ก็หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแบบนั้นไม่แน่อาจจะกำลังนึกถึงคนที่เธอจุดประเด็นเมื่อตะกี้ก็เป็นได้ ที่เธอรู้เรื่องนี้ก็เพราะญาติผู้น้องอย่างณัฐวรินทร์นั่นล่ะโทรมาคุยให้ฟังว่าพี่ภรรยาสนใจหมอแก้มจริงจังถึงขั้นบอกพ่อแม่ตัวเองว่าจะเปลี่ยนจากหาลูกเขยเป็นลูกสะใภ้แทน
ก็ไม่เชิงว่าคนน้องโทรมาเล่าเรียกว่าโทรมาขอข้อมูลส่วนตัวบางอย่างของเพื่อนเธอมากกว่า ปัณสิตาต้องการรู้แค่ว่าหมอแก้มได้คบใครเป็นตัวเป็นตนอยู่หรือเปล่าแค่นั้นเอง เรื่องของหัวใจไม่ว่าจะเป็นเพศไหนหากว่าคนสองคนคิดตรงกันขึ้นมามันก็ไม่มีใครห้ามความรักได้ สมัยนี้คนส่วนมากเขาก็ยอมรับเรื่องแบบนี้กันค่อนข้างมากแล้วล่ะถ้าคนเรามัวแต่มาแคร์ค่านิยมเดิมๆชีวิตก็คงหาความสุขที่แท้จริงกันไม่เจอ จะรักแบบไหนขอแค่อย่าทำร้ายหรือสร้างความเดือดร้อนให้ใครก็พอแล้ว
ส่วนคนที่ถูกพูดถึงว่าหายเข้ากลีบเมฆตอนนี้ก็ยืนคุยอยู่กับหัวหน้าคนงานที่ได้จ้างให้เอาดินมาลงปรับพื้นที่เพื่อเตรียมปลูกสร้างบ้านนั่นเอง
"ลุงน้อยช่วยดูพื้นที่ตรงท้ายที่มุมโน้นให้ปัณหน่อยนะคะ เหมือนดินมันจะยุบไปน่ะค่ะปัณอยากเอาไปลงแล้วเกลี่ยให้พื้นมันราบเสมอกันเพราะเดี๋ยวตอนสร้างกำแพงรอบที่จะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง" ปัณสิตาชี้บอกจุดที่เธอพูดถึงให้หัวหน้าคนงานมองตาม
"อ้อมุมนั้นใช่ไหมครับ ลุงไปสำรวจมาว่าจะบอกคุณปัณอยู่เหมือนกันว่าดินมันยุบลงสงสัยเวลาหน้าฝนน้ำคงเซาะไปด้วยน่ะครับ เดี๋ยวยังไงลุงจะบอกลูกน้องให้จัดการเอาดินไปลงให้"
ประสิทบอกกับนายจ้างสาวรุ่นลูกที่เขาได้รับการว่าจ้างงานมาจากบริษัทรับเหมาอีกทอดหนึ่งให้มาจัดการเคลียร์พื้นที่ปรับหน้าดินเพื่อที่จะเตรียมขึ้นโครงสร้างบ้านในต้นเดือนหน้า
"ขอบคุณมากค่ะยังไงปัณฝากดูความเรียบร้อยให้ด้วยนะคะ อาจจะไม่ได้แวะเข้ามาดูทุกวันแต่ปัณจะโทรหาลุงน้อยหรือถ้ามีอะไรขาดเหลือยังไงลุงน้อยติดต่อปัณได้เลยนะ"
"ครับคุณปัณไม่ต้องห่วงทางนี้ลุงจะดูแลให้เรียบร้อย อาทิตย์หน้าก็คงแล้วเสร็จแล้วล่ะครับ"
"ขอบคุณค่ะ นี่ค่ะปัณให้เอาไว้ซื้อน้ำซื้ออะไรทานกันนะคะเผื่อจะได้ไปอุดหนุนพวกลุงๆป้าๆหน้าที่ดินด้วย"
ปัณสิตายื่นธนบัตรใบสีเทาสองใบให้หัวหน้าคุมงานรับไป
"โถ่คุณปัณไม่ต้องให้ลุงหรอกครับมาทีไรก็หอบของกินทั้งข้าวกล่องทั้งน้ำขนมจนพวกผมแทบจะไม่ได้ควักเงินตัวเองด้วยซ้ำ"
ประสิทเอ่ยบอกนายจ้างอย่างเกรงใจเพราะปัณสิตาเข้ามาที่ดินเกือบทุกวันมาแต่ละครั้งสาวสวยคนนี้ก็หอบของกินมามากมายเรียกได้ว่าทำงานกันไม่อดไม่อยาก น้อยนักที่จะได้เจอนายจ้างที่มีน้ำใจให้กับคนงานหาเช้ากินค่ำอย่างพวกเขา แล้วนี่ยังมีน้ำใจให้เงินที่ไม่เกี่ยวกับค่าแรงพวกเขาอีก
"รับไปเถอะค่ะปัณถือว่าให้เป็นน้ำใจอีกอย่างปัณให้เอาไว้ซื้อของกินกันเผื่อปัณไม่ได้แวะเข้ามาด้วยค่ะ"
"ขอบคุณมากนะครับคุณปัณที่มีน้ำใจกับลูกจ้างอย่างพวกลุงน่ะ" ประสิทกล่าวขอบคุณคนที่ยัดเงินใส่มือให้เขาด้วยรอยยิ้มตื้นตันและชื่นชมในน้ำใจของอีกฝ่าย
"ถ้าอย่างนั้นปัณกลับก่อนนะคะฝากลุงน้อยด้วยละกันมีอะไรก็โทรติดต่อปัณได้เลยค่ะ"
ปัณสิตาเอ่ยบอกหัวหน้าคนงานก่อนจะเดินออกมาขึ้นรถยนต์ของตัวเองที่จอดไว้ตรงทางเข้าที่ดินที่ตอนนี้รื้อสังกะสีฝั่งด้านหน้าออกไปบางส่วนแล้ว เมื่อเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว แวะไปดูสักหน่อยก็ดีเผื่อได้เห็นหน้า เรียวปากสวยเผยรอยยิ้มออกมาบางๆเมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำมาร่วมสองเดือน
สาวสวยที่เดินเข้ามาในร้านตอนเวลาเกือบหกโมงเย็นเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ส่งยิ้มบางให้กับพนักงานที่เริ่มจะคุ้นหน้ากันแล้ว
"รับเหมือนเดิมหรือเปล่าคะลูกค้า"
พนักงานสาวส่งเสียงถามพร้อมแจกยิ้มบริการให้ลูกค้าคนสวยที่จะเห็นแวะมาที่ร้านในเวลาแบบนี้ถึงไม่ได้มาทุกวันแต่ก็ไม่ต่ำกว่าสามวันต่อสัปดาห์ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดูเด่นสะดุดตาพนักงานในร้านกาแฟที่เปิดอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้เลยพากันจำลูกค้ารายนี้ได้ทุกคน
"เหมือนเดิมค่ะ"
ปัณสิตายิ้มบอกกับพนักงาน
"ลูกค้านั่งรอสักครู่นะคะเดี๋ยวให้น้องเอาไปให้"
"ขอบคุณค่ะ"
ร่างสูงเดินไปเลือกนั่งยังโต๊ะในสุดที่มักจะว่างเสมอเวลาที่เธอแวะเข้ามามันจึงเหมือนเป็นโต๊ะประจำของเธอไปแล้วทั้งที่ก็ไม่ได้แวะมาทุกวัน ไม่นานเด็กในร้านก็ถือถาดพร้อมแก้วเครื่องดื่มที่สั่งมาวางให้แล้วเดินไปทำหน้าที่อย่างอื่นต่อ
ปัณสิตานั่งดื่มเครื่องดื่มเย็นๆพลางสายตาคมก็มองไปยังทางเดินหน้าร้านซึ่งเป็นทางผ่านเข้าออกในโรงพยาบาลที่ครอบครัวน้องเขยอย่างณัฐวรินทร์มีหุ้นอยู่ที่โรงพยาบาลนี้เช่นกัน สายตาที่เหมือนมองอะไรไปเรื่อยเปื่อยจึงไม่ได้เป็นที่สังเกตุของใคร จนกระทั่งร่างบางคุ้นตาของใครบางคนเดินคุยยิ้มแย้มออกมากับคุณหมอผู้หญิงอีกคนที่ปัณสิตาเห็นหลายครั้งคงจะเป็นเพื่อนหมอแผนกเดียวกันละมั้ง
สายตาคมหวานมองตามร่างบางของคุณหมอไปจนทั้งคู่เดินเลี้ยวไปยังส่วนที่จะไปลานจอดรถของโรงพยาบาล ก็แค่นี้แหล่ะที่ต้องการวันนี้คิดๆไปก็ให้นึกขำตัวเองอยู่เหมือนกันอายุจะเข้าเลขสามอยู่ไม่กี่วันข้างหน้าแต่ทำตัวเหมือนเด็กหนุุ่มตกหลุมรักสาวจนต้องมาแอบมองแอบดูเขาอยู่บ่อยๆแอบมองไม่พอถึงขั้นแอบขับรถตามคุณหมอไปจนรู้บ้านของอีกฝ่ายเลยล่ะ อีกไม่นานหรอกคุณหมอเราจะได้เจอกันอย่างเป็นทางการสักที
ช่วงสายของวันหยุดบ้านกิตติวรโชติก็ได้ต้อนรับคุณหมอสองคนที่อีกคนคือญาติเจ้าของบ้านที่นานๆจะว่างมีเวลาได้แวะเข้ามาเยี่ยมเยือนกันสักที อีกคนก็คือคุณหมอผู้ที่ทำคลอดให้หนูน้อยฝาแฝดที่กำลังถูกอุ้มถูกหอมอยู่ในตอนนี้
"ทำไมน่าฟัดน่าชังอย่างนี้คะหืม ดูสิไม่มีร้องงอแงเลย เลี้ยงง่ายไหมคะน้องปราย"
กวิสราอุ้มน้องรัญที่ตอนนี้เจ้าตัวเล็กกำลังยิ้มมองมาที่คนหยอกคุยด้วยตาแป๋วแหว่วมือเล็กก็ไขว่คว้าจะจับสิ่งที่คุณหมอยื่นหลอกล่อ
"ก็ถือว่าไม่ยากเท่าไหร่ค่ะพี่หมอแก้ม ถ้าไม่ง่วงไม่หิวก็แทบไม่ร้องเลยค่ะ"
ปรายฟ้าตอบคุณหมอหน้าหวานด้วยรอยยิ้มลูกสาวทั้งสองค่อนข้างที่จะเลี้ยงง่ายพอสมควรแม้แต่ตอนกลางคืนก็มีตื่นขึ้นมาแค่รอบเดียวช่วงตีหนึ่งตีสองแล้วก็หลับยาวยันเช้าเลย
"ดีจังเลยค่ะเลี้ยงง่ายๆแบบนี้ก็น่ามีสักสามสี่คนนะใช่ไหมณัฐ"
วิรัญญาเอ่ยเย้าทั้งน้องสาวน้องสะใภ้ คนที่ยิ้มถูกใจคงไม่ใช่ใครนอกจากป่ะป๊าหน้าคมคนสวย
"ณัฐน่ะอยากมีอีกสักคนค่ะ แต่คนอุ้มท้องจะยอมหรือเปล่านี่สิคะ"
ณัฐวรินทร์พูดออกมาแต่ตาก็มองมายังคนที่นั่งหน้าขึ้นสีระเรื่ออยู่ข้างๆด้วยรอยยิ้มหวาน
"มีอีกคนก็กำลังดีนะพี่ว่ายังไงถือว่าน้องปรายน่ะโชคดี เจ็บสองครั้งได้มาสาม หรือหากโชคดีได้มาแฝดอีกคู่นี่สุดยอดนะฮ่าๆ"
คำพูดกึ่งแซวของญาติผู้พี่ก็เรียกทั้งรอยยิ้มเขินและเสียงหัวเราะของคนที่นั่งฟังอยู่ด้วยกัน
"ถ้าจะมีเพิ่มก็คงรอให้น้องรัญน้องรินโตกว่านี้ก่อนแหล่ะค่ะ ไม่งั้นก็จะดูแลกันไม่ไหว กลางวันน่ะไม่เท่าไหร่ค่ะมีคนช่วยเลี้ยงเยอะ แต่ถ้ากลางคืนเกิดงอแงขึ้นมาพร้อมกันละก็ปรายไม่อยากนึกภาพเลยค่ะคงวุ่นน่าดู"
ปรายฟ้าพูดออกมานึกถึงเวลาที่ลูกสาวตื่นหิวนมร้องพร้อมกันก็อดจะยิ้มไม่ได้ ดีที่ณัฐวรินทร์ก็ช่วยกันทุกครั้งแค่ได้ยินเสียงร้องเล็กๆกลางดึกอีกฝ่ายก็จะลุกขึ้นมาดูตลอด มานั่งเป็นเพื่อนจนลูกหลับไปนั่นล่ะพวกเธอถึงได้นอนกัน
คำบอกเล่าของคุณแม่ลูกอ่อนทำให้กวิสรานั่งฟังยิ้มตามไปด้วยจู่ๆภาพที่คุณป้าคนสวยของเด็กน้อยสองคนในวันที่อยู่โรงพยาบาลก็แวบเข้ามาในหัว ภาพที่ปัณสิตาอุ้มหลานคนหนึ่งในอ้อมแขนพร้อมกับมืออีกข้างที่ว่างก็ประคองขวดนมใส่ปากหลานน้อยอีกคน เวลาที่เจ้าตัวเล็กงอแงพร้อมกันก็คงจะเป็นแบบนั้นสินะปากบางแย้มยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวว่าพักนี้ตัวเองน่ะนึกถึงอีกคนที่หายหน้าไปบ่อยแค่ไหน
"เออวันนี้หนูปัณจะแวะเข้ามาหรือเปล่าหนูปราย" นุชจรีเอ่ยถามลูกสะใภ้ขึ้นมาขณะที่ทุกคนรวมทั้งคุณหมอทั้งสองร่วมรับประทานมื้อเที่ยงกันที่โต๊ะอาหารของบ้าน
"ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะคุณแม่ พี่ปัณบอกแค่ว่าถ้ากลับมาถึงไม่ดึกมากก็จะแวะเอาของฝากมาให้ด้วยค่ะ ถ้าดึกก็คงจะเข้ามาพรุ่งนี้แทน"
"คุณปัณไปเที่ยวไหนเหรอน้องปราย"
วิรัญญาเอ่ยถามเธอเองไม่ได้อยากรู้นักหรอกแต่ที่ถามน่ะเผื่อคนข้างๆที่นั่งทานอาหารไม่พูดไม่จาแต่ก็มีมารยาทพอที่จะเงยหน้ามายิ้มให้คนรอบข้างบ้าง
"ไม่ได้ไปเที่ยวไหนหรอกค่ะพี่หมอ พอดีพี่ปัณไปสัมนาที่เพชรบุรีตั้งแต่วันศุกร์กลับวันนี้แต่ไม่รู้จะถึงกี่โมงค่ะ" ปรายฟ้าตอบไปตามจริง ถ้าไม่ติดธุระที่ไหนพี่สาวเธอก็มาขลุกอยู่ที่บ้านเล่นกับหลานตัวน้อยนี่แหล่ะ
"ถ้าไม่ไปไหนก็จะมาขลุกอยู่กับหลานทั้งวันนั่นล่ะหนูวิ"
อาณัฐเอ่ยเสริมถึงอีกคนที่เหมือนกลายเป็นลูกสาวบ้านนี้ไปด้วยแล้วตอนนี้
"คุณปัณนี่ก็ดูรักเด็กมากเหมือนกันนะคะ" วิรัญญาเปรยขึ้นมายิ้มๆแต่หากไปสะกิดใจคนข้างๆแบบไม่ตั้งใจ
"ทั้งรักทั้งหลงเลยล่ะนี่ขนาดว่าน้องรัญน้องรินยังอายุเท่านี้คนเป็นป้าซื้อกระทั่งชุดนักเรียนมาเตรียมไว้ให้หลานแล้วฮ่าๆ"
คำบอกกล่าวกลั้วขำของผู้ใหญ่ในบ้านก็ทำเอาทุกคนที่ได้ฟังถึงกับขำตามไม่เว้นแม้แต่คุณหมอหน้าหวานที่นั่งฟังเงียบๆ คงจะรักจะเห่อหลานมากจริงๆนะนั่น ดูหลานน้อยอีกตั้งสามปีกว่าจะได้ใส่ชุดนักเรียนที่ว่ากวิสราคิดไปก็อดยิ้มขำไม่ได้
*****
วันนี้เป็นวันหยุดของใครหลายๆคนรวมทั้งสาวสวยที่กำลังเดินเข้าไปยังโรงพยาบาลเอกชนติดอันดับในเรื่องการบริการรวดเร็วและเครื่องไม้เครื่องมือทันสมัยครบครัน วันนี้เธอเองก็ตั้งใจมาหาหมอแต่ไม่ได้มารักษาโรคอะไร หากแต่ตั้งใจจะมาเซอร์ไพร้ส์คุณหมอหน้าหวานรับไปทานข้าวด้วยกันอย่างที่เคยบอกอีกคนไว้เมื่อสองเดือนก่อนนั่นเอง
ปัณสิตาเดินไปยังแผนกสูติที่เป็นส่วนทำงานของอีกคน ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงกว่าแล้วเธอจึงหาที่นั่งรอคนที่ทำงานและยังไม่รู้ตัวว่าวันนี้จะโดนลากตัวไปไหน ปัณสิตาที่นั่งรออีกคนเกือบชั่วโมงแต่กลับไม่เดือดร้อนอะไรเพราะเธอพอจะรู้อยู่แล้วว่าคนเป็นหมอต้องสลับกันไปพักเพื่อที่คนไข้ที่มารอรับบริการจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลานั่งรอตรวจ
และเวลาแห่งการรอของเธอก็หมดลงเมื่อสายตามองไปเห็นคุณหมอเดินออกมาจากห้องตรวจ ปัณสิตาก็เดินยิ้มกริ่มเข้าไปหาเป้าหมายทันที กวิสราเองที่เพิ่งจะเห็นคนที่เดินยิ้มเข้ามาหาก็ขมวดคิ้วแปลกใจไม่น้อยที่ได้เจอคนที่หายไปนานแต่จู่ๆก็โผล่มาแบบไม่ให้ตั้งตัว
"สวัสดีค่ะคุณหมอ ปัณมารับไปทานข้าวค่ะ" เสียงสดใสพร้อมรอยยิ้มหวานที่ส่งให้คนได้รับต้องยิ้มตอบออกมาบางๆ นี่เอาจริงเหรอเห็นเงียบหายไปเธอก็นึกว่าอีกฝ่ายพูดเล่นซะอีก สงสัยเธอต้องคิดใหม่แล้วละมั้งกวิสรานึกในใจ
คล้อยหลังของคุณหมอหน้าหวานกับสาวสวยแปลกหน้าที่เพิ่งจะเคยเห็นวันนี้ ก็ทำเอาพยาบาลสองคนที่นั่งประจำหน้าห้องคุณหมอหันมามองหน้ากันอย่างสงสัย
"ใครอ่ะแก สวยมั่นดูดีจัง เพื่อนหมอแก้มเหรอไม่เคยเห็น เอ แต่รูปหน้าก็คลับคล้ายคลับคลาอยู่นะ เหมือนเคยเห็นใครหน้าตาแบบนี้"
"นั่นสิรูปหน้าหวานแต่ตางี้คมเชียว ฉันว่าไม่น่าใช่เพื่อนคุณหมอหรอกเมื่อกี้เห็นคุณหมอยิ้มรับอย่างเดียวไม่เห็นทักอะไร แล้วเพื่อนที่ไหนจะยิ้มให้คุณหมอหวานหยดปานนั้นอ่ะแก"
สองสาวพยาบาลผู้ทำงานที่นี่มาร่วมห้าปีมองหน้ากันเหมือนจะถามกันว่า มันเป็นไปได้เหรอเธอ
"คุณปัณจะพาหมอไปทานร้านไหนคะหมอมีเวลาไม่เกินชั่วโมงครึ่งนะคะ"
กวิสราเอ่ยถามคนที่มีรอยยิ้มแต้มบนใบหน้าไม่จางตั้งแต่เจอหน้าซึ่งตอนนี้กำลังทำหน้าที่สารถีขับรถพาเธอออกมาจากโรงพยาบาล
"ร้านแถวนี้แหล่ะค่ะ รับรองไม่พาคุณหมอกลับมาส่งเกินเวลาพักแน่นอน"