ปัณสิตาหันมาตอบคนข้างๆด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปสนใจถนนเบื้องหน้าที่เธอจะขับพาไปยังร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกล มันเป็นร้านอาหารที่ไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่แต่เข้าไปในซอยด้านในซึ่งเธอแอบตระเวนมาดูและไปลองชิมมาแล้วเรียบร้อยก่อนหน้านี้
"ทำงานเหนื่อยหรือเปล่าคะ?"
คำถามธรรมดาแต่น้ำเสียงที่แฝงความอ่อนโยนออกมาด้วยทำให้คนที่นั่งมองอะไรข้างทางต้องหันมามองคนที่ตั้งใจขับรถอยู่ ริมฝีปากบางสีชมพูเรื่อเผยยิ้มบางออกมาก่อนจะตอบ
"วันไหนที่คนไข้เยอะหรือต้องไปช่วยตรวจแผนกหมอทั่วไปก็มีเหนื่อยบ้างเป็นธรรมดาแหล่ะค่ะ"
"แล้วหมอมีวันหยุดยังไงคะ ปัณหมายถึงวันหยุดประจำสัปดาห์น่ะค่ะ"
คนที่ขับรถก็ยังชวนอีกคนคุยไปด้วย
"ถ้าหยุดประจำก็สัปดาห์ละวันแค่นั้นละคะถ้าจะหยุดมากกว่านั้นหรือมีธุระต้องไปทำก็ต้องขอลาหยุดเหมือนงานประจำทั่วไป หรือขอแลกเวรสลับวันหยุดกับหมอท่านอื่น"
ปัณสิตาหันมามองคนที่ตอบคำถามเธอพลางยิ้มอ่อนให้ ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในซอยไม่นานก็มาถึงร้านอาหารที่เหมือนจะเป็นท้ายซอยพอดีมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นขึ้นทั่วทั้งบริเวณให้แลดูร่มรื่นซึ่งมีบริการทั้งโต๊ะนั่งภายในร้านที่มุงหลังคาสูง และที่ทำเป็นซุ้มคล้ายเพิงพักเล็กๆตั้งรายล้อมรอบบริเวณร้าน
กวิสราเปิดประตูลงมายืนมองไปรอบๆบริเวณ เธอทำงานอยู่แถวนี้มาเป็นสิบปีแต่ไม่ยักรู้ว่ามีร้านอาหารที่มีบรรยากาศร่มรื่นน่านั่งอยู่ใกล้ๆแถวนี้ด้วย
"หมอจะนั่งในร้านหรือนั่งที่ซุ้มคะ? ปัณสิตาเดินมายืนข้างคนที่กำลังมองสำรวจไปทั่วบริเวณร้าน
"ขอนั่งตรงซุ้มนั่นแล้วกันค่ะ ท่าทางน่าจะเย็นร่มรื่นดี"
กวิสราชี้มือไปยังซุ้มที่อยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ให้คนที่มองตามยิ้มให้
"งั้นก็ไปค่ะ ดีนะที่เรามาเวลานี้ถ้ามาช่วงเที่ยงพอดีอาจจะไม่มีที่นั่งก็ได้ นี่ขนาดบ่ายโมงแล้วลูกค้ายังเยอะอยู่เลย"
"คุณปัณรู้จักร้านนี้ได้ยังไงคะ หมออยู่แถวนี้มาเป็นสิบปียังไม่รู้เลย"
" ก็เพราะหมอนั่นล่ะคะปัณถึงรู้จักร้านนี้"
คำตอบที่ได้รับทำให้คุณหมอขมวดคิ้วหันไปมองคนที่เดินข้างกันมาก็เห็นเจ้าตัวอมยิ้มมองมาอยู่เช่นกัน
"ยังไงคะหมองงนะนี่?"
เมื่อเดินมาถึงซุ้มที่เลือกนั่งกวิสราจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
"ก็ปัณจะพาคุณหมอมาทานข้าวปัณก็เลยต้องตระเวนหาร้านอาหารใกล้ๆที่จะทำให้คุณหมอสะดวกกับการเดินทางที่มีเวลาจำกัดน่ะสิคะ ปัณก็เลยสอบถามพี่วินมอร์ไซค์แถวปากทางเขาเลยแนะนำมาน่ะค่ะ"
ปัณสิตาเอ่ยเล่าให้อีกคนฟังขณะที่รอเด็กในร้านมารับออเดอร์
กวิสราที่ได้ฟังข้อมูลจากอีกคนก็เผลอยิ้มออกมาบางๆไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะลงทุนขนาดตระเวนหาร้านเพื่อความสะดวกของเธอ ก็นึกว่าเป็นร้านที่อีกคนเคยมาทานประจำซะอีก
"ค่ะบรรยากาศร่มรื่นดี หมอก็นึกว่าเป็นร้านประจำคุณปัณซะอีกเห็นขับรถเหมือนชำนาญทางมากนะคะ หมอยังไม่เคยขับมาด้วยซ้ำซอยนี้"
"ปัณก็เพิ่งมาครั้งที่สองนี่แหล่ะค่ะ" ปัณสิตาบอกอีกคนยิ้มๆ
หลังจากที่สั่งอาหารไปห้าอย่างรอประมาณสิบนาทีอาหารที่สั่งก็เริ่มทยอยมาเสิร์ฟกลิ่นหอมๆเรียกน้ำย่อยของกระเพาะได้ดีทีเดียว
"ดูน่าทานดีนะคะ" กวิสราพูดขึ้นมาเมื่ออาหารที่สั่งไปวางอยู่ตรงหน้าครบแล้ว
"ค่ะมาปัณตักข้าวให้ค่ะ"
กวิสรากล่าวขอบคุณคนที่คอยดูแลเทคแคร์เธอด้วยรอยยิ้ม จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เธอถูกดูแลเอาใจใส่จากคนที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อหรือเป็นคนในครอบครัวแถมอีกฝ่ายก็ยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย มันก็รู้สึกดีไปอีกอย่างเหมือนกันแฮะ
"เป็นยังไงบ้างคะ รสชาติอาหารอร่อยหรือเปล่า?"
ปัณสิตาเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกคนชิมอาหารครบทุกเมนูแล้ว กวิสราส่งยิ้มบางให้พร้อมพยักหน้า
"อร่อยดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่พามารู้จักแหล่งของกินอีกที่ คราวหน้าคงต้องชวนหมอวิมาทานร้านนี้บ้างแล้วละคะ อาหารอร่อยบรรยากาศเย็นสบายดีด้วย"
"อ้าว แล้วไม่คิดจะชวนปัณมาทานด้วยเหรอคะ" คนที่พามาก็ร้องทักขึ้นมาหน้ามุ่ยให้คุณหมอหลุดยิ้มขำก่อนจะแกล้งถาม
"แล้วคุณปัณจะว่างมาเหรอคะ"
"ถ้าหมอชวนยุ่งแค่ไหนปัณก็จะมาค่ะ"
คำตอบที่มาพร้อมรอยยิ้มหวานที่ส่งให้ก็เล่นเอาคนที่ได้ฟังใบหน้าขึ้นสีซะอย่างนั้น เมื่อหาคำโต้ตอบไม่ได้คุณหมอหน้าหวานเลยต้องทำทีก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไป ให้คนที่นั่งจ้องอยู่อมยิ้มชอบใจที่ได้เห็นท่าทางเขินไปไม่เป็นของคนตรงหน้า
ปัณสิตาขับรถกลับมาส่งคุณหมอที่โรงพยาบาลอีกครั้งหลังจากผ่านมื้ออาหารที่เธอแสนรื่นรมณ์ด้วยรอยยิ้มเพราะตลอดเวลาเธอก็แอบหยอดเล็กหยอดน้อยคุณหมอคนสวยจนจบมื้ออาหารนั่นแหล่ะ
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับอาหารมื้อนี้"
กวิสราหันมากล่าวขอบคุณสารถีที่ส่งยิ้มแป้นมาให้เธออยู่
"ยินดีค่ะคุณหมอ ไว้ปัณจะมาหาใหม่นะคะ"
คำบอกของอีกคนทำให้คุณหมอได้แต่ส่งยิ้มบางกลับไปให้ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถคันหรูยังดีที่ตอนนี้มีเวลาพักเหลือเกือบยี่สิบนาทีเธอจึงไม่ต้องรีบร้อนเท่าไหร่ แต่พอเดินมาได้ไม่ไกลก็ได้ยินเสียงร้องเรียกตามหลังให้ได้หันกลับไปมองก็เห็นคนที่คิดว่าขับรถออกไปแล้วเดินเร็วมาหาเธอ
"มีอะไรหรือเปล่าคะคุณปัณ?" กวิสรารีบถามคนที่ทำสีหน้าตาตื่นเหมือนหาอะไรไม่เจอ
"หมอคะปัณรบกวนหมอโทรเข้ามือถือปัณหน่อยสงสัยลืมหยิบโทรศัพท์มาจากร้านด้วย ไม่รู้เขาจะเก็บไว้ให้หรือเปล่า"
"อ้าว แย่เลย แล้วมีข้อมูลอะไรสำคัญในนั้นหรือเปล่าคะ"
กวิสราก็รีบหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาเพื่อจะโทรเข้าเครื่องอีกคนทันที
"ก็มีโน๊ตสำคัญอยู่เหมือนกันค่ะแต่ถ้าหายจริงก็คงต้องทำใจแหล่ะ"
"คุณปัณบอกเบอร์มาเลยค่ะ"
กวิสรารีบกดเบอร์ตามที่อีกคนบอกก่อนกดโทรออกไม่นานก็มีคนรับสายให้เธอได้ใจชื้นขึ้นมา
"ฮัลโหลค่ะ คือพอดีเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ลืมโทรศัพท์ไว้ที่ร้านน่ะค่ะ เอ่อไม่ทราบว่าคนรับสายเป็นพนักงานของร้านหรือเปล่าคะ? อ่อ คะๆขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเก็บไว้ให้เดี๋ยวเจ้าของจะกลับไปเอานะคะ ขอบคุณมากค่ะ"
กวิสราวางสายพร้อมกับบอกคนที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"โชคดีที่เด็กในร้านช่วยเก็บไว้ให้ คราวหน้าก็ระวังอย่าไปเผลอลืมไว้ไหนอีกล่ะ อาจจะไม่โชคดีเหมือนคราวนี้ก็ได้นะคะ"
คนหน้าหวานที่เผลอบ่นออกไปเพราะห่วงว่าเจ้าของเครื่องอาจจะลำบากหากมีข้อมูลสำคัญในโทรศัพท์หายไปแต่คนที่ถูกบ่นกลับยิ้มแก้มปริจนน่าหมั่นไส้
"ค่า ต่อไปปัณจะพยายามไม่ลืมค่ะ งั้นปัณกลับไปเอาโทรศัพท์ก่อนนะคะไว้ปัณจะมาหาใหม่นะคะคุณหมอ" กวิสราพยักหน้าให้
"ค่ะขับรถดีๆนะคะ"
"รับทราบครับผ้ม"
คำตอบรับแสนทะเล้นของคนที่ยิ้มหวานส่งให้ก็ทำให้คนที่เผลอตัวพูดอะไรในทำนองห่วงกันได้แต่ส่ายหน้ายิ้มตามหลังคนที่เดินกลับไปขึ้นรถอีกครั้ง สรุปแล้วมันอะไรยังไงกันละเนี่ยเธอเปิดโอกาสให้อีกคนจีบยังงั้นเหรอ คิดแล้วก็ชักจะงงกับตัวเองเหมือนกันนะนี่กวิสราส่ายหัวให้กับตัวเองขณะเดินกลับเข้าไปทำงานต่อ
ส่วนคนเจ้าแผนการที่จงใจทิ้งโทรศัพท์ราคาหลักหมื่นไว้ที่ร้านอาหารก็ยิ้มหน้าบานขับรถกลับไปที่ร้านอย่างมีความสุข ได้เบอร์คุณหมอมาก็คุ้มค่าแถมยังได้เห็นความขี้บ่นห่วงใยเล็กๆน้อยๆแถมมาด้วยจะไม่ให้ยิ้มแก้มแตกได้ยังไงกัน
เสียงข้อความในโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องตรวจดังขึ้นมาตอนได้เวลาพักทานข้าวพอดียังกับว่าอีกคนนั้นตั้งเวลาออโต้ส่งเอาไว้อย่างนั้นล่ะ กวิสราหยิบมาเปิดอ่านก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาเมื่ออ่านเสร็จ
"ได้เวลาหาอะไรเลี้ยงพยาธิแล้วค่ะคนสวย ทานข้าวให้อร่อยนะคะ...คิดถึงค่ะ"
ข้อความที่ถูกส่งมาจากแอปยอดฮิตหลังข้อความยังมีสติกเกอร์รูปหัวใจสีแดง แถมด้วยตัวการ์ตูนเด็กหญิงน่ารักกอดกันด้วย
"ขอบคุณค่ะ คุณปัณก็หาอะไรทานด้วยนะคะ"
สุดท้ายเธอก็ต้องพิมพ์ตอบข้อความอีกคนกลับไปด้วยทุกครั้ง ตั้งแต่เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่ปัณสิตามารับเธอไปทานข้าวด้วยกันหลังจากที่อีกฝ่ายกลับไปเอาโทรศัพท์ที่ลืมไว้ที่ร้านแล้ว เจ้าตัวก็ส่งข้อความเป็นเมสเสสมาบอกว่าขอเก็บเบอร์ไว้โทรเฉพาะเวลาฉุกเฉินเท่านั้นล่ะ และอีกคนก็ไม่เคยโทรหาเธอจริงๆนอกจากส่งข้อความมาหาวันล่ะสองเวลาทุกวันคือตอนพักทานข้าวกับข้อความบอกฝันดีทุกคืน
ก็เป็นคนแปลกดีทั้งที่อีกคนเวลาเจอกันก็ดูเหมือนจะรุกจนเธอกลัว แต่พอเอาเข้าจริงๆก็ยังปล่อยให้เธอได้ใช้ชีวิตปกติอยู่จะมีก็เพียงข้อความที่ส่งมาบอกว่าห่วงใยคิดถึงนี่ล่ะ ที่ยังบอกให้รู้ว่าอีกคนนั้นยังคิดอะไรกับเธออยู่
ในเมื่ออีกฝ่ายก็ยังไม่ได้พูดหรือบอกอะไรกันมาตรงๆเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร มันก็เลยกลายเป็นเหมือนมีคนรู้จักเพิ่มขึ้นมาในชีวิตก็ยังคงคุยกันได้ปกติเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง
หลังจากเลิกงานเสร็จปัณสิตาแวะไปที่ห้างใหญ่วันนี้เธอเอารถยนต์มาทำงานเพราะต้องแวะไปซื้อของหลายอย่างเข้าห้องทั้งของใช้และพวกของแห้งของสดต่างๆสัปดาห์ที่แล้วกลับบ้านที่ระยองมาจึงไม่ได้มีเวลาซื้อ ไหนๆวันนี้ก็ไม่ได้มีธุระที่ไหนก็ไปเดินตากแอร์เล่นสักหน่อยก็ดี
เมื่อเข้ามายังส่วนซุปเปอร์มาร์เกตร่างสูงก็เดินเข้าไปดึงรถเข็นเข้าไปเลือกของที่ตั้งใจมาซื้อไปเรื่อยๆ
"ปัง อุ๊ย! ขอโทษค่ะ"
เสียงกระแทกของรถเข็นดังขึ้นตรงมุมชั้นที่จะแยกไปแต่ละซอยทำให้สองเสียงของเจ้าของรถร้องอุทานขอโทษออกมาพร้อมกัน
"หมอแก้ม!?"
"อ้าว คุณปัณ"
กวิสรามองไปยังคนที่ยืนยิ้มกว้างส่งให้ อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ล่ะ
"มาซื้อของเหรอคะ พรุ่งนี้ปัณว่าจะแวะไปหาอยู่พอดีเลย"
ปัณสิตาเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มเมื่อบังเอิญเจอคนที่ไม่ได้เห็นหน้ามาหลายวันเพราะเธอยุ่งทำธุระหลายอย่างเลยกลายเป็นได้แค่ส่งข้อความหาอีกคนแทน
"ค่ะ พอดีวันนี้คนไข้ไม่เยอะก็เลยออกมาก่อนเวลาหน่อย แล้วนี่คุณปัณมาซื้ออะไรบ้างคะ?"
กวิสรายิ้มตอบให้สาวสวยที่ยังส่งยิ้มตาหวานมาให้เธออยู่
"พวกของใช้แล้วก็พวกของกินน่ะค่ะที่ห้องหมดเกลี้ยงแล้วหมอได้ของครบหรือยังคะ รีบกลับหรือเปล่าพอจะมีเวลาไปนั่งดื่มอะไรเย็นๆกันหน่อยไหมคะ?"
"ก็เหลือของใช้อีกสองสามอย่างค่ะ แล้วคุณปัณซื้อครบหรือยัง"
"ก็ว่าจะไปดูพวกอาหารสดสักหน่อยน่ะค่ะซื้อไปติดตู้เย็นไว้บ้าง"
"อืม ถ้างั้นเราแยกกันไปซื้อของก่อนแล้วกันค่ะ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวเจอกันที่ร้าน×××ดีไหมคะจะได้เอาของไปเก็บที่รถด้วย"
กวิสราออกความเห็นให้คนสวยรีบพยักหน้ารับทันที
"โอเค ตามนั้นค่ะเดี๋ยวเจอกันที่ร้านนะคะ"
ปัณสิตาส่งยิ้มให้คุณหมอพยักหน้าก่อนจะแยกกันไปซื้อของๆตัวเองให้เรียบร้อย
ยี่สิบนาทีต่อมาทั้งสองสาวก็มานั่งอยู่ในร้านขายพวกเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่ง ขณะที่นั่งรอเครื่องดื่มกับขนมเค้กทานเล่นปัณสิตาก็เอ่ยถามขึ้นมา
"วันอาทิตย์นี้หมอว่างหรือเปล่าคะ"
"อืม ก็ว่างนะคะคุณปัณจะชวนไปไหนคะ"
"จะชวนไปทำบุญร่วมชาติค่ะ"
คำตอบพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มแฝงความหมายในเชิงหยอดจีบมาอีกแล้วเมื่อได้อยู่ต่อหน้ากัน กวิสราก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
"ที่ไหนคะ?"
คำถามเปิดมาแบบนี้แสดงว่าคุณหมอคนสวยจะไปกับเธอใช่ไหม คนชวนยิ้มกว้างออกมาทันที
"ก็แถวอยุธยานี่แหล่ะค่ะใกล้ดี หรือว่าคุณหมอมีวัดไหนที่อยากจะไปเป็นพิเศษหรือเปล่าละคะปัณไปได้หมดนะ"
กวิสราส่ายหน้า
"ไม่มีหรอกค่ะ แล้วแต่คุณปัณก็แล้วกัน"
คำตอบรับง่ายๆทำให้คนชวนที่เผื่อใจว่าคุณหมอคนสวยอาจจะไม่สะดวกก็ถึงกับยิ้มกว้างอวดฟันสวยจนคนมองก็อดจะยิ้มตามไม่ได้
เออเน๊าะเธอเองก็ไม่ค่อยจะเข้าใจตัวเองสักเท่าไหร่ก็รู้ทั้งรู้ว่าสาวสวยตรงหน้าเข้ามาเพราะมีจุดประสงค์อะไร แต่เธอกลับไม่ปฏิเสธแถมยังจะเออออไปกับอีกฝ่ายด้วย
"เอ่อ คุณปัณทำไมไม่ทานละคะ น้ำละลายหมดแล้วนะ"
กวิสราเอ่ยบอกคนที่นั่งมองเธออมยิ้มตาหวานอยู่หลายนาทีแล้ว หลังจากที่พนักงานนำเครื่องดื่มและขนมเค้กชิ้นเล็กมาเสิร์ฟ
"แค่นั่งมองหมอทานปัณก็อิ่มไปทั้งใจลามไปถึงกระเพาะแล้วละคะ"
คำตอบที่ฟังแล้วออกจะเลี่ยนอยู่ไม่น้อยหากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่สาวสวยแบบปัณสิตามาพูดน่ะนะกวิสราก็ได้แต่ส่ายหัวยิ้มออกมาบางๆกับมุขเสี่ยวของคนตรงหน้า
จู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นมาให้เธอได้ขมวดคิ้วตามไม่ทัน
"ตอนนี้หมอโสดหมอไม่ได้คบใครอยู่ใช่ไหมคะ"
ปัณสิตาเอ่ยถามออกไปทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอได้ข้อมูลส่วนตัวของกวิสรามาบ้างแล้ว แต่ก็อยากรู้จากปากคุณหมอเองว่าจะตอบยังไง
กวิสรานิ่งไปสักพักก็ยอมพยักหน้าให้อีกฝ่าย
"ก็ไม่ได้คบใครนะคะ"
เธอเลือกจะพูดความจริงมากกว่าจะมานั่งตอบคำถามทีหลังหากคิดจะโกหกออกไป
"ไหนๆตอนนี้หมอก็โสด หมอรักเด็ก หมอมีสัญชาตญาณของความเป็นแม่สูงมาก หมอคือคนที่ปัณต้องการหมอคะ เราแต่งงานกันไหม"?
"ห๊ะ! ค คุณปัณว่าอะไรนะคะ?"
กวิสราแทบจะสำลักน้ำที่กำลังดูดจากหลอดจนต้องรีบกลืนลงคอ เมื่อกี้เธอไม่ได้หูเพี้ยนใช่ไหมที่สาวสวยตรงหน้าชวนเธอแต่งงานน่ะ
"ปัณชวนหมอแก้มแต่งงานค่ะ"
"เอ่อ นี่ล้อหมอเล่นใช่ไหมคะ"
กวิสราย้ำอีกครั้ง แต่คนตรงหน้าก็ยังส่ายหน้ายิ้มหวานหยดให้กันอีก
"ปัณพูดจริงๆค่ะ ไม่ได้พูดเล่นว่าไงคะ ถ้าหมอไม่รังเกียจปัณจะไปบอกให้พ่อมาสู่ขอทันทีเลย"
กวิสราที่ตอนนี้หัวสมองแทบจะประมวลผลไม่ทันกับสิ่งที่อีกฝ่ายรุกแรงขนาดนี้
"เอ่อ เดี๋ยวก่อนค่ะคุณปัณ คือ เอาตรงๆนะคะ หมอไม่ได้มีอคติอะไรกับการรักชอบเพศเดียวกันแต่หมอไม่เคยคบกับผู้หญิงมาก่อน อีกอย่างเราก็เพิ่งจะรู้จักกันเองนะคะ"
"ปัณก็ไม่เคยคบผู้หญิงมาก่อนค่ะ หมอแก้มคือผู้หญิงคนแรกที่ปัณคิดจะคบด้วย"
คำตอบตรงไปตรงมาก็ทำเอาคุณหมอไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน
"หมอถามจริงๆเถอะค่ะ ทำไมคุณปัณถึงเลือกที่จะ เอ่อ ชวนหมอแต่งงานแบบนี้"
สุดท้ายเธอเลือกที่จะถามเหตุผลของอีกคนออกมา และนั่นก็ได้เห็นรอยยิ้มและดวงตาเป็นประกายพราวของคนตรงหน้า
"หมอเป็นคนแรกที่ปัณเห็นหน้าครั้งแรกแล้วหัวใจเต้นผิดจังหวะ และหมอก็เป็นคนแรกที่ปัณเห็นหน้าแล้วคิดอยากจะทำอะไรมากกว่านั่งจ้องตากัน ถ้าปัณจะบอกว่ารักหมอมันคงจะดูเร็วไปเอาเป็นว่าหมอคือคนที่ใช่สำหรับปัณก็แล้วกัน"
คำตอบที่ได้ฟังทำเอาคุณหมอคนสวยถึงกับอึ้งและใบหน้าขาวใสนั่นก็เหมือนจะมีริ้วแดงจางๆเริ่มแผ่กระจายไปทั่ว ถ้าอีกคนเป็นผู้ชายแล้วมาพูดอะไรแบบนี้มันก็คงไม่แปลกแต่นี่คนที่เพิ่งจะเอ่ยบอกความรู้สึกในใจให้เธอฟังเมื่อครู่คือสาวสวยหน้าตาดีที่กำลังนั่งส่งยิ้มหวานหยดมาให้กัน แล้วใจเธอมันทำไมถึงได้เต้นแรงขึ้นมาแบบนี้ด้วยล่ะ